อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 909 พระชายาซิวโดยชอบธรรม
ตอนที่ 909 พระชายาซิวโดยชอบธรรม
ตอนที่ 909 พระชายาซิวโดยชอบธรรม
อวี้ชิงลั่วยืนขึ้นแล้ว มองหนานหนานที่ยืนโบกพัดอยู่ข้างๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่ซิวตู๋กล่าวประโยคหนึ่งก่อนที่หนานหนานจะลงมือ”
ประโยคหนึ่งหรือ
เย่ซิวตู๋ชะงักไป คิดออกแล้ว
ฟ่านฉี่อวิ๋นกลับคิดว่าประโยคนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ “เขาบอกว่า ‘หากเป็นเช่นนั้นก็จงใช้เลือดของเขาชักมันออกจากฝัก ไม่ต้องรีบร้อน อย่าฆ่าทุกคนในคราวเดียว’ ไม่ใช่หรือ ไม่ปัญหาอันใดกัน”
อวี้ชิงลั่วกลอกตา “ย่อมมีปัญหาอยู่แล้ว ชายชุดดำมีหลายคน ล้อมเราเอาไว้หมดแล้ว ตอนนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือรีบสู้รีบจบ ฆ่าได้เท่าไรก็เท่านั้น รีบฝ่าวงล้อมออกไป ไม่อย่างนั้นก็ต้องจับท่านเป็นตัวประกัน อย่างไรพวกข้าก็ยังมีหลายคนที่ไม่มีวรยุทธ์ ทั้งยังบาดเจ็บ แต่เย่ซิวตู๋กลับบอกหนานหนานว่าไม่ต้องรีบร้อน ทั้งยังไม่ต้องฆ่าท่าน คำพูดเช่นนี้มันแปลกจะตายไป”
ฟ่านฉี่อวิ๋นกระตุกมุมปาก ฟังนางกล่าวเช่นนี้ ก็ดูมีเหตุผลอยู่เล็กน้อย
“อีกอย่าง เหตุใดเย่ซิวตู๋จึงมั่นใจนักว่าคนที่บาดเจ็บจะไม่ใช่หนานหนาน เขาเป็นคนที่รักใคร่หนานหนานเพียงนั้น ต่อให้ทั้งสองฝ่ายจะสู้กันจริงๆ ก็ไม่มีทางให้หนานหนานรับมือกับหัวหน้ากระมัง ทั้งยังไม่มีทางส่งเขาไปเจออันตรายเช่นนั้น ดังนั้นก็เห็นได้ชัดแล้วว่าชายชุดดำนั้นเป็นพวกเดียวกันเอง”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วหัวเราะออกมา ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนั้น นางกลับคิดได้มากเพียงนี้
ฟ่านซิวอวิ๋นและน้องชายของตนสบตากัน แววตาเป็นประกาย ทันใดนั้นก็มองอวี้ชิงลั่วแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าหญิงอย่างเจ้าจะฉลาดเพียงนี้ เพียงแต่เจ้าอารมณ์นัก”
“…” ให้ตายเถิด เจ้าสิเจ้าอารมณ์ พวกเจ้าน่ะเจ้าอารมณ์กันทั้งครอบครัว
นางไม่อยากจะสนใจฟ่านซิวจวิน ชายคนนี้ดูอายุน้อย แต่ความคิดแบบชายเป็นใหญ่นั้นมีสูงมาก
เห็นเขาพูดเพียงไม่กี่คำ ฟังดูแล้วก็ล้วนแต่ดูถูกผู้หญิง
ฟ่านซิวอวิ๋นเห็นว่าสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก ใบหน้าก็ทะมึนลง ไม่กล่าวอันใดกับนางอีก เพียงแต่ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินไปข้างกายเย่ซิวตู๋ ดึงเขามาอีกด้านหนึ่งแล้วกล่าวเสียงเบา “นี่ เจ้าไปหาหญิงผู้นี้มาจากที่ไหนกัน เย่อหยิ่งเสียยิ่งกว่าเจ้าอีก ข้าจะบอกให้นะ บุรุษต้องมีความเป็นชายชาตรี จะให้สตรีปีนไปอยู่บนหัวได้อย่างไร เจ้าดูนางสิ แม้แต่ชาวบ้านไร้การศึกษาอย่างข้ายังรู้เลยว่าหญิงสาวควรสำรวมตน ต้องขี้อายและสงวนตัว ถือว่าสามีเป็นเหมือนเทพ ขณะที่นางเล่าเรื่องยังกลอกตาใส่ข้าอยู่เลย จะมีหญิงที่ไหนกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าข้า วันนี้หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่หน้าเจ้า ข้าคงไม่เกรงใจนางแล้ว”
เย่ซิวตู๋รู้นิสัยของเขาดี เมื่อก่อนตอนที่เขาพูดจาเช่นนี้ เขาก็จะทำเหมือนไม่ได้ยิน ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่ได้สนใจมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เขาติฉินอวี้ชิงลั่วตั้งมากมาย ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจแล้ว
“ข้ายินดีให้นางปีนขึ้นไปเหนือหัวข้า หากท่านยังกล่าวถึงนางไม่ดี ข้าจะไปเสีย”
ฟ่านซิวอวิ๋นสำลักยามได้ยินคำพูดเขา แกว่งแขนอย่างแรง กล่าวเสียงดังขึ้นมา “ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ได้พบกันเพียงปีเดียว ดูเจ้าสิ เพื่อหญิงเพียงคนเดียว กลับกล้าพูดเช่นนี้กับพี่ใหญ่ พวกเราเป็นพี่น้องกัน ที่ข้าแนะนำเจ้าก็เพื่อจะทำร้ายเจ้าหรืออย่างไร?”
ข้าว่าท่านต่างหากที่เปลี่ยนไป…
อวี้ชิงลั่วฟังถึงตรงนี้ก็เอียงคอคิดอย่างไม่ปรานี
มันยากเล็กน้อยสำหรับนางที่จะจินตนาการ คนอย่างเย่ซิวตู๋กลายเป็นพี่น้องกับคนนิสัยเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่ฟ่านฉี่อวิ๋นที่อยู่ด้านข้างกลับยืดหยุ่นมากกว่าเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้อวี้ชิงลั่ว และขยิบตาให้หนานหนาน “นี่ ท่านเป็นอะไรกับท่านอ๋องซิวหรือ?”
หนานหนานแปลกใจอย่างมาก พวกเขาปฏิบัติต่อกันอย่างชัดเจน สนิทสนมเช่นนี้ อีกทั้งใครๆ ก็รู้ว่าท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางมีบุตรชาย เหตุใดเขาจึงมีท่าทางเหมือนว่าคิดอันใดไม่ออกเลยเล่า
เขาจับพัดแล้วพัดอย่างแรงสองครั้ง กำลังคิดจะตอบ จู่ๆ อวี้ชิงลั่วก็คว้าร่างของเขาไปแล้วจับนั่งลงบนตักของนาง
หนานหนานหันศีรษะทันที ยิ้มให้อวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ มีอะไรหรือ”
อวี้ชิงลั่วไม่ตอบเขา แต่กลับจ้องฟ่านฉี่อวิ๋นอย่างจริงจัง ยิ้มแล้วถาม “คุณชายสามคิดว่าเราเป็นอะไรกันเล่า?”
“…” ฟ่านฉี่อวิ๋นกะพริบตา ลูบหัวของตนแล้วกล่าวอย่างไม่มั่นใจนัก “ข้าว่าท่าทางที่ท่านอ๋องซิวปฏิบัติกับท่าน ดูเหมือน ดูเหมือน…”
เขายังไม่แต่งงาน จึงไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ ทำได้เพียงกล่าวอย่างอ้อมๆ น้ำเสียงคลุมเครือ “ดูเหมือนความสัมพันธ์จะใกล้ชิดกันมาก… ทว่า หนานหนานเรียกท่านว่าท่านแม่ แต่ท่นาอ๋องซิวยังไม่ได้แต่งงาน เช่นนั้น… คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านอ๋องจะมีงานอดิเรกเช่นนี้ ชอบหญิงที่มีบุตรแล้ว…”
คำกล่าวด้านหลังยิ่งเบาลงเรื่องๆ ยิ่งคลุมเครือขึ้นเรื่อยๆ
กล่าวถึงคำสุดท้ายก็ยังแอบมองอวี้ชิงลั่วอีก
หนานหนานตะลึง ทันใดนั้นก็ไม่พอใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านกำลังบอกว่าท่านแม่ของข้าไม่ดีอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ๆ” ฟ่านฉี่อวิ๋นไม่คิดว่าหนานหนานจะระเบิดอารมณ์ในทันที รีบโบกมือปฎิเสธ
หนานหนานส่งเสียงไม่พอใจ “ท่านอย่ารังแกข้าเพราะคิดว่าข้าอายุน้อยไม่รู้เรื่องอันใดล่ะ ข้าฟังออก ท่านบอกว่าแม่ของข้ามีลูกแล้วแต่ก็ยังออกนอกลู่นอกทาง ไปยุ่งกับชายคนอื่นอีก”
เย่ซิวตู๋ที่ถูกเรียกว่า ‘ชายอื่น’ ที่อยู่ไม่ไกลนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก เจ้าเด็กนี้ ข้าเป็นพ่อเจ้านะ
ฟ่านฉี่อวิ๋นคิดไม่ถึงว่าเขาจะกล่าวได้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ซึ่งค่อนข้างเหมือนพี่ใหญ่ของตนเอง แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเพียงเป็นเรื่องของอวี้ชิงลั่ว หนานหนานก็จะระเบิดอารมณ์ได้ง่ายเพียงนี้
โดยเฉพาะเมื่อกล่าวคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าแฝงความหมายว่าท่านแม่ของตนไม่รักนวลสงวนตัว เขาฟังแล้วก็อยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตายเสีย
“เอ่อ… หนานหนาน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ ข้าเพียงคิดว่า…”
“จะไม่ได้หมายความเช่นนั้นได้อย่างไร” ฟ่านซิวอวิ๋นที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทางด้านนี้ก็ส่งเสียงขึ้นมาทันที ขัดจังหวะการอธิบายของฟ่านฉี่อวิ๋น และไม่สนใจเย่ซิวตู๋แล้ว ตรงมาหยุดตรงหน้าสองสามคนนั้น
เมื่อครู่เย่ซิวตู๋พูดจาไม่เกรงใจเขาปานนั้นจนทำให้เขาโกรธแล้ว ก็คิดจะไปจัดการทางด้านอวี้ชิงลั่ว จะไม่ยอมให้นางมีความสุขเป็นแน่
น้องชายของตนต่อต้านตนเช่นนี้เพียงเพราะหญิงคนเดียว ยังไม่ชัดอีกหรือว่าเช่นนี้เรียกว่าหญิงงามล่มเมือง
เขากล่าวซ้ำอีกครั้ง “จะไม่ได้หมายความเช่นนั้นได้อย่างไร ในใจข้าก็คิดเช่นนั้น แม่นาง ข้าไม่ได้จะต่อว่าเจ้านะ แต่บุตรของเจ้าก็โตเพียงนี้แล้ว สถานะของเย่ซิวตู๋ก็สูงส่ง เขาไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้ หากเจ้าเป็นคนมีเหตุผล ก็ควรรู้ว่าการอยู่กับเขานั้นจะไม่ส่งผลดี ข้ารู้ว่าครั้งนี้พวกเจ้ากำลังจะกลับเมืองหลวง ถ้าหากเจ้ารู้ว่าที่เมืองหลวงยังมีเสด็จพ่อของเขาอีก ฮ่องเต้จะทรงยอมรับเจ้าที่มีบุตรแล้วหรือ เกรงว่าจะไม่ได้เป็นแม้แต่อนุภรรยาเสียด้วยซ้ำ”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ลอบถอนหายใจ กล่าวอย่างจนปัญญา “ฮ่องเต้ทรงยอมรับแล้ว”
“ต่อให้ยอมรับแล้วอย่างไรเล่า สถานะของเจ้าเอาไปเปิดเผยก็ไม่ได้น่าดูชม ฉวยโอกาสตอนที่ฮ่องเต้ยังไม่รู้ว่ามีเจ้าอยู่ เจ้าก็…” ฟ่านซิวอวิ๋นหยุดในทันที กะพริบตา จากนั้นก็กะพริบตาอีกครั้ง “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าบอกว่า… เจ้าบอกว่าฮ่องเต้ทรงยอมรับแล้วหรือ?”
เขาอดไม่ได้ที่จะโอดครวญ แล้วจ้องมองหน้าเช่นเดียวกับฟ่านฉี่อวิ๋น
“ฝ่าบาทไม่เพียงแต่ยอมรับ แต่ยังพระราชทานงานสมรสด้วยพระองค์เองด้วย” ทันใดนั้นก็มีคนร่างสูงสง่าเดินเข้ามาจากนอกประตู กล่าวอย่างช้าๆ “แม่นางอวี้คือพระชายาซิวโดยชอบธรรม”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สองคนนี้ก็ออกจะมีฝีมือนะ แต่ทำไมมองไม่ออกเล่าว่าชิงลั่วเป็นอะไรกับท่านอ๋อง?
ไหหม่า(海馬)