อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 905 ข้าสามารถฟันเขาได้หรือไม่
ตอนที่ 905 ข้าสามารถฟันเขาได้หรือไม่
ตอนที่ 905 ข้าสามารถฟันเขาได้หรือไม่
คนที่เป็นผู้นำตะโกนเสียงดังว่า “ใครกำลังมา? ถ้าเจ้าต้องการผ่านเส้นทางนี้ จงทิ้งทอง เงิน สมบัติและสตรีไว้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะผ่านไปได้”
เสียงของเขาดังมาก และบรรยากาศก็ค่อนข้างน่ากลัว ทำให้ม้าที่เย่ซิวตู๋นั่งดูเหมือนจะตื่นตระหนก และม้าอีกหลายตัวก็พยศและส่งเสียงร้องโหยหวน จนเกือบจะทำให้คนบนหลังม้ากระเด็นตกไป
ทหารรักษาพระองค์ที่ได้ยินเสียงจากด้านหลังก็เปลี่ยนสีหน้า แล้วรีบควบม้าไปข้างอวี๋จั้วหลิน แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ใต้เท้า คนของเราอยู่ที่นี่แล้วขอรับ”
อวี๋จั้วหลินมองด้วยรอยยิ้มมุมปาก แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เราจะต่อสู้ก่อนแล้วค่อยล่าถอยในภายหลัง และปล่อยให้เย่ซิวตู๋ต่อสู้กับพวกเขา”
“ขอรับ” ทหารรักษาพระองค์มีรอยยิ้มบนใบหน้า และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็พบว่าสายตาของอวี๋จั้วหลินค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย ขณะจับจ้องไปที่รถม้าของอวี้ชิงลั่ว
หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ และจู่ ๆ เขาก็นึกถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดในเมืองหลวง ข่าวนั้นบอกว่าหมอปีศาจเคยพัวพันกับใต้เท้าอวี๋มาก่อน
ใต้เท้าอวี๋ไม่ได้กำลังลังเลใช่หรือไม่?
ทหารรักษาพระองค์รู้สึกวิตก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดสั้น ๆ ว่า “ใต้เท้า อย่าทำให้เหนียงเหนียงต้องผิดหวังนะขอรับ”
สีหน้าของอวี๋จั้วหลินเปลี่ยนไป เขากำบังเหียนแน่นขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จ้องไปที่ทหารรักษาพระองค์ “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดมาก ข้ารู้ดี”
ขณะที่พูด เขาก็สูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของเขาค่อย ๆ กลับสู่ปกติ และพูดด้วยเสียงเบาว่า “คอยดูการเคลื่อนไหวข้างหน้าอย่างใกล้ชิด แล้วดำเนินการตามแผนในภายหลัง”
“ขอรับ”
ทหารรักษาพระองค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองไปข้างหน้า
มีผู้คนมากมายกำลังปิดล้อมพวกเขาอยู่ ทุกคนสวมใส่ชุดดำ และแต่ละคนไม่เปิดเผยอะไรเลยนอกจากดวงตาคู่หนึ่ง
เย่ซิวตู๋นั่งอยู่บนหลังม้า มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน
ชายผู้นั้นเห็นดังนั้นก็รู้สึกหนาวสะท้าน เขาตะโกนขึ้นอีกครั้งว่า “ได้ยินหรือไม่? จงทิ้งทอง เงิน สมบัติและสตรีไว้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้มาโทษที่พวกข้าต้องหยาบคาย”
หนานหนานในรถม้าตื่นแล้ว เขาตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเปิดม่านรถม้าออกไปยืนอยู่ข้างเพลา แล้วตะโกนว่า “ผิดแล้วๆ เจ้าพูดเช่นนั้นไม่ได้ เจ้าควรพูดว่า ‘ข้าเป็นคนทำถนนสายนี้เอง ต้นไม้เหล่านี้ข้าก็เป็นคนปลูก ถ้าจะข้ามถนนนี้ ให้ผ่านเส้นทางนี้ก็ต้องจ่ายเงินค่าผ่านทางมา’ ต่อให้โจรจะหน้าตาเหมือนโจร แต่โจรก็ต้องมีการศึกษา คำพูดต้องสมเหตุสมผล”
“…” อวี้ชิงลั่วเอนหลังพิงหมอนนุ่มเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยคำใด
“…”เย่ซิวตู๋แทบจะไม่สามารถทำหน้านิ่งได้อีกต่อไปและเกือบจะหัวเราะออกมา
เสิ่นอิง โม่เสียน เผิงอิงและคนอื่น ๆ หันหน้าไป แล้วเผลอหัวเราะออกมา
หัวหน้าโจรได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งและมีท่าทางโกรธจัด “หุบปาก ใครบอกให้เจ้ามาขัดจังหวะ บัดนี้พวกเจ้าทุกคนอยู่ในถิ่นของพวกเราแล้ว หากยังต้องการมีชีวิตรอดก็จงเชื่อฟังข้า หากยังกล้าพูดจาเหลวไหลมากกว่านี้ ข้าจะเป็นคนแรกที่จะใช้ดาบแทงเจ้าเสีย”
หนานหนานรู้สึกโกรธจัดทันที เขารีบกลับเข้าไปในรถม้า แล้วโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่ว
“ท่านแม่ คนผู้นั้นขู่ข้า ข้าสามารถฟันเขาได้หรือไม่ขอรับ?”
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะของเขาด้วยรอยยิ้ม เอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะ “เจ้าลองถามพ่อของเจ้าดูสิว่าได้หรือไม่?”
หนานหนานเชื่อฟังดีมาก เขาออกมาจากรถม้า ไปยืนบนเพลาอีกครั้ง แล้วพูดกับเย่ซิวตู๋ว่า “ท่านพ่อ เขาร้ายกาจมากถึงขึ้นบังอาจมาปล้นเรา ข้าสามารถฟันเขาได้หรือไม่ขอรับ?”
เย่ซิวตู๋หัวเราะเยาะ “แน่นอน เจ้ามีดาบหรือไม่?”
“ตอนนี้ข้าไม่มีดาบ แต่ท่านพ่อ ข้าเอากระบี่ที่ท่านพ่อให้ข้าครั้งก่อนมาด้วย มันคมมาก และยังไม่เคยถูกชักออกจากฝักเพื่อลิ้มรสเลือดมาก่อนขอรับ” หนานหนานตัวเล็ก เขาจึงยังไม่คุ้นกับดาบของผู้ใหญ่ มีแต่กระบี่ขนาดเล็กขนาดเหมาะมือที่เย่ซิวตู๋มอบให้ นาน ๆ ทีเขาต้องนำออกมาอวดบ้างแล้ว
เย่ซิวตู๋หัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาพยักหน้าและพูดว่า “หากเป็นเช่นนั้นก็จงใช้เลือดของเขาอัญเชิญมันออกจากฝัก ไม่ต้องรีบร้อน อย่าฆ่าทุกคนในคราวเดียว”
“ได้เลยขอรับ” หนานหนานกลับเข้าไปในรถม้าอีกครั้งด้วยความตื่นเต้น แล้วคุ้ยหากระบี่ในกล่องเล็ก ๆ ของเขา
อวี้ชิงลั่วนิ่งไปชั่วครู่ และทันใดนั้นก็กระซิบคำสองสามคำข้างหูของเขา
หนานหนานกะพริบตา แล้วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ “ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านแม่”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยกกระบี่ขึ้นเปิดม่านรถม้า และฟันไปทางหัวหน้าโจรอย่างแรง
ฟันเลย!!
เย่ซิวตู๋มองเขากวัดแกว่งกระบี่ แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะฟันจริง ๆ เลย แล้วมุมปากของเขาก็กระตุก
หัวหน้าโจรตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเย้ยหยัน “เอาล่ะ ข้าขอถาม นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” หนานหนานตอบเสียงดัง
หัวหน้าโจรจ้องไปมองดาบในมือแล้วเย้ยหยัน “อะไรกัน เจ้าเด็กน้อย เจ้าต้องการฆ่าข้าด้วยกระบี่ที่ดูเหมือนมีดสั้นเช่นนี้หรือ? ระวังเถิด ประเดี๋ยวเจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไร”
“เจ้าพูดจาเหลวไหลยิ่งนัก ลองดูสิแล้วเจ้าจะรู้ว่าใครจะตายใครจะอยู่” หนานหนานพูดพร้อมกับยกกระบี่ขึ้น และทันใดนั้นก็พุ่งเข้าหาหัวหน้าโจร
หัวหน้าโจรหรี่ตา แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ราวกับรู้ว่าหนานหนานมีวิทยายุทธ แล้วปรี่เข้าไปหาเขาทันที
เขาตะโกนเสียงดัง “กวาดต้อนทุกอย่างมาให้ข้า ฆ่าคนกลุ่มนี้ให้หมด ปล้นเงินและสตรีมา ส่วนคนอื่นให้ฆ่าโดยไม่ต้องปรานี”
“ขอรับ” ทันใดนั้นเสียงอันน่าเกรงขามก็ดังขึ้น จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็เห็นชายชุดดำวิ่งออกมาจากป่าทั้งสองด้าน
อวี๋จั้วหลินค่อย ๆ แสยะยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าเหนียงเหนียงจะลงทุนมากถึงเพียงนี้”
ขณะที่พูด เขาก็ขยิบตาให้ทหารรักษาพระองค์หลายคน
ทหารรักษาพระองค์ได้รับคำสั่งของเขาแล้ว แต่ละคนแสร้งตะโกนว่า “ใต้เท้าระวัง” และแสร้งทำเป็นช่วยชีวิตคนอื่น แต่พวกเขาก็เริ่มล่าถอยราวกับว่าม้าของพวกเขาถูกชายในชุดดำทำให้ตกใจ จึงไม่อาจควบคุมมันได้
เย่ซิวตู๋กระโดดลงจากหลังม้า ชักกระบี่ออกจากฝัก เขาพูดกับเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ปกป้องรถม้า”
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ รวมตัวกันรอบรถม้าทั้งสองด้วยความเข้าใจ เสียงกรีดร้องของเยว่ซินดังมาจากรถม้าด้านหลัง
โม่เสียนรีบไปยืนอยู่หน้าม่านรถม้า แล้วปลอบนางด้วยเสียงแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
เมื่อได้ยินเสียงของเขา เยว่ซินก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา
ข้างนอกมีเสียงดาบกระทบกันดังอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเย่ซิวตู๋ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เสิ่นอิง โม่เสียน พวกเจ้ารีบขึ้นรถม้าออกไป”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของเสิ่นอิงและโม่เสียนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นรถม้าทั้งสองคันก็วิ่งเข้าหาชายชุดดำเหล่านั้น
ไม่ไกลนัก อวี๋จั้วหลินที่กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะจับบังเหียนแน่น เขาหันหัวม้าและกำลังจะมุ่งหน้าไปยังรถม้าคันแรก
ทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ทางซ้ายและขวาของเขาตกใจ และรีบพูดว่า “ใต้เท้า ตั้งเป้าไปยังสิ่งสำคัญที่สุดก่อนขอรับ”
อวี๋จั้วหลินไม่สนใจพวกเขา เขารู้ว่าหนานหนานไม่ได้อยู่ในรถม้าคันแรก ตราบใดที่เสิ่นอิงขับรถม้าออกไปแล้ว อวี้ชิงลั่วก็จะอยู่คนเดียวในรถม้า แล้วเขาก็จะสามารถ…
ทหารรักษาพระองค์มองหน้ากัน แล้วรีบพูดว่า “ใต้เท้า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องตายแน่นอน… เหนียงเหนียงย่อมไม่ปล่อยใครไปอยู่แล้ว ต่อให้ท่านจะกระทำตนเป็นวีรบุรุษพิทักษ์หญิงงามก็ตาม…”
จู่ ๆ อวี๋จั้วหลินก็ได้สติขึ้นมา ใช่แล้ว เหมิงกุ้ยเฟยบอกว่าทุกคนจะต้องตาย และความสามารถอันยอดเยี่ยมของอวี้ชิงลั่วก็นับว่าเป็นหายนะเช่นกัน
เขามองไปข้างหน้าอีกครั้ง ชายในชุดดำเข้ามาปิดล้อมอีกครั้ง และรถม้าของเสิ่นอิงกับโม่เสียนก็ไม่สามารถออกไปได้เลย
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะเพลี่ยงพล้ำแล้ว ฝ่าวงล้อมออกไปได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)