อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 911 กองกำลังส่วนตัว
ตอนที่ 911 กองกำลังส่วนตัว
ตอนที่ 911 กองกำลังส่วนตัว
ฟ่านผิงอวิ๋นถอนหายใจ ส่งสัญญาณทางสายตาให้เย่ซิวตู๋
อีกฝ่ายกระซิบที่ข้างหูของอวี้ชิงลั่ว “นี่ก็มืดแล้ว พวกเรากลับห้องไปพักก่อนเถิด”
“อืม” อวี้ชิงลั่วเองก็อึ้งไป เมื่อครู่เหมือนนางได้ยินฟ่านผิงอวิ๋นกล่าวว่าหมอปีศาจคือคนที่ฟ่านซิวอวิ๋นชื่นชมเป็นอย่างมาก…
มุมปากของนางกระตุกอย่างอดไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฉายาหมอปีศาจของตนนั้นจะมีประโยชน์เพียงนี้ มีคนตั้งมากมายชื่นชมและเคารพ
เมื่อก่อนที่ใช้ชีวิตอย่างไม่เปิดเผยตัวตน ช่างเสียเปรียบอย่างมาก
ตอนนี้นางรู้สึกว่าสามารถใช้ฉายานี้เดินทางท่องโลกได้ และไม่มีใครมาทำให้ตนต้องลำบากอีก
อีกอย่าง… ท่านหมอแก่หรือ? นางหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก เหตุใดจึงคิดว่าหมอปีศาจต้องเป็นคนแก่เล่า? จะเป็นหญิงสาววัยสิบแปดที่อายุยังน้อย ทั้งรูปงามและฉลาดไม่ได้หรือ ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย
เย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานขึ้นมาแล้ว จับมืออวี้ชิงลั่วเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกัน
เสียงตะโกนของฟ่านซิวอวิ๋นดังมาจากด้านหลัง แต่ไม่นานนักก็ถูกฟ่านผิงอวิ๋นหยุดเอาไว้
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วเดินไปพลางพูดคุย “ในหมู่สามพี่น้องตระกูลฟ่านก็มีน้องรองเป็นคนคอยจัดการเรื่องจุกจิกเหล่านี้ พี่ใหญ่หมกมุ่นกับการศึกษาวิชาต่อสู้ มักจะเก็บตัวฝึกฝนการต่อสู้อยู่หลังเขาบ่อยๆ น้องสามไม่รู้เรื่องโลกภายนอก ถึงแม้วรยุทธ์ไม่อ่อนแอ แต่ส่วนใหญ่ก็เอาแต่เล่น น้องสองกลับเป็นคนที่มีอำนาจในบ้านนี้ตัวจริง เพียงแต่ต้องดูแลพี่ใหญ่และน้องสาม จึงเหนื่อยใจอยู่บ้าง”
อวี้ชิงลั่วเหล่ตามองเขา “ท่านไม่ได้บอกเรื่องของท่านให้พวกเขาฟังหรือ?”
“แค่ให้น้องรองรู้ก็พอแล้ว อีกสองคนนั้น กล่าวไปก็ไม่สำคัญอันใด” เย่ซิวตู๋กล่าวถึงสามพี่น้องนั้น ก็อดไม่ได้จะส่ายหัว
อวี้ชิงลั่วกลับกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ในใจ ในหัวเอาแต่คิดถึงคำว่า ‘บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง’ แต่ครุ่นคิดเพียงใดก็คิดไม่ออกถึงตำแหน่งและสถานที่ของบ้านพักบนเขาแห่งนี้
จนกระทั่งเย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานเข้าไปในห้องของนาง นางก็ส่ายหน้าและตัดสินใจว่าจะถามเขาตรงๆ
หนานหนานหลับไปแล้ว เขากับฟ่านฉี่อวิ๋นต่อสู้กันอยู่นาน จนเขาหาวอยู่หลายครั้งมานานแล้ว ง่วงเป็นอย่างมากเสียขนาดนอนซบบนไหล่ของเย่ซิวตู๋ ฟังพ่อแม่ของตนพูดคุยกัน และหลับไปโดยไม่รู้ตัว
อวี้ชิงลั่วหันกลับไปมองเย่ซิวตู๋ที่กำลังวางเขาบนเตียงอย่างระมัดระวัง นางนึกออกว่าหนานหนานเหงื่อไหลทั้งตัว จึงหมุนตัวออกนอกประตูห้อง เห็นด้านนอกมีสาวใช้คอยรับใช้อยู่ ก็ให้นางนำน้ำสองถังเข้ามา
หนานหนานหลับสนิท อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงเช็ดตัวให้เขาแบบลวกๆ เปลี่ยนชุดด้านในเพื่อให้เขาหลับสบายขึ้นหน่อย
จนกระทั่งทำเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว นางก็ค่อยๆ เดินไปข้างกายเย่ซิวตู๋ เห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองไปยังต้นอ่อนเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมหนึ่งด้านนอก
“บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่”
เย่ซิวตู๋หันศีรษะมา มองนางพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม “ในที่สุดก็ถามแล้วหรือ?” เขารอนางมานานแล้ว
อวี้ชิงลั่วทุบเขาครั้งหนึ่ง “รีบพูดมาเสีย”
“กองกำลังใต้บังคับบัญชาของข้า”
กองกำลังใต้บังคับบัญชาหรือ กองกำลังใต้บังคับบัญชา!!
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา รีบลดเสียงลง “กองกำลังส่วนตัวสินะ”
เย่ซิวตู๋เห็นท่าทางของนางเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอยากหัวเราะ ดึงมือนางเดินเข้าไปข้างใน และลงเสียงลงเหมือนนาง “ก็ไม่เชิงกระมัง สถานการณ์ของข้าเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ควรมีอิทธิพลอยู่บ้าง ข้าเองก็ไม่ใช่ว่าจะต้องการสู้เพื่อตำแหน่งนั้น แต่ก็ต้องเตรียมคนที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ให้พร้อม”
อวี้ชิงลั่วเห็นเขากล่าวถึงสถานการณ์ของตน ก็นึกถึงนางแม่มดเหมิงกุ้ยเฟยผู้นั้น เมื่อคิดถึงว่าเขาต้องถูกลอบสังหารหลายต่อหลายครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ
เส้นเลือดบนหน้าผากของเย่ซิวตู๋ปูดออก อดใจเอาไว้ไม่ให้ปิดตาของนาง จากนั้นก็กล่าวต่อ “หลายปีมานี้มีการเสาะแสวงหาเพื่อบ่มเพาะมือสังหารจำนวนไม่น้อย วันนี้ชายชุดดำเหล่านั้นที่ปรากฏตัว แม้จะไม่ใช่มือสังหารอันดับสูงๆ แต่ก็มีฝีมือไม่ธรรมดา คนเหล่านี้นั้นล้วนมีฟ่านผิงอวิ๋นคอยดูแลแทนข้าเป็นการชั่วคราว”
เหมือนว่าอวี้ชิงลั่วจะนึกสิ่งใดออก จากนั้นก็เข้าใจในทันที ชี้ไปทางเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “ไม่แปลกเลยที่ท่านเลือกเส้นทางนี้กลับไปเมืองหลวง ท่านมาที่นี่เพื่อพบฟ่านผิงอวิ๋นโดยเฉพาะใช่หรือไม่”
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา “อืม การกลับเมืองหลวงครั้งนี้จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ มีคนอยู่ข้างกายมากหน่อย ก็จะได้รับการคุ้มครองเพิ่มขึ้น”
เขาหยุดไป จากนั้นก็กล่าวอีก “ความสัมพันธ์ของข้ากับฟ่านผิงอวิ๋น ตอนนี้มีเพียงพวกเราที่รู้เรื่อง แม้แต่พวกเสิ่นอิงเองก็ไม่รู้ ข้าบอกเพียงว่าเป็นสหายเก่า”
อวี้ชิงลั่วเข้าใจ ยังไม่พบตัวสายลับที่อยู่รอบกายเย่ซิวตู๋เลย จะเชื่อใจใครไม่ได้ทั้งนั้น
แต่คนผู้นั้นเองก็รักษาท่าทางได้ดีอย่างมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เปิดเผยตัวเลยแม้แต่น้อย
อวี้ชิงลั่วเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวล แต่ก็ปวดใจด้วย นางไม่อยากสงสัยในตัวพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว
คิดถึงสิ่งเหล่านี้ นางก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“เอาล่ะ อย่ากังวลกับเรื่องนี้มากไปนัก เจ้าเองก็เหนื่อยมาทั้งวัน ไปนอนกับหนานหนานเถิด เดี๋ยวเย็นหน่อยข้าจะมาเรียกเจ้าไปกินข้าวเย็น” เย่ซิวตู๋เองก็ไม่อยากพูดเรื่องสายลับไปมากกว่านี้อีก จับมือของนางแล้วบีบ จากนั้นก็กล่าว “ข้าและฟ่านผิงอวิ๋นยังมีบางเรื่องต้องพูดคุยกัน”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ออกแรงดึงมือออกจากฝ่ามือของเขา นอนกอดหนานหนานแล้วหลับไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
เย่ซิวตู๋ปวดใจอย่างมาก นางช่างเหมือนหนานหนานเสียจริง ช่างไร้มโนธรรมนัก
ยืนอยู่ในห้องมองผู้ใหญ่และเด็กคู่นั้นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ลอบถอนหายใจ หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
การรักษาความปลอดภัยของบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งนั้นไม่เข้มงวดนัก ถึงขนาดกล่าวได้ว่าหละหลวม เพียงแต่เย่ซิวตู๋รู้ดีว่าทุกซอกทุกมุมในบ้านพักบนเขานี้ ล้วนมีแต่คนฉลาดหลักแหลมและระมัดระวังหลบซ่อนอยู่
หลังจากผ่านสวนด้านหลังของบ้านพัก เย่ซิวตู๋ก็มาถึงลานด้านหน้า ยืนอยู่ตรงนอกประตูห้องหนังสือที่ชื่อว่า ‘โล่วซื่อ’
ยังไม่ทันได้ยกมือเคาะประตู ด้านในก็มีคนคนหนึ่งเดินออกมา ยิ้มแล้วเชิญเขาเข้าไป
จากนั้นเมื่อปิดประตู ฟ่านผิงอวิ๋นก็หุบยิ้มลง ยืนอยู่ด้านหลังของเย่ซิวตู๋อย่างเคารพแล้วถาม “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“ที่เมืองหลวงจะมีการเปลี่ยนแปลง” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเย่ซิวตู๋ดังขึ้น
ฟ่านผิงอวิ๋นผงะ จากนั้นก็เข้าใจ “พร้อมรับคำสั่งตลอดเวลาขอรับ ข้าน้อยจะเรียกรวมตัวมือสังหารทุกคนมาช้าหน่อย จะไม่สามารถรับภารกิจอันใดได้เป็นการชั่วคราวขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋พยักหน้า จากนั้นก็เหมือนว่านึกสิ่งใดออก เอ่ยถาม “อวี๋จั้วหลินเล่า เป็นอย่างไรบ้าง?”
กล่าวถึงตรงนี้ ฟ่านผิงอวิ๋นก็ยิ้มออกมา “ทหารรักษาพระองค์ตายไปครึ่งหนึ่ง ยังมีสองสามคนได้รับบาดเจ็บ อวี๋จั้วหลินนำตัวคนที่ยังเหลืออยู่ออกตามหาท่านอ๋อง หาไม่พบ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงขอรับ”
“เขายังมีความกล้าจะกลับไปเมืองหลวงอีก ข้าหายตัวไปเช่นนี้ จะดูสิว่าเขาจะรายงานเสด็จพ่ออย่างไร” เขาหยุดไป ทันใดนั้นก็หมุนตัวนั่งลงบนโต๊ะด้านข้าง ยกมือขึ้นเขียนจดหมาย
ฟ่านผิงอวิ๋นไปยืนด้านข้างเพื่อช่วยฝนหมึกให้เขาทันที “หากท่านอ๋องเห็นเขาแล้วขัดหูขัดตา ข้าน้อยจะช่วยกำจัดให้ขอรับ”
“ไม่ต้อง ยกเขาให้ชิงเอ๋อร์จัดการ” เย่ซิวตู๋กล่าว จดหมายในมือก็ถูกเขียนจนเสร็จแล้ว พับใส่ซองแล้วปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง ก่อนจะส่งมอบให้ฟ่านผิงอวิ๋น “นำจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังเมืองหลวง ส่งให้หลีจื่อฟาน”
เสนาบดีฝั่งขวาหรือ?
ฟ่านผิงอวิ๋นเลิกคิ้ว แต่ก็รับเอาไว้
ใครจะรู้ว่าเพียงเก็บจดหมายเอาไว้ ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก “พี่รอง พี่รอง ท่าไม่ดีแล้ว แม่นางอวี้ แม่นางอวี้นาง…”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องก็เคี้ยวยากนะ มีกองกำลังลับส่วนตัวด้วย ฆ่ายังไงก็ไม่ตายหรอก
เกิดอะไรขึ้นกับชิงลั่วกัน?
ไหหม่า(海馬)