อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 910 ท่านชื่นชม
ตอนที่ 910 ท่านชื่นชม
ตอนที่ 910 ท่านชื่นชม
พระชายาซิวโดยชอบธรรมหรือ?
ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน อวี้ชิงลั่วเองก็หันหน้าไป และพบว่าคนที่เดินเข้าประตูมานั้นมีท่าทางอ่อนโยน แตกต่างจากพี่น้องฟ่านทั้งสองคนอย่างสิ้นเชิง
เขาเดินไปตรงหน้าเย่ซิวตู๋เป็นอันดับแรก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่พบกันนานนะขอรับ ท่านอ๋อง”
ท่าทางก็ดูออกว่าเคารพนับถือ แต่ไม่ใช่ท่าทางมีมารยาทแบบห่างเหิน น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับเย่ซิวตู๋ การทำความเคารพน่าจะเป็นความเคยชินในการมีมารยาทของเขา
เย่ซิวตู๋พยักหน้า ยิ้มแล้วกล่าว “เจ้ามาก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถทำให้พี่ใหญ่และน้องสามของเจ้าหุบปากได้ ข้ากลัวจริงๆ ว่าถึงตอนนั้นแล้วจะต้องมีเรื่องเสียหายกัน”
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม มองมาทางอวี้ชิงลั่ว
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “ท่านอ๋องซิวชมข้าเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนแอคนหนึ่ง จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนเสียหายได้อย่างไร อีกอย่าง เห็นแก่มิตรภาพของพวกเขาและท่านอ๋อง ข้าเองก็คงไม่สามารถลงมือได้ตามใจ”
เย่ซิวตู๋ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา ไม่ได้โต้แย้งอันใด เมื่อครู่อวี้ชิงลั่วกระทำสิ่งใด เขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน
ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นเองก็ไม่ได้โง่ ฟังแล้วก็เข้าใจ จึงเมินเฉยต่อประโยคที่ว่า ‘พระชายาซิวโดยชอบธรรม’ ไปในทันที ถามอย่างโกรธเกรี้ยว “เย่ซิวตู๋ เจ้าหมายความว่าอย่างไร เหตุใดจึงบอกว่าพวกเราจะเสียหายได้ หรือว่าพวกเราจะต่อกรกับนางที่เป็นสตรีคนหนึ่งไม่ไหวหรือ?”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า “รับมือไม่ไหวแน่นอน”
ชายผู้สง่างามด้านข้างก็พยักหน้าเช่นกัน “อืม รับมือไม่ไหว”
ฟ่านซิวอวิ๋นหน้าแดง “ฟ่านผิงอวิ๋น ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้านะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เขากล่าว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขมวดคิ้ว ยื่นมือขึ้นมาเกาใบหน้า
ไม่นานนักก็ยกมือขึ้นเกาหน้าตนเองอีก
เริ่มรู้สึกว่ายิ่งนานไปก็ยิ่งทรมานขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับว่าคันยุบยิบไปถึงกระดูก แต่เกาเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
“เกิดอะไรขึ้น เอ๋ ทำไมคันเช่นนี้เล่า?”
ฟ่านฉี่อวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ก็ตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกัน รีบจับมือของพี่ใหญ่เอาไว้ กล่าวอย่างกังวล “พี่ใหญ่ ท่านอย่าเกาสิ หากเกาอีกหน้าท่านจะเป็นรอยนะ”
“ข้าเองก็ไม่อยาก แต่ข้าคันนี่” ฟ่านซิวอวิ๋นร้อนรนอย่างมาก แม้มือจะถูกจับเอาไว้ แต่ก็ควบคุมเอาไว้ไม่ค่อยได้ สีหน้าบิดเบี้ยว
ฟ่านผิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจ ค่อยๆ เดินมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว และทำความเคารพ “แม่นางอวี้ ท่านพี่ใจร้อน หุนหันพลันแล่น ขอท่านอย่าได้ติดใจกับคนเช่นเขาเลย”
แม้ว่าฟ่านซิวอวิ๋นจะยังรู้สึกคันหน้าอยู่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของน้องรองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและอยากจะตีเขาเสีย “ท่าทางของเจ้านี่มันอะไรกัน? น้องชายของข้า ฟ่านซิวอวิ๋น เหตุใดจึงทำตัวอ่อนน้อมกับสตรีได้?”
ฟ่านผิงอวิ๋นไม่สนใจเขา เพียงแต่ดวงตาดุร้าย กล่าวเสียงเย็นเยียบ “พี่ใหญ่ หากท่านยังไม่หุบปาก ข้าจะให้คนมาลากท่านออกไปเสีย”
ฟ่านซิวอวิ๋นสะดุ้ง จนอวี้ชิงลั่วมองออก ความสัมพันธ์ของสามพี่น้องนี้ค่อนข้างแปลก
ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะเป็นคนที่มีบารมีที่สุด แต่คนที่สามารถตัดสินใจและมีความกล้าหาญจริงๆ แล้วนั้นก็คือน้องรอง
ฟ่านผิงอวิ๋นหันหน้ามา กล่าวกับอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง “เห็นแก่ท่านอ๋องซิว แม่นางอวี้อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลย นำยาแก้พิษให้พี่ใหญ่ของข้าเถิด”
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าท่าทางของเขาใช้ได้ ทั้งยังเห็นว่าฟ่านซิวอวิ๋นได้รับบทเรียนแล้ว จึงสะกิดเอวของหนานหนาน “นำยาแก้พิษให้เขาเสีย”
หนานหนานกำลังเอียงคอพิจารณาฟ่านผิงอวิ๋น ได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทางไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ก็ยังล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ นำเม็ดยาออกมาเม็ดหนึ่งส่งให้ฟ่านผิงอวิ๋น
ฟ่านซิวอวิ๋นเบิกตากว้าง “เจ้า เจ้า เป็นเจ้า เป็นหญิงผู้นี้ที่วางยาข้าหรือ เจ้า… อุบ…”
ไม่รอให้เขากล่าวจบ ฟ่านผิงอวิ๋นก็นำยาเม็ดยัดเข้าไปในปากของเขาแล้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่ ท่านไปนั่งทางด้านนั้นเสีย”
ขณะฟ่านซิวอวิ๋นยังคิดจะกล่าวอันใดอีก ฟ่านฉี่อวิ๋นกลับรีบพาคนไปนั่งด้านข้างอย่างรู้ความ นำน้ำให้เขาดื่มพลางเกลี้ยกล่อม “พี่ใหญ่ พี่รองอยู่นี่แล้ว หากมีเรื่องอันใดจะกล่าว ก็รอให้พี่รองไม่อยู่ค่อยกล่าวเถิด ไม่อย่างนั้นหากพี่รองโกรธจะน่ากลัวมากนะ”
อวี้ชิงลั่วมองแล้วส่ายหน้า กล่าวกับฟ่านผิงอวิ๋น “ท่านช่างลำบากจริงๆ”
ต้องดูแล ‘ลูก’ ถึงสองคน
ฟ่านผิงอวิ๋นเองก็ถอนหายใจ “ใครว่าไม่ใช่กันเล่า?”
เขากล่าว จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง “แม่นางอวี้เป็นผู้มาใหม่ที่นี่ อาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องราวในวันนี้เท่าไรนัก ข้าขอแนะนำตัวเสียก่อน ข้าน้อยฟ่านผิงอวิ๋น นั่นคือพี่ใหญ่ของข้า ฟ่านซิวอวิ๋น น้องสามฟ่านฉี่อวิ่น นิสัยของพี่ใหญ่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ ดังนั้นจึงมักทำผู้อื่นขุ่นเคืองอยู่เสมอ น้องสามยังเล็ก ไม่รู้ความ ต้องขอให้แม่นางโปรดอภัย”
สองพี่น้องที่อารมณ์ร้อนและไม่รู้ความมองไปยังฟ่านผิงอวิ๋นที่อ่อนโยนและสุภาพอย่างไม่พอใจนัก
อวี้ชิงลั่วยิ้ม มองเย่ซิวตู๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามอย่างแปลกใจ “เหตุใดตอนนั้นท่านจึงไม่สาบานตนเป็นพี่น้องกับเขาเล่า ข้าคิดว่านิสัยของพี่ฟ่านคนรองนี้น่าจะถูกปากท่านมากกว่ากระมัง”
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก เขาไม่ได้กินคนเสียหน่อย เหตุใดจึงบอกว่าถูกปากเขากันเล่า?
เขารินน้ำให้อวี้ชิงลั่ว จากนั้นก็กล่าว “ตอนนั้นเพียงถูกบังคับเท่านั้น ทำอันใดไม่ได้”
ฟ่านซิวอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลได้ยินก็คิดอยากจะก้าวออกมาแก้ตัว แต่ก็ถูกแววตาของพี่ฟ่านคนรองจ้องมองจนต้องกลับไป
เขาลูบจมูก ดูเขินอายเล็กน้อย
จากนั้นฟ่านผิงอวิ๋นก็กล่าวต่อ “ที่นี่คือบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง พี่ใหญ่ของข้าและท่านอ๋องซิวมีความสัมพันธ์อันดี ดังนั้นท่านอ๋องซิวจึงส่งจดหมายมาให้พวกเรา ให้พวกเราพี่น้องช่วยแสดงละครเสียหน่อย ดังนั้นจึงได้มีเหตุการณ์ชายชุดดำดักปล้น ตอนนี้เรื่องราวก็ถือว่าจบลงแล้ว แม่นางโปรดวางใจ ท่านหมอเจียงผู้นั้น ข้าได้สั่งให้คนจัดการให้เขาพักผ่อนแล้ว แม่นมเซียวและแม่นางเยว่ซินตกใจมาก ตอนนี้ก็พักผ่อนแล้ว”
บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งหรือ?
อวี้ชิงลั่วอึ้งงันไป เหมือนว่านางจะไม่เคยได้ยินชื่อบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งมาก่อนเลย สามพี่น้องฟ่านก็ไม่ได้อยู่ในความทรงจำเช่นกัน ทว่าตอนนั้นพวกเขาพาชายชุดดำมาเป็นร้อยคน ยังไม่ต้องพูดถึงจำนวนคน แต่ทุกคนล้วนมีฝีมือสูง ความเก่งกาจเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือถึงภายนอกเลยสักนิด?
นางเอียงคอครุ่นคิด รู้สึกราวกับได้มองข้ามสิ่งสำคัญบางอย่างไป
ฟ่านผิงอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็มองไปทางเย่ซิวตู๋อย่างครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวต่อ “แม่นางอวี้ พี่ใหญ่ได้ฝึกฝนวิชาอย่างสันโดษมาหนึ่งปี น้องสามก็อยู่ที่จวนไม่ได้ออกไปไหนตลอดทั้งปี และไม่สนใจเรื่องภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีข่าวภายนอกอันใด ไม่รู้ว่าแม่นางเป็นองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ได้รับพระบรมราชานุญาตจากฝ่าบาทให้แต่งงานกันแล้ว และไม่รู้ว่าหนานหนานเป็นบุตรชายของแม่นางอวี้และท่านอ๋องซิว ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าแม่นางคือหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง”
สองพี่น้องฟ่านซิวอวิ๋นที่ฟังด้วยใบหน้าเหยียดหยามนั้นตกตะลึงไปในทันใด เงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่วอย่างสงสัย
“น้องรอง เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ องค์หญิงอันใดกัน หมอปีศาจหรือ นาง…”
ฟ่านผิงอวิ๋นหันหน้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บอกเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่ใหญ่ แม่นางอวี้ อวี้ชิงลั่วก็คือองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ และเป็นหมอปีศาจที่พี่ใหญ่ชื่นชมว่าเป็น ‘ท่านหมอแก่’ มาโดยตลอด”
ฟ่านซิวอวิ๋นรู้สึกถึงสังหรณ์ไม่ดีแล่นไปทั้งร่าง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีคนหน้าแตกล่ะ คราวนี้จะโดนชิงลั่วซัดยาอะไรใส่อีกหนอ โทษฐานไปว่าเขาว่าเป็นหมอแก่
ไหหม่า(海馬)