อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 90 เป็นอะไรกัน
ตอนที่ 90 เป็นอะไรกัน
นัยน์ตาของหลิ่วเซียงเซียงมีแค่อวี้ชิงลั่ว ขอแค่ทำให้อวี้ชิงลั่วตายก็พอแล้ว จึงไม่ได้มีเวลาไปสนใจหญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ
ด้วยเหตุนี้จึงปรี่ตัวเข้ามาอย่างไม่ลดละ ท่าทางดูสู้สุดชีวิตอย่างสมบูรณ์
อวี้ชิงลั่วเกิดอาการใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ มือข้างหนึ่งจึงหยุดแม่เฒ่าฟางไว้ทันที ยกเท้าขวาขึ้นมาและเตะเข้าที่ท้องของหลิ่วเซียงเซียง
“โอ๊ย”
“อ๊ะ”
เสียงร้องสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งเป็นเสียงร้องโหยหวนของหลิ่วเซียงเซียงที่ถูกเตะจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับเก้าอี้ ส่วนอีกเสียงคือเสียงร้องด้วยความตกใจของแม่เฒ่าฟางที่ถูกนางดึงถอยกลับมาจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
แม่เฒ่าฟางก้นกระแทกพื้น สติจึงกลับมาโดยพลัน กริชในมือถูกโยนออกไปในทันที ทั้งศีรษะชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะมองขึ้นมาที่อวี้ชิงลั่ว “แม่…แม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วดึงขากลับมา มองไปที่อีกฝ่าย “เจ้าอยากตายหรือ?”
ฆ่าหลิ่วเซียงเซียงในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ พวกเขาแต่ละคนคงไม่มีใครหลุดพ้นไปได้ อยากฆ่าคนก็ต้องสอดคล้องกับเวลา สถานที่ และผู้คน ถึงจะทำเช่นนั้นได้
แม่เฒ่าฟางรีบส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่ ข้าเพียงแต่เห็นว่านาง…”
“เอาล่ะ เจ้าลงไปเถอะ” อวี้ชิงลั่วย่อมทราบดีว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร คนของจวนแห่งนี้ต่างก็คิดว่านางอ่อนโยนและเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกผู้อื่นรังแก ไม่มีใครรู้เลยว่านางเองก็มีทักษะนิดหน่อย สามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินขั้นพื้นฐานได้
แม่เฒ่าฟางพยักหน้า ถึงตอนนี้นางก็ยังกลัวไม่หาย นางถือกริชแล้วรีบถอยออกไป
อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะหันมอง ก็เห็นว่าจินหลิวหลีซัดจนผู้คุ้มกันคนสุดท้ายสลบไปแล้ว นางปัดฝุ่นที่อยู่บนร่างกายเดินมาข้าง ๆ หลังจากสบตากับอวี้ชิงลั่ว จึงเดินไปยืนตรงหน้าหลิ่วเซียงเซียงที่กำลังกุมท้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“เจ้า แค่ก ๆ…” หลิ่วเซียงเซียงปิดตาด้วยความเจ็บปวด มือข้างขวากุมท้องพยายามที่จะลุกขึ้นยืน ทว่าราวกับท้องบิดจนกลายเป็นก้อนอย่างไรอย่างนั้น ทำให้นางลุกขึ้นยืนไม่ไหวจริง ๆ ทำได้เพียงแค่ซบกับพื้น เงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วอย่างอาฆาตมาดร้าย
“เจ้ากล้า เจ้ากล้าลงมือกับข้า แค่ก ๆ” วันนี้หลิ่วเซียงเซียงเจอเรื่องไม่ดีจริง ๆ เดิมทีนางคิดว่าสตรีผู้นั้นที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคือผู้คุ้มกันของนาง แค่ล้อมนางไว้ สตรีผู้ที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนผู้นี้ย่อมไม่ใช่ศัตรูของนาง
ถึงอย่างไรนางก็เรียนรู้ทักษะการต่อสู้มาบ้าง แม้มิอาจเทียบปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ได้ แต่บุตรีธรรมดาก็มิอาจทำอะไรนางได้แม้แต่นิดเดียว
ทว่าในตอนนี้กลับถูกเตะคว่ำอยู่บนพื้นอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่จะขยับเขยื้อนก็ยังทำไม่ได้
อวี้ชิงลั่วมองนางจากที่สูงด้วยความดูหมิ่น ขอชื่นชมในความไม่รู้ของนางจริง ๆ ลูกสมุนของนางพ่ายแพ้แล้ว นางเองก็ถูกเตะจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากเป็นสตรีที่ฉลาดสักหน่อย ก็คงใช้โอกาสนี้เพื่อถอย จากนั้นค่อยอธิบายถึงความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมเพื่อให้นางปล่อยตัวไป
แต่นางช่างยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน น้ำเสียงยังคงหยิ่งผยองเช่นนี้
นางรู้สึกฉงนสงสัยเสียจริงว่าหลายปีมานี้สตรีที่มีนิสัยดื้อด้านและไร้ซึ่งความฉลาดเช่นนี้ เหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้
“หลิ่วเซียงเซียง ตอนนี้ยังต้องการให้ข้าใช้มีดสับเจ้าอีกหรือ?”
นางแย้มยิ้ม ทว่าในสายตาของหลิ่วเซียงเซียงกลับดูเหมือนอสรพิษ ใบหน้านั้นช่างน่าขยะแขยง
นางยิ้มกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “เจ้าอย่าได้มั่นใจให้มากนัก ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนเลย สิ่งที่เจ้าทำกับข้าในวันนี้ หลังจากกลับไป ข้าจะบอกให้ท่านพ่อมาฆ่าเจ้าทั้งตระกูล”
“เหตุใดข้าถึงไม่รู้ว่าเว่ยหยวนโหวมีอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงขั้นฆ่าคนทั้งตระกูลได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
สิ่นสุดเสียงของหลิ่วเซียงเซียง จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านนอกประตู
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น จึงพบกับเย่ซิวตู๋ที่เดินเข้ามาด้านในด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทั้งยังชี้ไปที่หลิ่วเซียงเซียง
นางอดไม่ได้ที่จะบุ้ยปาก มาได้ทันเวลาจริง ๆ เหตุใดไม่กลับมาให้ช้ากว่านี้อีกหน่อยล่ะ?
หลิ่วเซียงเซียงหมุนกายไปด้วยความยากลำบาก ครั้นเห็นเงาสูงใหญ่ที่กำลังยืนหันหลังให้แสงแดด น้ำตาที่หางตาพลันไหลพราก จากสตรีผู้ดื้อด้านกลายเป็นดรุณีน้อยผู้งดงามที่น่าสงสารภายในพริบตาเดียว นางยื่นมือออกไปพร้อมกับร้องไห้ราวกับได้รับความอยุติธรรม “ท่านอ๋องซิว สตรีผู้นั้นรังแกข้า ท่านต้อง ต้องให้ความเป็นธรรมกับข้านะเจ้าคะ”
อวี้ชิงลั่วได้เห็นก็ถึงกับถอนหายใจชื่นชม เส้นประสาทและต่อมน้ำตาพัฒนาเป็นอย่างดี คิดจะร้องก็ร้อง เก่งกว่าหนานหนานเสียอีก
เดี๋ยวนะ?
ท่านอ๋อง?
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลีหันสบตากันอย่างรวดเร็ว สายตาที่อยู่นัยน์ตานั้นสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องพูด
เย่ซิวตู๋มีสีหน้าเรียบเฉย แต่อวี้ชิงลั่วกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน สายตาของเขาคู่นั้นแฝงด้วยความรังเกียจจาง ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความอดทนต่อหลิ่วเซียงเซียงจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ภายใต้การแสดงออกของหลิ่วเซียงเซียงที่ทำท่าสะอึกสะอื้น นางจึงเดินบิดเอวไปข้าง ๆ เย่ซิวตู๋
มือทั้งคู่โอบรอบแขนของเขาอย่างสนิทสนม แย้มยิ้มกล่าวว่า “ซิวตู๋ ท่านกลับมาแล้ว ท่านกลับมาช้าจัง ข้ารอท่านตั้งนาน”
โรแมนติก…มาก
เสิ่นอิง โม่เสียน และเผิงอิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋ถึงกับหนาวสั่นอย่างพร้อมเพรียง มองอวี้ชิงลั่วราวกับสัตว์ประหลาด
ซิวตู๋? นางเรียกชื่อและแซ่ของนายท่านมาโดยตลอดมิใช่หรือ? ตอนนี้เรียกเช่นนี้ พวกเขาไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
เย่ซิวตู่กลับเพลิดเพลินกับการที่นางเข้ามาใกล้ด้วยตนเองมาก ได้เห็นนางแนบตัวใกล้ชิดกับตนเองจนแน่น มุมปากจึงกระตุกขึ้น จนค่อย ๆ กลายเป็นเส้นโค้งอย่างห้ามไม่อยู่ ท้ายที่สุด จึงใช้มือกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้ ยิ่งทำให้พวกเขาสนิทสนมมากขึ้น
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว นางรู้สึกได้ว่าบุรุษผู้นี้คล้ายกับได้คืบจะเอาศอก จึงคิดจะดึงมือกลับมา ทว่าดึงอยู่หลายหนก็ยังดึงกลับมาไม่ได้ จึงใช้เล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือของเขาด้วยความขุ่นเคือง ภายใต้อารมณ์ที่นิ่งเฉยของเขา จึงกระซิบด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “ท่านอ๋อง? อืม? ตัวตนของท่านช่างยอดเยี่ยมนัก”
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ หันหน้ามา หลุบตามองนางแล้วกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เจ้าเองก็พอจะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?”
“ชิ” ใช่ นางเดาว่าเขามีเชื้อพระวงศ์ และเดาได้ว่าเขาอาจเป็นท่านอ๋องท่านโหว แต่ทุกครั้งที่นางนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ก็เต็มใจที่จะปัดทิ้งไป นางไม่อยากให้เขามีสถานะเช่นนี้เลยสักนิด
น่าเสียดาย เรื่องกลับย้อนแย้งในสิ่งที่ปรารถนา ยิ่งเป็นเรื่องที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้น ก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น
ท่านอ๋อง? เหอะ สถานะนี้ดีต่อนางและหนานหนานนัก แต่ล้วนเป็นเรื่องยุ่งยากทั้งสิ้น
นี่เพิ่งจะกลับมาถึงเมืองหลวง ก็มีคนมาหาถึงที่แล้ว ทั้งยังเป็นคู่หมั้นของเขาด้วย
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองหลิ่วเซียงเซียงที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตก จึงขมวดคิ้วและพูดอย่างเงียบ ๆ ไปว่า “ได้ยินว่านางคือพระชายาในอนาคตของท่านนี่นา”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว มือที่กุมมือของนางกำแน่นขึ้นเล็กน้อย กล่าวเยาะเย้ย “ให้นางฝันไปเถอะ”
“เหอะ…” อวี้ชิงลั่วยิ้ม ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นฝันกลางวันของแม่นางแซ่หลิ่วหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลับทำให้นางรู้สึกดีมาก
“กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ดดด…” เสียงแหลมดังลั่นห้องรับรองอีกครั้ง หลิ่วเซียงเซียงที่ได้สติกลับมาแผดเสียงกรีดร้องดังเสียดหูของทุกคนในทันที
ตอนนี้ นางลืมความเจ็บปวดไปแล้ว นิ้วมือสั่นระริกเบา ๆ ขณะชี้หน้าอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย แผดเสียงกรีดร้องดังโหยหวน “พวกท่าน พวกท่านเป็นอะไรกัน?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนคำพูดท่านอ๋องตีแสกหน้ามึนไปเลยไหมนังคุณหนูหลิ่ว เขาเป็นกันยิ่งกว่านี้อีกนะ มีลูกกันแล้วด้วย
ไหหม่า(海馬)