อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 896 ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่ตาย
ตอนที่ 896 ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่ตาย
ตอนที่ 896 ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่ตาย
เจียงอวิ๋นเซิงสูดลมหายใจ กำลังคิดจะพูด จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วตกใจกับเสียงการเคลื่อนไหวดังสนั่นนี้ ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่งในทันใด จนไม่ได้ตั้งใจฟังสิ่งที่เจียงอวิ๋นเซิงต้องการกล่าว ไปยืนอยู่ตรงประตูห้องเพื่อฟังการเคลื่อนไหวภายนอก
เสียงตำหนิของหลัวเซิ่งโหย่วดังออกมาจากด้านนอก “ท่านอ๋องอยู่ที่นี่แท้ๆ พวกเจ้าช่างไร้กฎเกณฑ์เกินไปแล้ว”
ข้าหลวงฉินที่ถูกหลัวเซิ่งโหย่วตำหนิเหงื่อแตกพลั่ก คุกเข่าอยู่ที่พื้นตัวสั่นเทา ข้างกายเขายังมีหญิงชราคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ด้วย
ทั้งสองคนก้มศีรษะให้เย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋อง เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ข้าน้อยมิได้จัดการหลานของข้าน้อยให้ดี จนเขาทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจ ขอท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตเขาด้วยขอรับ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว หลัวเซิ่งโหย่วโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูเขา “หัวหน้าสายตรวจฉินเป็นหลานชายของข้าหลวงฉิน เป็นบุตรชายของน้องชายแท้ๆ ของเขา คนที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ คือมารดาของเขาขอรับ”
เขากล่าวแล้วหยุดไป จากนั้นก็กล่าวเสริม “ตอนนี้ข้าหลวงฉินไม่มีบุตรชาย ดังนั้นหัวหน้าสายตรวจฉินจึงเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลฉิน ท่านแม่ของเขาย่อมให้ความสำคัญอย่างมาก ข้าหลวงฉินน่าจะถูกนางบังคับให้มาที่นี่ขอรับ”
ไม่อย่างนั้นด้วยความกล้าระดับข้าหลวงฉิน จะยอมมาปรากฏตัวต่อหน้าเย่ซิวตู๋เพื่อหาเรื่องใส่ตัวหรือ
เย่ซิวตู๋พยักหน้า มองดูหญิงที่นั่งคุกเข่าคอยบีบแขนของข้าหลวงฉินอย่างสุดกำลัง แค่นหัวเราะออกมา เกรงว่าที่หัวหน้าสายตรวจฉินมีท่าทางไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้ คงจะเป็นเพราะถูกหญิงแก่ผู้นี้ตามอกตามใจ
“เหตุใดท่านข้าหลวงจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า พวกเราไม่ได้จะฆ่าใครเสียหน่อย” หนานหนานยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ เขาแปลกใจอย่างมาก ท่านพ่ออุ้มเขาอยู่ตลอดเช่นนี้ไม่เมื่อยมือหรอกหรือ หรือว่าใช้ตนเพื่อฝึกกำลังแขนอยู่
เขาอยู่ใกล้ ดังนั้นจึงได้ยินคำพูดของหลัวเซิ่งโหย่ว
ข้าหลวงฉินตะลึง ไม่กล้าเงยหน้า แต่หญิงแก่ข้างกายของเขา เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่นุ่มนวลเช่นนี้ก็กล้าขึ้นมาทันที รีบเงยหน้ากล่าว “เพราะหัวหน้าสายตรวจฉินผู้นั้นเป็นหลานชายคนเดียวของข้าแล้วเจ้าค่ะ เห็นแก่ที่ข้าเป็นเพียงหญิงชราคนหนึ่ง โปรดอย่าได้ถือโทษโกรธเขาเลยนะเจ้าคะ”
ข้าหลวงฉินรีบห้ามมารดาของตน สีหน้ากังวลเป็นอย่างมาก
หลัวเซิ่งโหย่วมองจากด้านข้างแล้วหัวเราะเยาะ นางคิดว่าตนเองเป็นใครกัน ท่านอ๋องจำต้องเห็นแก่อายุของนางด้วยหรือไร
ด้วยสถานะของนาง ไม่มีคุณสมบัติจะมาอยู่ขวางหน้าขวางตาท่านอ๋องเสียด้วยซ้ำ
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะเอาชีวิตเขาเสียหน่อย” เย่ซิวตู๋กล่าวเสียงเย็น
หญิงแก่ผู้นั้นดีใจ ไม่สนใจสัญญาณของข้าหลวงฉินที่คอยส่งให้ทางสายตาอยู่ด้านข้างเลย รีบคุกเข่าขยับไปข้างหน้าสองสามก้าว “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องช่างใจดีมีเมตตานักเจ้าค่ะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านอ๋องเป็นคนดี เช่นนั้น เช่นนั้นบอกให้พวกเขาไม่ขังหลานชายข้าแล้วได้หรือไม่ สงสารที่เขาถูกโบยเสียแทบตายเจ้าค่ะ ถ้าหากถูกขังคุกอีกคงจะต้องลำบากอย่างมากเป็นแน่ ท่านอ๋อง หากท่านอ๋องเองก็เห็นด้วย ข้าน้อยจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งเลยเจ้าค่ะ”
ข้าหลวงฉินนึกเสียใจเป็นอย่างมาก เหตุใดเขาจึงลืมไปได้ เพื่อหัวหน้าสายตรวจฉินแล้ว ท่านแม่ผู้นี้สามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
แต่ไม่รอให้เขากล่าวอันใด มารดาของเขาก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง “จริงสิ ข้ามีหลานสาวอยู่คนหนึ่ง รูปงามราวกับบุปผา เป็นที่เลื่องลือไปสิบลี้แปดหมู่บ้านเลยเจ้าค่ะ ถ้าหากท่านอ๋องไม่รังเกียจ ข้าก็จะให้นางมาคอยรับใช้อยู่ข้างกายท่าน”
“…” เสิ่นอิง โม่เสียน และเผิงอิงพากันอ้าปากค้าง นี่เห็นได้ชัดว่าต้องการส่งคนมาให้ท่านอ๋องถึงเตียงไม่ใช่หรือ?
“…” หนานหนานเบิกตากว้าง เข้าใจอันใดผิดหรือไม่ เขายังฟังอยู่ที่นี่ ก็จะหาแม่เลี้ยงให้เขาแล้วหรือ?
“…” อวี้ชิงลั่วแทบจะพ่นน้ำในปากออกมา นี่คิดว่านางตายแล้วหรือ?
“…” หลัวเซิ่งโหย่วลอบถอนหายใจ สถานการณ์ตระกูลฉินเป็นอย่างไร เขาก็พอรู้อยู่ เดิมทีข้าหลวงฉินมาจากครอบครัวยากจน ทั้งยังเป็นคนที่กตัญญูอย่างโง่เขลาเสียด้วย
แม่ของเขามีหน้ามีตาชั่วข้ามคืน บุคลิกท่าทางก็เกินจะยอมรับ ในวันธรรมดาเมื่อเข้าสังคมกับฮูหยินของข้าหลวงคนอื่นๆ หากตำแหน่งต่ำกว่าข้าหลวงฉิน ก็จะยกยอและตามใจนาง ถึงแม้ในใจจะแอบหัวเราะเยาะนางก็ตาม แต่ก็ชื่นชมเสียจนนิสัยของนางยิ่งยโสและคิดว่าตนถูกเสมอเข้าไปอีก
ส่วนคนที่มีตำแหน่งทางการสูงกว่าข้าหลวงฉิน อย่างเช่นภรรยา ลูกๆ และมารดาของเขา ก็ย่อมดูถูกดูแคลนการเข้าสังคมของนาง
แต่ตอนนี้ คนที่มีนิสัยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกลับมาแสดงตนต่อหน้าท่านอ๋องซิว
ข้าหลวงฉินยิ่งอยากจะเป็นลม รีบตะคอก “ท่านแม่ อย่าพูดไร้สาระสิ”
“ข้าจะพูดไร้สาระได้อย่างไร ข้าได้ยินคนอื่นเขาพูดกัน บอกว่าหากส่งสาวงามไปคอยเป่าหูท่านอ๋อง ท่านอ๋องก็จะดีกับเจ้าด้วย เจ้าเป็นข้าราชการในสถานที่เส็งเคร็งเช่นนี้มาโดยตลอด เมื่อไหร่จะได้เลื่อนตำแหน่งเล่า ทำให้หลานของข้าได้เป็นเพียงหัวหน้าสายตรวจตัวเล็กๆ หากบุตรสาวของเจ้าทำให้ท่านอ๋องมีความสุขได้ ครอบครัวเราก็จะได้ไปอยู่เมืองหลวง ก็จะได้มีความสุขกับเกียรติยศและความมั่งคั่งเสียที”
หลัวเซิ่งโหย่วสูดหายใจ คำกล่าวนี้ต่อให้ในใจคิด แต่ก็ไม่ควรพูดออกมา
เย่ซิวตู๋หัวเราะเยาะสองสามครั้ง มองข้าหลวงฉินและมารดาของเขา จากนั้นก็หันไปหาหลัวเซิ่งโหย่วแล้วกล่าว “หัวหน้าสายตรวจฉินทำให้ข้าขุ่นเคืองใจ ทั้งยังคิดจะใส่ร้ายว่าข้าเป็นผู้ร้าย ความผิดร้ายแรงเช่นนี้ควรลงโทษอย่างไร ใต้เท้าหลัวคงจะพอรู้กระมัง”
นี่เห็นได้ชัดว่าใช้ตำแหน่งข่ม หลัวเซิ่งโหย่วพยักหน้าทันที “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
ข้าหลวงฉินนั่งลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง ท่านแม่ของเขายังไม่ค่อยเข้าใจ ยังคิดจะกล่าวอันใดอีก หลัวเซิ่งโหย่วกลับกล่าวออกมา “หัวหน้าสายตรวจฉินตำแหน่งต่ำต้อยแต่ทำให้เบื้องบนขุ่นเคือง ใส่ร้ายท่านอ๋อง ตั้งใจจะฆ่าท่านอ๋องและซื่อจื่อน้อย… มีโทษประหาร”
มีโทษประหารหรือ? แม้ข้าหลวงฉินและมารดาของเขาไม่เข้าใจส่วนอื่น แต่สี่คำนี้กลับเข้าใจชัดเจน
นางตกตะลึงไปทันใด รีบคลานเข้าไปหวังจะคว้าชายชุดของเย่ซิวตู๋
แต่เผิงอิงเข้ามาขวางด้านหน้าและใช้เท้าเตะนางออกไปอย่างไม่เกรงใจ
“ท่านอ๋อง หลานชายข้าพูดไม่กี่คำเท่านั้น เหตุใดจึงต้องโทษประหารเล่าเจ้าคะ อายุของเขายังน้อยนัก ไม่รู้ความ ท่านเห็นแก่หญิงชราอย่างข้า แล้วปล่อยเขาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอ๋อง…”
นางเอาแต่ร้องห่มร้องไห้จนข้าหลวงฉินหวาดกลัวมากว่านางจะร้องไห้จนทำให้คนทั้งจวนฉินต้องตายกันหมด ตอนนี้ล้วนไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น รีบเข้าไปปิดปากนาง
แต่ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “นั่นสิ หัวหน้าสายตรวจฉินก็เพียงทำหน้าที่ตามคำสั่ง เขาต้องการเข้าตรวจค้นห้องของท่านอ๋อง ก็ถือเป็นงานกิจวัตร เหตุใดจึงต้องถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงเพียงนี้เล่า?”
เย่ซิวตู๋มุ่นคิ้ว จากนั้นก็มองไปเห็นคนเจ็ดแปดคนเดินเข้ามาจากด้านนอกโรงเตี๊ยม
สวมใส่ชุดแพรท่าทางองอาจ สีหน้าเย็นชา มีความเย็นชาเสียยิ่งกว่าผู้อารักขาที่ผู้ตรวจการพามาอย่างมาก
ส่วนด้านหลังของพวกเขาก็มีคนคนหนึ่งค่อยๆ เดินมา เป็นคนที่พวกเย่ซิวตู๋คุ้นเคยอยู่เล็กน้อย
คำกล่าวเมื่อครู่ก็ออกมาจากปากเขา “ท่านอ๋อง หัวหน้าสายตรวจฉินให้ความร่วมมือกับข้าเพื่อจับอาชญากรเขาเองก็ทำตามหน้าที่นะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ในห้องถอยเท้าก้าวหนึ่งทันที ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา ทันใดนั้นก็นางหันไปมองเจียงอวิ๋นเซิง
เจียงอวิ๋นเซิงยิ้มขื่นให้นาง ที่อ้ำอึ้งอยู่เมื่อครู่ก็กลายเป็นถอนหายใจในที่สุด แล้วกล่าวออกมาช้าๆ “แม่นางอวี้ เมื่อครู่ข้าไม่ได้บอก ตอนนี้หากบอกก็เกรงว่าจะสายไปแล้ว”
“เจ้า… คนด้านนอกก็คือ…”
“ขอรับ คนที่นำทหารรักษาพระองค์มาตามฆ่าข้า ก็คือใต้เท้าอวี๋ อวี๋จั้วหลินขอรับ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วป้า ภรรยาและลูกท่านอ๋องยังไม่ตายนะ
กระจั๊วแซ่อวี๋นี่มันยังไม่ตายอีกเหรอ ทนทายาดจริงๆ เลย
ไหหม่า(海馬)