อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 906 อวี้ชิงลั่วหายตัวไป
ตอนที่ 906 อวี้ชิงลั่วหายตัวไป
ตอนที่ 906 อวี้ชิงลั่วหายตัวไป
ใบหน้าของอวี๋จั้วหลินซีดเผือด เขารู้สึกอึดอัดอย่างอธิบายไม่ได้
เมื่อทหารรักษาพระองค์เห็นเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง โดยมีชายชุดดำปิดล้อมเขาอยู่ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอีกแล้ว และกุมบังเหียนขี่ม้าออกไป
อวี๋จั้วหลินนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยความสับสน แต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังเสิ่นอิงที่กำลังแยกตัวออกไปได้แล้ว
หากนาง หากนางตายจริง ๆ หากตายจริง ๆ…
ทันใดนั้นอวี๋จั้วหลินก็รู้สึกว่าตนเองรับไม่ได้ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับโลหิต และเขาก็เริ่มกระทำการอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ เขากระชากสายบังเหียนออกจากมือของทหารรักษาพระองค์ แล้วควบม้าตรงไปหาอวี้ชิงลั่ว
“ใต้เท้า…” ทหารรักษาพระองค์อ้าปากค้างพร้อมกัน และตะโกนด้วยความตกใจ
อวี๋จั้วหลินไม่สนใจ แต่ควบม้าไปที่รถม้าคันแรก
บัดนี้ผู้คนทั้งสองฝ่ายถูกแยกออกจากกันเป็นสองฝั่ง มีชายชุดดำตะโกนสั่งการขณะต่อสู้อยู่ตรงกลาง พวกเขาทุกคนโหดเหี้ยมยิ่งนัก
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วนั่งรถม้าออกไปแล้ว ชายชุดดำก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วลงมือโจมตี
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่าแม้ว่าคนเหล่านี้จะโหดร้าย แต่ก็ไม่น่าจะตั้งใจจะทำร้ายตน แม้จะรุกหนักกว่าเดิมก็ตาม
ทว่าชายชุดดำก็ยังคงสกัดกั้นเขาอยู่นาน เมื่อเขาตีฝ่าวงล้อมเพื่อไปหารถม้า เขาก็พบว่ารถม้าของอวี้ชิงลั่วถูกชายชุดดำลากเข้าไปในป่าแล้ว และได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างใน
อวี๋จั้วหลินรีบชักม้าวิ่งไปรอบ ๆ และมุ่งหน้าไปยังป่าอีกครั้ง
แต่ทันทีที่เข้าไปก็พบว่ามันเป็นป่าที่กว้างใหญ่ มีพุ่มไม้รก เดินทางได้ยากลำบากยิ่ง
เขาพยายามค้นหาร่องรอยของล้อรถ แต่ชายชุดดำก็ยังคงขวางเขาไว้
เขารู้สึกรำคาญและต้องการจะสังหารชายชุดดำเสีย แต่ก็ยังกังวลว่าพวกเขาจะเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟย ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ขณะคำรามด้วยความโกรธ “เย่ซิวตู๋อยู่ตรงนั้น”
ชายในชุดดำผงะไปครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมออกห่างจากเขาแม้แต่ครึ่งก้าว
ดังนั้นเมื่อเขาสามารถกำจัดชายชุดดำที่มาขวางทางเขาได้แล้ว และตามร่องรอยไปเพื่อค้นหารถม้า เขาก็พบเพียงรถม้าที่พังแล้วอยู่ข้างทาง
ม้าหายไปแล้ว เสิ่นอิงไม่อยู่ที่นี่ และอวี้ชิงลั่วก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน มีเพียงรถม้าที่เสียหายหนักจอดอยู่ในพุ่มไม้
เขาขมวดคิ้วแน่น จากนั้นพยายามติดตามรอยเกือกม้าเพื่อค้นหา แต่ก็พบว่าบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยรอยเกือกม้า ยุ่งเหยิงไปทุกทิศทุกทาง และไม่มีร่องรอยของนางเลย
อวี้ชิงลั่ว… หายตัวไปงั้นหรือ?
คงจะหนีไปแล้ว บางทีนางอาจจะแค่ขี่ม้าหนีไป
เมื่อนึกได้ดังนั้น อวี๋จั้วหลินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลง ในเมื่ออวี้ชิงลั่วหนีไปแล้ว เย่ซิวตู๋ก็จะต้องตาย เขายกบังเหียนชักม้าไปอีกทางอย่างรวดเร็ว และเริ่มเดินทางออกจากป่าอีกครั้ง
ทว่าหลังจากเดินไปได้สักพัก เขาก็ขมวดคิ้วแน่น และตระหนักได้ว่าเขาตามเข้าไปข้างในจนสุดแล้ว แต่ก็ยังมองไม่เห็นทิวทัศน์ของเส้นทางด้านนอกเลย
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว แล้วเริ่มลดสายตาลงเพื่อมองหาร่องรอยของการออกไปข้างนอก
ทว่าหลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงครวญครางแผ่วเบาดังมาจากด้านหน้า เขาตกใจและรีบขี่ม้าไปข้างหน้าทันที
คาดไม่ถึงเลยว่าจุดหมายที่ทำให้เขาเข้ามา จะเป็นกองเลือดที่เจิ่งนองอยู่ตรงหน้าเขา และคนที่นอนอยู่ในพุ่มไม้คือเสิ่นอิงที่ออกมาจากรถม้าของอวี้ชิงลั่ว
อวี๋จั้วหลินรู้สึกใจสั่นสะท้าน เขากระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว และวิ่งไปอยู่ข้างเสิ่นอิง แล้วถามอย่างกระวนกระวายว่า “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แล้วอวี้ชิงลั่วอยู่ที่ใด?”
“ใต้ ใต้เท้าอวี๋…” ใบหน้าของเสิ่นอิงซีดเผือด มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของเขา และการหายใจของเขาก็อ่อนแรงมาก
เมื่อเห็นอวี๋จั้วหลิน เขาก็ยื่นมือออกไป ราวกับว่าเขามีกำลังอีกไม่มากแล้ว เขาคว้าเสื้อของอวี๋จั้วหลิน แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ใต้ ใต้เท้าอวี๋ ข้ารู้ว่าท่านมีความคับข้องใจกับองค์ชายของเรา… แต่ แต่ แม่นางอวี้,แม่นางอวี้ตอนนี้เป็น… องค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ หากเกิดเรื่องขึ้นกับนาง อาณาจักรเทียนอวี่, อาณาจักรเทียนอวี่จะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน แม้ว่าท่านจะ… เพื่อชาติบ้านเมืองและความสงบสุขของราษฎร ท่านจงปล่อยวางอดีตเสียเถิด… ช่วยแม่นางอวี้ด้วย… แค่ก ข้า ข้ากำลังจะไปปรโลก…”
สีหน้าของอวี๋จั้วหลินเปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอวี้ชิงลั่ว
“บอกข้ามาเร็วว่าอวี้ชิงลั่วอยู่ที่ใด?” อวี๋จั้วหลินรีบขัดจังหวะเขา แล้วใช้นิ้วบีบคอเขาแน่น
เสิ่นอิงถูกเขาบีบคอจนเกือบตาย หลังจากไออย่างแรงอีกสองสามครั้ง เขาก็กระอักเลือดออกมาอีก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็สูดหายใจ แล้วชี้ไปทางซ้าย “ตรงนั้น… ทางนั้น…”
หลังจากพูดจบ ลมหายใจของเขาก็หยุดนิ่ง แล้วร่างของเขาก็ตะแคงฟุบไปด้านข้าง ราวกับว่าไม่มีเสียงอีกต่อไป
อวี๋จั้วหลินกัดฟัน แล้วโยนเขาออกไปอย่างดุเดือด จากนั้นขึ้นหลังม้ารีบเดินไปทางที่เสิ่นอิงเพิ่งชี้ไป
พงหญ้าข้างหน้าเขายังคงรกชัฏ กิ่งไม้แหลมคมข่วนขาของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกเลยแม้แต่น้อย
รอยเกือกม้าบนพื้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น มันมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน
รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้าของอวี๋จั้วหลิน เขารีบเร่งม้าไปข้างหน้า
ทว่า…
หลังจากเดินทางต่อไประยะหนึ่ง รอยต่าง ๆ ก็หายไป ม้าของอวี้ชิงลั่วหยุดเล็มหญ้าอยู่ด้านข้าง ขณะส่ายหัวไปมา แต่ไม่มีใครอยู่บนหลังม้า
ดวงตาของอวี๋จั้วหลินหรี่ลง เขาเม้มปากแน่นขณะมองไปที่พื้น เขาพบว่ามีรอยเท้าอยู่ทุกทิศทาง
เขาขมวดคิ้ว ชายชุดดำล้อมอวี้ชิงลั่วจากสี่ทิศเลยหรือ?
ให้ตายเถิด อวี้ชิงลั่วมีความสามารถมากไม่ใช่หรือ? นางมีพิษอยู่กับตัว เหตุใดนางจึงไม่ใช้มันเล่า?
ไม่สิ อย่างไรเสียนางก็เป็นเพียงสตรีอ่อนแอ และมีชายชุดดำจำนวนมาก แม้แต่เสิ่นอิงก็ตายไปแล้ว แล้วนางจะรับมือกับคนเหล่านั้นได้อย่างไรในฐานะสตรีคนหนึ่ง?
จิตใจของอวี๋จั้วหลินเต็มไปด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกว่าสตรีอย่างอวี้ชิงลั่วน่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
โดยสรุปก็คือ ที่เขาต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เป็นความผิดของอวี้ชิงลั่ว ความอัปยศอดสูที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนในชีวิต ก็ถูกอวี้ชิงลั่วมอบให้เช่นกัน
หากไม่มีนาง เขาจะกลายเป็นคนสนิทที่ฮ่องเต้ไว้วางใจมากที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะนาง เหตุใดเขาต้องยอมคุกเข่าต่อเหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายเจ็ด เพียงเพราะหวังว่าพวกเขาจะปกป้องตนได้
เห็นได้ชัดว่าหญิงคนนั้นเจ้าชู้และไร้ยางอาย นางตายไปก็ดีแล้ว เพราะทำให้สกุลอวี๋ของเขาต้องเสียหน้า
เมื่อนึกได้ดังนั้น อวี๋จั้วหลินก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟันและมองไปยังร่องรอยบนพื้น ก่อนจะชักม้าเดินช้า ๆ ไปทางด้านนอก
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็รู้ตัวว่ากำลังกลับไปยังทางเดิม
เขาถอนหายใจและขี่ม้าต่อไปข้างหน้า
ไม่มีเสียงตะโกนและเสียงเข่นฆ่าบนเส้นทางนี้ ไม่มีแม้แต่เสียงของอาวุธปะทะกัน
ก่อนที่อวี๋จั้วหลินจะเดินเข้าไป เขาก็ได้กลิ่นเลือดโชยมาจาง ๆ
เขาหรี่ตาเดินออกจากป่าช้า ๆ
แต่ในวินาทีต่อมา เมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้าก็ตกตะลึงไปทันที เขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แง ท่านเสิ่นจะตายจริงเหรอ นั่นเป็นคนสนิทของท่านอ๋องที่รู้สึกผูกพันมานานเลยนะ
กระจั๊วโดนหักหลังแล้วหรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)