อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 901 อวี๋จั้วหลินถึงคราวเคราะห์
ตอนที่ 901 อวี๋จั้วหลินถึงคราวเคราะห์
ตอนที่ 901 อวี๋จั้วหลินถึงคราวเคราะห์
อวี้ชิงลั่วยิ้มแล้วเช็ดเหงื่อให้เขา “จะเป็นไปได้อย่างไร แม่น่ะรักเจ้ามาโดยตลอด เจ้าจะเข้าใจความเมตตาของแม่ผิดไม่ได้นะ”
“ท่าแม่ รอยยิ้มของท่านตอนนี้ช่างดูชั่วร้ายนัก” หนานหนานรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วหุบยิ้ม ตีพัดเข้าที่หลังของเขา “เจ้าบอกว่าใครชั่วร้าย?”
หนานหนานหดคอ รีบนวดขาให้อวี้ชิงลั่วทันที กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “รอยยิ้มของท่านแม่อ่อนหวานงดงามที่สุด งามที่สุดเลย ข้าบอกว่าใครๆ นะ อวี๋จั้วหลินผู้นั้น คนผู้นั้นชั่วร้ายเกินไปแล้ว ข้าเกลียดเขามากเลย เขายังจะอยู่ต่ออีก ข้าจะเข้าจะออกก็ไม่สะดวก อยู่ที่ชั้นล่างทั้งวัน มองเสียจนข้าคันไม้คันมืออยากทุบตีเขา”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ถามเขา “เจ้าคิดเช่นนั้นจริงหรือ?”
“แน่นอนขอรับ” หนานหนานกล่าวพลางตบอกเล็กๆ ของตน
เยว่ซินได้ทุบน้ำแข็งเกือบหมดแล้ว ได้ยินบทสนทนาของคุณหนูและหนานหนานก็เม้มปากคลี่ยิ้มออกมา หันหน้าไปแล้วกล่าว “คุณหนู ข้าไปหาน้ำแข็งมาอีกสองก้อนนะเจ้าคะ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เยว่ซินก็เช็ดมือแล้วออกไป
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็พัดให้หนานหนานอีกครั้ง หรี่ตาเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเจ้าเกลียดเขาเพียงนี้ อยากทุบตีเขาเพียงนี้ เช่นนั้นแม่จะให้โอกาสเจ้า ว่าอย่างไรล่ะ?”
“หา?” หนานหนานงุนงง จากนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ท่านแม่ โอกาสอะไรหรือ?”
“เจ้าไม่ชอบให้เขาอยู่ที่ชั้นล่างตลอดทั้งวันไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็อย่าให้เขาออกมาสิ” อวี้ชิงลั่วกล่าว จากนั้นก็ยื่นขวดกระเบื้องเคลือบให้เขา กล่าวพลางยิ้ม “เจ้าหาโอกาสนำของทั้งหมดในขวดนี้ใส่ลงไปในอาหารของอวี๋จั้วหลินเสีย”
หนานหนานหยิบขวดกระเบื้องเคลือบมาแล้วมองดูรอบๆ สุดท้ายแล้วก็หรี่ตามอง แต่ก็ดูไม่ออกว่ามันคือสิ่งใด ท้ายที่สุดก็ดึงจุกออก ขยับมาที่ปลายจมูกแล้วดม ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย “ท่านแม่ นี่มันยาระบายนี่นา”
“ข้าเองก็ไม่ชอบให้เขามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าบ่อยๆ เช่นกัน เรายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ก็ให้เขาอยู่อย่างสงบสักสองสามวันเถิด”
และจะได้ไม่ต้องมาสร้างปัญหาให้นางและเย่ซิวตู๋ รวมไปถึงเจียงอวิ๋นเซิงด้วย
ตามที่นางคาดเดา มีโอกาสอย่างมากที่อวี๋จั้วหลินจะแอบบุกมาที่ห้องพักของเจียงอวิ๋นเซิงกลางดึก
ถึงแม้พวกเสิ่นอิงจะคอยเฝ้าอยู่ แต่นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่อยู่ หากไม่ทันระวังจนเขาเห็นเข้าเล่า เสิ่นอิงจะกล้าตัดหัวของข้าหลวงที่เป็นผู้นำส่งพระราชโองการได้หรือ?
ดังนั้นก็ให้เขานอนนิ่งติดเตียงสักสองสามวันเถิด
หนานหนานรู้สึกว่าแผนการของท่านแม่ช่างวิเศษเหลือเกิน ทันใดนั้นก็ถือขวดกระเบื้องเคลือบจากไปอย่างมีความสุข
อวี้ชิงลั่วรีบรั้งเขาไว้ “เจ้าระวังเสียหน่อย ฝีมือเขาไม่เลว ข้างกายยังมีทหารรักษาพระองค์อยู่มาก อย่าได้ถูกเห็นเข้าล่ะ”
“ท่านแม่วางใจเถิด ข้ามีวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่นะ” เขาหัวเราะคิกคัก หัดเลิกคิ้วแบบเดียวกับอวี้ชิงลั่ว กล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ไม่อย่างนั้นท่านแม่จะมาขอให้ข้าทำสิ่งนี้หรือ?”
อวี้ชิงลั่วส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ “เพียงฉลาดนิดหน่อยเท่านั้นแหละ ไปเสีย ระวังตัวด้วย”
“ขอรับ” หนานหนานหยิบน้ำแข็งชิ้นเล็กๆ จากในชามเข้าปาก ทันใดนั้นก็รู้สึกคลายร้อนไปได้ไม่น้อย เมื่ออวี้ชิงลั่วจะเข้ามาตีเขาก็รีบหนีออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วนั่งรอเขาอยู่ในห้อง หยิบพัดมาพัด
เยว่ซินไปแล้วกลับมาทุบน้ำแข็งต่อ รอจนกระทั่งละเอียดได้ที่ก็นำผลไม้จากจานข้างๆ มาเทใส่เข้าไปทั้งหมด
จากนั้นก็นั่งข้างกายอวี้ชิงลั่ว พัดให้นาง “คุณหนู เมื่อครู่ข้าเห็นท่านอ๋องปล่อยนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งออกไปเจ้าค่ะ”
นกพิราบสื่อสารหรือ? อวี้ชิงลั่วเม้มปาก จากนั้นก็นึกถึงจดหมายฉบับนั้นที่เขาเขียนเมื่อตอนเช้า ส่งเสียงไม่พอใจออกมา
เย่ซิวตู๋ต้องไปทำเรื่องชั่วร้ายเป็นแน่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่
“คุณหนู อวี๋จั้วหลินอยู่ที่นี่ จะไม่เป็นอะไรแน่หรือเจ้าคะ?” เยว่ซินขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล นางอยู่ที่จวนอวี๋มาหลายปี อย่าว่าแต่รู้ดีเลย ในใจยังคงมีความหวาดกลัวต่ออวี๋จั้วหลินผู้นี้อยู่
“คุณหนู อวี๋จั้วหลินน่ารังเกียจเพียงนี้ ทั้งยังมีแต่กลอุบาย ข้ากลัวมากว่าเรื่องเมื่อหกปีที่แล้วจะเกิดขึ้นอีกเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วหันไปมองนางแวบหนึ่ง ใช้มือกดลงไปที่หว่างคิ้วของนางเบาๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะคิดมากไปทำไมกัน? หกปีก่อนเป็นเพราะข้าตัวคนเดียวไร้ความช่วยเหลือ ทั้งยังไม่มีความสามารถ ตอนนี้อย่างไรข้างกายข้าก็มีเย่ซิวตู๋นะ”
เยว่ซินตกใจ ทันใดนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “จะว่าไปก็ใช่เจ้าค่ะ มีท่านอ๋องอยู่ อวี๋จั้วหลินเองก็ทำอันใดไม่ได้ อีกทั้งยังมีพวกท่านโม่คอยปกป้องคุณหนูด้วย”
อวี้ชิงลั่วยิ้มล้อเลียนนาง “นี่เจ้าพยายามชื่นชมโม่เสียนทางอ้อมต่อหน้าข้าหรือ?”
เยว่ซินยิ้มอย่างเขินอายออกมาทันที
อวี้ชิงลั่วเห็นท่าทางเช่นนั้นของนาง ก็นึกได้ถึงความรู้สึกของนางและโม่เสียน เม้มปากเล็กน้อยแล้วกล่าว “เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว โม่เสียนก็เช่นกัน รอเรากลับไปเมืองหลวง จัดการเรื่องราวเสร็จเรียบร้อย ก็จะให้เจ้าและโม่เสียน หงเย่และเหวินเทียนจัดการเรื่องนี้เสีย”
ใบหน้าเยว่ซินแดงก่ำทันที หันหน้าหนีแล้วกล่าวอย่างแง่งอน “คุณหนู เหตุใดจู่ๆ ท่านจึงพูดถึงเรื่องนี้เล่า?”
นางกล่าวพลางเขินอายจนตัวบิด ทันใดนั้นก็ทิ้งพัดแล้ววิ่งออกไป
หนานหนานเข้ามาพอดี แทบจะชนเข้ากับนาง
เยว่ซินรีบพยุงเขาไว้ เมื่อเห็นว่าเขายืนอย่างมั่นคงแล้วก็วิ่งออกไปอีกครั้ง
เด็กน้อยเกาศีรษะตนเอง เดินเข้ามาข้างในอย่างสงสัย “ท่านแม่ เยว่ซินเป็นอะไรไปหรือ?”
“นางเขินน่ะ” อวี้ชิงลั่วอุ้มเขามานั่งบนตั่งยาว ยิ้มแล้วถาม “จัดการเสร็จแล้วหรือ?”
หนานหนานหัวเราะฮิๆ เหมือนหนูตัวเล็กๆ “เรียบร้อยแล้วๆ ท่านแม่วางใจเถิด ข้าเห็นเขากินเข้าไปกับตาตนเอง ความสามารถของข้านั้นไม่มีใครเหมือน ทั้งโลกต้องยกย่อง ท่านวางใจให้ข้าทำหน้าที่เถิด ข้า…”
“ไปดูความคึกคักกันเถิด” อวี้ชิงลั่วขัดเขา จากนั้นก็พาหนานหนานออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ
หนานหนานทำหน้ามุ่ย ท่านแม่ไม่ฟังเขาชื่นชมตัวเองให้จบเลยแม้แต่น้อย หยาบคายเกินไปแล้ว
แต่เขาเองก็ตามออกไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางตื่นเต้น
แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาออกจากห้อง ที่ขั้นล่างก็มีการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด
อวี้ชิงลั่วกลับแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอวี๋จั้วหลินจะนั่งกินอาหารอยู่ตรงห้องโถงอย่างเปิดเผย ไม่แปลกใจเลยที่หนานหนานจะลงมือได้ง่ายดายเพียงนั้น
จิ๊ๆ ก็สมควรแล้ว
ขณะคิด ทันใดนั้นก็เห็นอวี๋จั้วหลินลุกขึ้น ชนเข้ากับเก้าอี้ด้านหลัง
เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่เดิมทีล้วนนั่งกินอาหารอยู่ในห้องโถงอย่างเงียบๆ เงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ “ใต้เท้า…”
“ไม่มีอะไร พวกเจ้ากินต่อเถิด” เขากล่าวจบก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ก้าวออกไปอย่างเร่งรีบและแปลกประหลาด
อวี้ชิงลั่วพิงราวบันไดหัวเราะอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงท่าทางของเขาที่แทบจะทนไม่ไหว ก็หัวเราะออกมาจนตัวสั่น
หนานหนานดึงนางอยู่ข้างๆ อวี้ชิงลั่วปัดมือของเขาออก หัวเราะอย่างเงียบๆ ต่อไป
หนานหนานดึงนางอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วก็ปัดมือของเขาออกอีก ทั้งยังขู่เบาๆ “อย่ามาดึงข้า”
“ท่านแม่…” หนานหนานกล่าวอย่างลังเล
อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ หันไปในทันที ก็เห็นเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มองลงมาที่นาง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะทำสำเร็จไหมนะหนานหนาน จะบู้บี้กระจั๊วได้ไหม ไม่ใช่ว่าใส่ยาผิดคนนะ
ไหหม่า(海馬)