อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 899 ตัดหัวเสีย ข้ารับผิดชอบเอง
ตอนที่ 899 ตัดหัวเสีย ข้ารับผิดชอบเอง
ตอนที่ 899 ตัดหัวเสีย ข้ารับผิดชอบเอง
อวี๋จั้วหลินถอยเท้าก้าวหนึ่งทันที พอเห็นว่าเป็นนาง สีหน้าก็ปรากฏความยินดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่เมื่อนึกถึงความคับข้องหมองใจระหว่างนางกับเขา สีหน้าก็ทะมึนลงในทันที
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของเขาก็แปรปรวนเปลี่ยนไปมา แปลกประหลาดอย่างอธิบายไม่ถูก
อวี้ชิงลั่วกลับไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว หันหลังปิดประตู จากนั้นก็เดินมาอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋
หลังจากนั้นแววตาก็กวาดมองทุกคนอย่างรวดเร็ว กล่าวเสียงเย็น “โวยวายอันใดกัน มาล้อมอะไรอยู่ตรงนี้ ไปให้พ้น”
น้ำเสียงคำรามของนางทั้งดัง เย็นชาและโกรธเกรี้ยวเสียจนคนเหล่านั้นตะลึงไป
หลัวเซิ่งโหย่วมองนางอย่างสงสัย ไม่แน่ใจในสถานะของนาง
ข้าหลวงฉินเงยหน้าอย่างเงียบๆ มองอยู่แวบหนึ่งจากนั้นก็ลดศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
เย่ซิวตู๋กลับลุกขึ้น นำที่นั่งให้นางนั่ง “บอกว่ารู้สึกไม่สบายไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงออกมาเสียแล้วเล่า?”
“พวกท่านตั้งหลายคนมาเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่ ข้าจะพักดีๆ ได้หรือ” อวี้ชิงลั่วนั่งลงตามมือของเขา ส่งเสียงฮึดฮัด กวาดตามองอีกครั้งด้วยสายตาเฉียบคม
หลัวเซิ่งโหย่วตกตะลึงเล็กน้อย ท่านอ๋องซิวยอมสละที่นั่งให้หญิงคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
อีกทั้งท่าทางนั้นยังไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนอีกด้วย
ยังไม่ต้องพูดว่าเขาเป็นท่านอ๋องที่เป็นที่โปรดปรานและได้รับหน้าที่บ่อยครั้ง แม้แต่ชายหนุ่มจากครอบครัวธรรมดาก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะสละที่นั่งให้สตรีคนหนึ่งเลย
เย่ซิวตู๋เงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หันไปมองอวี๋จั้วหลิน “เจ้าได้ยินแล้วนี่ ชิงเอ๋อร์บอกว่าพวกเจ้าเอะอะเกินไป ยังไม่ไปอีกหรือ”
อวี๋จั้วหลินระบายลมหายใจช้าๆ เขารู้แต่แรกแล้ว หากได้พบเย่ซิวตู๋ ก็ต้องได้พบอวี้ชิงลั่ว
เขาเงียบไป จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา หัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าว “ท่านอ๋องช่างขี้ลืมเหลือเกิน ข้าบอกแล้วว่าข้าได้รับคำสั่งให้เข้าไปตรวจค้น”
“ตรวจค้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้าแล้วกล่าว “เจ้าอยากจะตรวจค้นห้องข้าหรือ? คงอยากตายเสียแล้วกระมัง”
หลัวเซิ่งโหย่วสั่นไปทั้งร่าง เมื่อครู่ท่านอ๋องยังไม่กล่าวเช่นนี้ แม่นางผู้นี้นี่ช่าง…
อวี๋จั้วหลินเม้มปาก “อวี้ชิงลั่ว ในมือข้า…”
“เฮอะ ชื่อของข้า เจ้าเรียกได้หรือ?”
อวี๋จั้วหลินกัดฟัน กล่าวอย่างเย้ยหยัน “ข้าน้อยลืมไป ตอนนี้ท่านเป็นองค์หญิงเทียนฝู มีตำแหน่งสูงส่งไปแล้ว”
“เรื่องที่ข้ามีตำแหน่งสูงส่งนี้ไม่ต้องสงสัยเลย แต่ตอนนี้เจ้ากลับยังคงเป็นเพียงก้อนดินก้อนหนึ่งที่ค้ำกำแพงก็ยังไม่ได้ อวี๋จั้วหลิน เจ้ายังเฝ้าประตูเมืองไม่พอใช่หรือไม่ หากยังไม่พอใจ ครั้งหน้าก็ไปทำไร่เสียเถิด”
หลัวเซิ่งโหย่วและข้าหลวงฉินล้วนตกตะลึง หากเป็นชื่อขององค์หญิงเทียนฝู…พวกเขาล้วนรู้จัก
เรื่องราวโกลาหลในเมืองหลวงเมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาเองก็ไปสอบถามมาอย่างชัดเจนแล้ว
ได้ยินว่าองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่นั้นเป็นหมอปีศาจชื่อดังที่ท่องยุทธภพมานาน ได้ยินว่านิสัยของหมอปีศาจนั้นคาดเดาได้ยาก วันนี้ได้เห็นแล้ว ที่แท้ข่าวลือก็เป็นความจริง
สีหน้าของอวี๋จั้วหลินทั้งโกรธเกรี้ยวและซีดเผือด อวี้ชิงลั่วทำเขาอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย น่าอายเกินจะรับไหวยิ่งกว่าที่เย่ซิวตู๋ทำเสียอีก
หากทำได้ เขาอยากจะตบนางสักสองฉาดจริงๆ
เพียงแต่ว่ามองใบหน้านางแล้ว เขาก็รู้สึกคันไม้คันมืออย่างอธิบายไม่ถูก อยากจะเข้าไปลูบมัน
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ใบหน้าทะมึนลงทันที เดินตรงเข้าไปดึงอวี้ชิงลั่วมาไว้ด้านหลัง
“ใต้เท้าอวี๋ สั่งคนของเจ้าให้แยกย้ายไปเสีย” เย่ซิวตู๋กล่าว ยื่นมือไปทางด้านหลังเขา
อวี้ชิงลั่วมอง หยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีทองในมือวางลงบนมือของเขา
เย่ซิวตู๋ยกฝ่ามือขึ้น ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นแทบจะชนหน้าของอวี๋จั้วหลิน รูม่านตาของเขาหดลงทันที คุกเข่าลงโดยไม่รู้ตัว
คนที่อยู่ที่นั่นตกตะลึง ดวงตาของหลัวเซิ่งโหย่วเฉียบคม เพียงหางตาก็สังเกตเห็น ทันใดนั้นก็คุกเข่าสองข้างลงแล้วตะโกนสรรเสริญ
ทั้งสองคนที่ใหญ่ที่สุดล้วนคุกเข่าแล้ว คนอื่นๆ จึงไม่มีเหตุผลให้ยืนอีกต่อไป ไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนอง พากันคุกเข่ากระทบลงกับพื้นดังตุบตับ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกระคายหู รู้สึกเห็นใจกับความเจ็บปวดของพวกเขาขึ้นมาเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋มองลงไปยังอวี๋จั้วหลิน แค่นหัวเราะ “เสด็จพ่อประทานป้ายอาญาสิทธิ์ให้แก่ข้า เห็นป้ายอาญาสิทธิ์ก็เหมือนได้พบฝ่าบาท ตอนนี้เจ้ายังกล้านำพระราชโองการนั้นมารบกวนข้าอีกไหม อวี๋จั้วหลิน เจ้าคิดว่าข้าจัดการเจ้าไม่ได้หรือ?”
อวี๋จั้วหลินคุกเข่าอยู่กับพื้น สีหน้าฉายแววหวาดกลัว แต่ยังคงกัดฟัน ไม่กล้าแม้แต่จะกล่าวอันใด
เย่ซิวตู๋เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ กล่าวเย้ยหยัน “ตอนนี้คงไม่มีใครอยากค้นห้องข้าแล้วกระมัง ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าไปได้แล้ว”
กล่าวจบเขาก็หันหลังไปกระซิบกับอวี้ชิงลั่ว “ชิงเอ๋อร์ สีหน้าเจ้าดูไม่สู้ดีเลย ข้าจะเข้าไปพักผ่อนกับเจ้าเอง อย่ามาถูกรบกวนเพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้เลย”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นก็พาอวี้ชิงลั่วกลับเข้าห้องโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่อยู่ที่พื้น
เพียงแต่ก่อนจะกลับเข้าห้อง กลับยิ้มหยันและสั่งเสิ่นอิงรวมถึงคนอื่นๆ “คอยเฝ้าอยู่ด้านนอก หากใครกล้ามารบกวนการพักผ่อนของข้าและชิงเอ๋อร์อีก ตัดหัวมันเสีย ข้ารับผิดชอบเอง”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาเงยหน้ามองเขา ช่างหล่อมากๆ เสียจริงๆ
ทำอย่างไรดี ชอบเขามากขึ้นอีกหน่อยแล้ว
เย่ซิวตู๋ปิดประตูดัง ‘ปัง’ เมื่อลดสายตามองก็เห็นแววตาของนางเป็นประกาย เลิกคิ้วแล้วถาม “มีอะไรหรือ?”
“คิดว่าท่านรูปงามน่ะ” อวี้ชิงลั่วกล่าว
ดวงตาของเย่ซิวตู๋ส่องประกาย ในแววตาสะท้อนไปด้วยร่างของนาง
“เลี่ยนจริงๆ” หนานหนานตัวสั่นอย่างแรง ลูบแขน พูดอะไรไม่ออก
เย่ซิวตู๋ได้สติกลับมา ก็พบว่าตอนนี้ไม่ค่อยถูกเวลาและสถานที่นัก ในห้องนี้ยังมีคนอีกหลายคน
ร่องรอยความกระอักกระอ่วนปรากฏบนใบหน้า กระแอมครั้งหนึ่ง ก้มลงจ้องหนานหนานแล้วกล่าว “ไปอยู่ห่างๆ เลย”
“เฮอะ” หนานหนานทำท่าฮึดฮัด จากนั้นก็วิ่งไปที่ขอบเตียง กล่าวกับแม่นมเซียวที่นั่งอยู่ตรงนั้น “แม่นม ไม่มีอะไรแล้วขอรับ ท่านพ่อท่านแม่จัดการเรียบร้อยแล้ว”
แม่นมเซียวถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็จับแขนที่บาดเจ็บของนางอย่างระมัดระวังแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ
เส้นประสาทของเจียงอวิ๋นเซิงที่ตึงเครียดมาโดยตลอดก็ผ่อนคลาย เห็นว่าอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋เดินมา ความลำบากใจก็ฉายบนใบหน้าของเขา “ขอบคุณท่านอ๋องและแม่นางอวี้มากขอรับ”
บรรยากาศในห้องดูเป็นกันเองขึ้นมาก แม้แต่กลิ่นเลือดก็จางหายไปไม่น้อย
ด้านนอกห้องกลับเงียบสนิท อวี๋จั้วหลินลุกขึ้นจากพื้น ดึงมืออย่างแรง สีหน้าไม่พอใจ
ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ด้านหลังก้าวเข้ามา “ใต้เท้า…”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจียงอวิ๋นเซิงอยู่ในนี้จริงๆ?”
“ใต้เท้าขอรับ ตามเบาะแสแล้ว เจียงอวิ๋นเซิงขึ้นรถม้าคันนั้นจริงๆ เจ้าของรถม้าคันนั้นมาพักที่นี่เป็นที่สุดท้าย ดังนั้น…”
อวี๋จั้วหลินยกมือ พยักหน้า แล้วแค่นหัวเราะออกมา
เขาได้รับคำสั่งมาจากเหมิงกุ้ยเฟยให้มาตามฆ่าเจียงอวิ๋นเซิง ตลอดทางมาที่นี่ ไม่คิดเลยว่าดวงของเจ้าคนผู้นั้นจะแข็งเพียงนี้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตาย
เพียงเขามาถึงจ้าวเฉิง ก็ได้บอกข้าหลวงฉินไว้แล้ว ว่าให้เขาตรวจสอบคนที่เข้าออกจ้าวเฉิงอย่างเคร่งครัด และให้ข้าหลวงฉินส่งหัวหน้าสายตรวจและทหารไปตรวจค้นโรงเตี๊ยมทีละแห่ง
คิดไม่ถึงว่าจะมาพบเย่ซิวตู๋เข้า ไม่คิดเลยว่าเขาจะอยู่ที่นี่
“ใต้เท้า ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“ทำอย่างไรหรือ เฮอะ ข้าจะรอดูว่ามันจะซ่อนตัวได้นานเพียงไหน ไป” อวี๋จั้วหลินโบกมือ จากนั้นก็พาทหารรักษาพระองค์จากไป
เย่ซิวตู๋ฟังการเคลื่อนไหวด้านนอก หรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินมาที่โต๊ะ หยิบพู่กันมาเขียนจดหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยิ่งใหญ่กว่าท่านอ๋องก็พระชายาของท่านอ๋องนี่แหละ มาทีเดียวเรื่องจบ
ไหหม่า(海馬)