อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 913 วิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้
ตอนที่ 913 วิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้
ตอนที่ 913 วิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้
เย่ซิวตู๋อึ้งงันไป หยุดมือที่กำลังผูกผ้าคาดเอวให้นาง ถามอย่างลังเล “ทำไมหรือ เจ้าอยากกลับไปโดยเร็วที่สุดหรือ?”
“ฟังจากที่ท่านพูดแล้ว แสดงว่าท่านต้องการอยู่ที่นี่ต่อสักพักสินะ”
เย่ซิวตู๋มองนางแวบหนึ่ง เห็นว่าสีหน้านางไม่ได้ดูไม่พอใจอันใด จึงยิ้มแล้วกล่าว “อืม ในเมื่อหายตัวไปแล้ว ก็ควรใช้เวลาอีกสองสามวัน ใต้เท้าอวี๋จะได้รายงานได้ไม่ยาก”
อวี้ชิงลั่วปัดมือที่กำลังยุ่มย่ามของเขาออกไป พยักหน้าและหวีผมของตน เมื่อดูกระจกก็เห็นว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ไปกัน ออกไป”
เย่ซิวตู๋ยังคงสงสัยว่านางมีความตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่ เขามองนางเดินไปถึงประตูแล้ว จากนั้นก็เปิดประตูที่เป็นรูนั้นออก
หนานหนานรีบพุ่งเข้ามาอวดผลงาน “ท่านแม่ ข้าคุ้มกันเอาไว้ ไม่มีใครเข้ามาเลย ท่านวางใจได้ขอรับ”
ฟ่านผิงอวิ๋นเห็นพวกเขาออกมาแล้วก็ยืดหลังตรงทันที มองเย่ซิวตู๋อย่างระแวดระวัง
“ท่านอ๋องขอรับ พี่ใหญ่เขา… ทำเรื่องผิดพลาดไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนแม่นางอวี้จริงๆ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด” เมื่อครู่เขาถามอย่างละเอียดแล้ว และฟ่านซิวอวิ๋นก็รู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างมาก ได้ยินน้องชายกล่าวเช่นนี้ก็รีบพยักหน้าอย่างแรง
หลังจากผ่านไปนานครู่ใหญ่ กำลังกายของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ตอนนี้พูดจาได้อย่างคล่องแคล่วขึ้น จึงรีบแก้ต่างให้ตนเอง “เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ข้าเพียงได้ยินว่าแม่นางอวี้เป็นหมอปีศาจ ในใจก็นึกตื่นเต้น จึงผลีผลามวิ่งมาที่นี่”
เขากล่าว จากนั้นก็มองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง “เจ้าเองก็รู้นิสัยข้า เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็จะใจร้อนอย่างมากจนวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าคิดว่านางเป็นหมอปีศาจ และก่อนหน้านี้ก็พูดจาไม่ค่อยดีต่อกันนัก จึงคิดจะฟื้นฟูความสัมพันธ์เก่าๆ…”
“นี่” อวี้ชิงลั่วจ้องเขาเขม็ง “ใครมีความสัมพันธ์เก่าๆ กับเจ้ากัน?”
สีหน้าของฟ่านซิวอวิ๋นแข็งทื่อ แต่เมื่อคิดถึงสถานะของนางและได้ยินกิตติศัพท์ด้านอารมณ์ของนางจึงไม่คิดถือสาและแก้ต่างให้ตนเองต่อ “สรุปว่า… ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความหวังดีต่อแม่นางอวี้”
เขาไม่ได้กล่าวขอโทษ จนเย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว รู้ว่าจริงๆ แล้วในใจเขาก็ยังคงดูถูกสตรี
เดาว่าเขาคงต้องทำความเข้าใจใหม่เสียนานนมทีเดียวเมื่อรู้ว่าอวี้ชิงลั่วเป็นหมอปีศาจ
อวี้ชิงลั่วยิ้มกลับด้วยความโกรธ “แสดงความหวังดีหรือ?” นางชี้ไปยังประตูที่เป็นรูด้านข้าง “นี่หรือคือความหวังดีของเจ้า?” จากนั้นก็ชี้ที่ตนเอง ถึงแม้จะจัดแจงจนเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อนึกถึงสภาพของตนเมื่อครู่ก็รู้สึกเดือดดาลอีกครั้ง “นี่คือผลจากความหวังดีของเจ้าหรือ?”
สุดท้ายฟ่านซิวอวิ๋นก็รู้สึกผิดเล็กน้อย กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยพึมพำ “นั่นไม่ใช่เพราะเจ้าเปิดประตูกะทันหันหรอกหรือ? ข้าแรงเยอะไปหน่อย ทั้งยังใจร้อนไปหน่อย จึง…จึงลงมือโดยกะแรงไม่ถูก ใครจะรู้ว่าจะทำให้ประตูเป็นรูเสียได้ จากนั้นเจ้าก็เปิดประตูกะทันหัน หมัดของข้าเกือบจะไปโดนเจ้าแล้ว ข้ารีบใช้แรงทั้งหมดเพื่อชักมือกลับ นึกไม่ถึงว่าเพียงประหม่า จึงทำให้กล่องเครื่องประทินโฉมที่คิดจะมอบให้เจ้านั้นหลุดมือ ก็เลย…ก็เลยไปโดนหน้าเจ้าหมด”
อวี้ชิงลั่วกัดฟัน “รู้สึกว่าเป็นความผิดข้าสินะ?”
“เดิมทีก็ใช่”
อวี้ชิงลั่วอยากจะบีบคอเขาให้ตายเสียจริงๆ
ฟ่านผิงอวิ๋นรีบเตะพี่ชายของตน ฟ่านซิวอวิ๋นได้สติขึ้นมาทันที รีบโบกมือ “ไม่ใช่ๆ เป็นข้าเองที่ไม่รู้จักผ่อนแรง”
เย่ซิวตู๋ฟังเขาแล้วกลับขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาขึ้นมาก “เจ้าต้องการมอบกล่องผงแป้งทาหน้าให้ชิงเอ๋อร์หรือ?”
น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ ใครก็ฟังออกว่าเต็มไปด้วยความโกรธ
ฟ่านฉี่อวิ๋นประหม่ายิ่งกว่า เขาถอยเท้าไปไกลเสียจนไปถึงมุมห้อง
ฟ่านผิงอวิ๋นลูบหน้าผาก ไม่รู้เลยว่าจะช่วยพี่ชายตนจากเรื่องนี้ได้อย่างไร
มีเพียงฟ่านซิวอวิ๋นเท่านั้นที่ยังพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าไปสืบข่าวมาแล้ว ว่าจะมอบของให้สตรีนั้นมอบเครื่องประทินโฉมให้ก็ไม่เลว อีกอย่างสีหน้าของแม่นางอวี้ก็ดูไม่สู้ดีนัก จึงให้คนไปซื้อมาเป็นพิเศษ”
สีหน้าของนางไม่สู้ดีหรือ? สีหน้าของนางไม่สู้ดีก็เพราะโกรธเขาอย่างมากไม่ใช่หรอกหรือ?
อวี้ชิงลั่วโกรธมาก กำลังคิดจะกล่าว ก็เห็นเย่ซิวตู๋ยกเท้าขึ้นแล้วเตะผางไปยังฟ่านซิวอวิ๋น
นางอึ้งไป รีบคว้าตัวเขาไว้ “ท่านทำอะไรน่ะ?”
เย่ซิวตู๋เม้มปาก สีหน้าโกรธเกรี้ยวแต่ไม่กล่าวอันใดเลยสักคำ
ฟ่านผิงอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นล้วนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเข้าใจในทันใด รีบก้าวออกไปกล่าว “ท่านอ๋อง พี่ใหญ่เขาไม่รู้จักกฎเกณฑ์ เรื่องที่เขาทำเสียมารยาทเช่นนี้ อีกเดี๋ยวข้าจะบอกเขาให้ดีขอรับ”
ฟ่านซิวอวิ๋นยังคงมีสีหน้ามึนงง เย่ซิวตู๋เตะเขา เขาก็คิดจะลุกขึ้น แต่ทั้งร่างกลับไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงต่อว่า “เย่ซิวตู๋ เจ้าเตะข้าอีกแล้ว ครั้งก่อนก็บอกแล้วว่าจะไม่เตะข้าแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้ามันไม่รักษาคำพูด”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าฟ่านซิวอวิ๋นช่างมีระดับสติปัญญาคล้ายหนานหนานนัก ไม่สิ ยังไม่เท่าหนานหนานเสียด้วยซ้ำ มารยาทหรือธรรมเนียมใดๆ ล้วนไม่สนใจ ราวกับว่าในใจแทบไม่มีความคิดนี้เลย
ไม่แปลกเลยที่เย่ซิวตู๋ได้พัวพันกับเขาและทำได้เพียงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน
ด้วยนิสัยเช่นนี้ของเขา ได้มาอยู่ในตำแหน่งเจ้าของบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง ก็ถือว่าลำบากฟ่านผิงอวิ๋นจริงๆ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าหากตนไปมีเรื่องกับเขา จะเป็นการลดตัวลงไปจริงๆ
แต่ถ้านางไม่เอาเรื่อง เช่นนั้นก็จะไม่ยุติธรรมกับตนเอง ไม่ใช่ว่าต้องกล้ำกลืนไว้กับตนเองหรอกหรือ? แค่นึกถึงแป้งขาวที่ใบหน้า นางก็อยากจะอาเจียนจะตายแล้ว
ขณะคิด อวี้ชิงลั่วก็ดึงมือของเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าจะจัดการเอง”
เย่ซิวตู๋ยังคงมีสีหน้าตึงเครียด ไม่กล่าวอันใดสักคำ มีคนมอบเครื่องประทินโฉมให้ภรรยาของเขาเช่นนี้ เขาไม่จัดการอีกฝ่ายในทันทีก็ถือว่าโชคดีแล้ว
อวี้ชิงลั่วรีบผลักเขาไปข้างหลัง จากนั้นก็มองฟ่านซิวอวิ๋น กล่าว “ไม่ว่าจะว่าอย่างไร เจ้าก็ทำให้ข้าตกใจ อีกเดี๋ยวข้ายังต้องกินยาเพื่อลดอาการตื่นตระหนกอีก ถึงแม้ที่นี่จะเป็นบ้านพักของเจ้า แต่อย่างไรข้าก็เป็นหญิง เจ้ามาตะโกนเรียกโวยวายเช่นนี้ ช่างไร้กฎเกณฑ์เกินไปแล้ว เอาเช่นนี้เถิด ข้าเองก็จะไม่ติดใจอะไรกับเจ้ามาก ข้าเองก็จะไม่ดุด่า ฆ่าเจ้า หรือตอนเจ้า เปลี่ยนวิธีให้เจ้าได้รับบทเรียนเสียหน่อยดีกว่า”
ฟ่านผิงอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นล้วนถอนหายใจโล่งอก เงยหน้ามองเย่ซิวตู๋อย่างเงียบๆ เห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้านอันใดก็วางใจ
แต่ฟ่านซิวอวิ๋นนั้นกลับรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ปรับความเข้าใจแล้วก็จบแล้วไม่ใช่หรือ ข้ามอบของขวัญให้เจ้าก็ด้วยเจตนาดี เหตุใดจึงต้องให้ข้าได้รับบทเรียนด้วยเล่า?”
“พี่ใหญ่!!” ฟ่านผิงอวิ๋นเอ่ยปาก
เพียงฟ่านซิวอวิ๋นเห็นสีหน้าของเขาเช่นนั้นก็พึมพำออกมา แต่ไม่กล้าคัดค้านอันใดแล้ว ยืดคอพลางกล่าว “เจ้าว่ามาสิ บทเรียนอันใด โบยสามสิบครั้ง หรือว่าให้ข้าถูกฟันสักสิบครั้ง แปดครั้ง ข้าจะไม่แม้แต่ขมวดคิ้วเลย แต่ทว่าสั่งสอนเสร็จแล้ว เจ้าต้องบอกข้าว่าเหตุใดจึงกลายเป็นหมอปีศาจได้”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก เขาโหดร้ายกว่านี้ได้อีกไหม อีกอย่าง นางสั่งสอนเขาเสร็จแล้วยังจะมีเงื่อนไขอีกหรือ
อวี้ชิงลั่วยิ้มอย่างเย็นชา “วางใจเถิด ข้าเป็นคนใจดีมาก ไม่มีทางทำให้สถานะของเจ้าเสียหาย ข้าหาวิธีที่ละมุนละม่อมกว่านี้มาให้เจ้าแล้ว”
“ละมุนละม่อมกว่านี้อย่างนั้นหรือ?” ฟ่านซิวอวิ๋นขมวดคิ้ว “หรือจะให้คุกเข่า? ข้าจะบอกให้นะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะคุกเข่าให้สตรี ไม่เช่นนั้นก็ฆ่าข้าเสียเถิด”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สั่งสอนชายแท้ทรงปิตาฯคนนี้หน่อยซิชิงลั่ว อะไรมันจะดูถูกผู้หญิงนักหนา?
ไหหม่า(海馬)