อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 914 คนที่ดูลับๆ ล่อๆ
ตอนที่ 914 คนที่ดูลับๆ ล่อๆ
ตอนที่ 914 คนที่ดูลับๆ ล่อๆ
อวี้ชิงลั่วข่มกลั้นความคิดที่อยากก้าวไปข้างหน้าเพื่อตบเขา กล่าวอย่างช้าๆ “แค่คุกเข่ายังไม่พอหรอก ทว่าในเมื่อเจ้าไม่รู้จักธรรมเนียมปฏิบัติถึงเพียงนี้ เช่นนั้นตอนที่พวกข้าอยู่ที่บ้านพักซิ่วจิ่ง เจ้าก็ต้องเรียนรู้ธรรมเนียมและมารยาทด้วย”
อย่างเช่นว่า ก่อนจะเข้าห้องจะต้องให้คนมาแจ้งก่อน ไม่ใช่ไปเคาะประตูห้องผู้หญิงตามใจชอบ ไม่ควรมอบของขวัญเป็นเครื่องประทินผิวให้ผู้หญิงตามใจชอบ รวมถึงไม่ควรดูถูกผู้หญิงด้วย
แทนที่จะบอกว่าเป็นธรรมเนียมและมารยาท เรียกว่าเป็นสามัญสำนึกเสียจะดีกว่า
ฟ่านซิวอวิ๋นโง่เพียงนี้ แม้แต่สามัญสำนึกทั่วไปก็ยังไม่รู้ พวกเขายังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หากไม่คิดหาอะไรให้เขาทำ ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะทำอันใดอีก
เรียนรู้ธรรมเนียมและมารยาทหรือ?
ฟ่านซิวอวิ๋นจ้องมองนางด้วยใบหน้าหวาดกลัวทันที “ชายชาตรีจะต้องเรียนธรรมเนียมและมารยาทอันใดอีก? ข้ายังต้องฝึกวิชาต่อสู้นะ เจ้าลงโทษข้าให้ฝึกการต่อสู้ทั้งวันทั้งคืนเสียเลยเถิด”
“เช่นนั้นก็เป็นไปตามความต้องการของเจ้าน่ะสิ ยังจะเรียกว่าลงโทษได้อีกหรือ?” อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างเยือกเย็น หัวเราะเหยียดหยามแล้วกล่าว “ว่าอย่างไร เจ้ากลัวหรือ ก็จริง คนอย่างเจ้า บอกตรงๆ ก็แค่แข็งนอกอ่อนใน ไอ้คนขี้ขลาด แม้แต่บทเรียนประเภทนี้ก็ยังทนรับไว้ไม่ได้ จะเป็นคนเก่งกาจคงจะยาก ช่างน่าผิดหวังจริงๆ”
ฟ่านซิวอวิ๋นคับแค้นใจเล็กน้อย เดิมทีก็มีนิสัยหุนหันพลันแล่นอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกหญิงคนหนึ่งดูถูก ทันใดนั้นก็กล่าวพลางส่งเสียงฮึดฮัด “ได้ ข้าจะศึกษา”
ฟ่านผิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว มองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง
เขารู้จักพี่ชายของตนดี ตั้งแต่เล็กจนโต คนรอบตัวก็ล้วนอยากให้เขาประพฤติตัวดี กินข้าว นอนหลับ หรือเดินเหินก็จะต้องมีท่าทางน่านับถือ แต่เขากลับไม่ฟังเข้าหูเลยแม้แต่คำเดียว หากมีใครมากล่าวเช่นนี้ขึ้นเขาก็จะหนีไป
ไม่อย่างนั้น เวลาที่อาจารย์สั่งสอนก็จะวิ่งไปวิ่งมา ทำอาจารย์หมดสติไป แล้วก็หนีไปฝึกวิชาต่อสู้
นึกถึงตรงนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เดาว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนเดิม
ถึงแม้อวี้ชิงลั่วจะอยากให้เขาศึกษาธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ไม่แน่ว่าผลก็อาจจะเหมือนเดิม
เมื่อฟ่านผิงอวิ๋นคิดเช่นนี้ ฟ่านซิวอวิ๋นก็ย่อมคิดออกแล้วเช่นกัน
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้วเขาก็สงบลง ตลกแล้ว ที่นี่คือบ้านพักซิ่วจิ่งของเขา สาวใช้และคนรับใช้ที่นี่ล้วนเป็นคนของเขา เขาเป็นนายใหญ่ ทั่วทั้งบ้านพักนี้ เขาเกรงกลัวเพียงน้องรองคนเดียวเท่านั้น
น้องรองยุ่งเพียงนั้น เย่ซิวตู๋เองก็อยู่ที่นี่ คงจะต้องคุยกันตลอดเวลา จะมีเวลามาสนใจเขาหรือ?
เขาไม่เข้ามายุ่ง คนอื่นๆ ก็อย่าหวัง นอกเสียจากว่าจะอยากตาย
เพียงคิดถึงตรงนี้ เขาก็วางใจ พยักหน้า “เพียงต้องเรียนรู้ในช่วงที่เจ้าอยู่บ้านพักนี้ก็พอใช่หรือไม่ เจ้าพูดคำไหนคำนั้นด้วยล่ะ”
“แน่นอน” อวี้ชิงลั่วยิ้มออกมา เห็นว่าฟ่านผิงอวิ๋นขมวดคิ้ว ไปจนถึงท่าทางพึงพอใจของฟ่านซิวอวิ๋น ก็ลอบหัวเราะเยาะ จากนั้นก็หันหน้ามองหนานหนาน “หนานหนาน ช่วงนี้เจ้าก็คอยเฝ้าดูอยู่ข้างกายนายท่านฟ่าน แล้วก็เรียนรู้ไปด้วยกันเสีย ถ้าหากเขาไม่เชื่อฟัง เจ้าก็ตีเขา ตีเขาแรงๆ เลย”
รอยยิ้มบนใบหน้าฟ่านซิวอวิ๋นแข็งทื่อไปทันที ชี้ไปที่หนานหนานแล้วเบิกตากว้าง
อวี้ชิงลั่วกลับเหมือนว่ายังไม่พอใจ กล่าวเสริม “อืม ส่วนคนที่จะสอน ก็ให้เป็นแม่นมเซียว แม่นมเซียวออกมาจากวังหลวง นางมีประสบการณ์ เหมาะสมที่สุดแล้ว”
นางกล่าวเช่นนี้ออกไป แม้แต่เย่ซิวตู๋ที่อยู่ด้านหลังก็มีใบหน้าอ่อนโยนลง ทั้งยังเผยให้เห็นท่าทางยินดีเมื่อผู้อื่นโชคร้ายเล็กน้อยอีกด้วย
แววตาเฉียบคมของฟ่านผิงอวิ๋นมองเห็นฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา
หนานหนานเชื่อฟังท่านแม่มาก พยักหน้าหงึกหงัก “ท่านแม่วางใจเถิด รับรองว่าภารกิจจะต้องลุล่วงขอรับ”
ถึงแม้คนที่สอนธรรมเนียมปฏิบัติจะเป็นแม่นมเซียว ทว่ามีคนที่ไม่สนใจสิ่งใดเลยอย่างนายท่านฟ่าน แม่นมเซียวก็คงจะต้องทุ่มเทพลังกายทั้งหมดไปกับเขา อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบแล้ว แม่นมเซียวจะต้องพบว่าหนานหนานเป็นนักเรียนตัวอย่างที่ดีเป็นแน่
อีกอย่าง ท่านแม่บอกให้เขาคอยจับตาดูนายท่านฟ่าน แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแล้ว
หนานหนานมีสีหน้าตื่นเต้นจนหน้าแดง จ้องมองฟ่านซิวอวิ๋นราวกับหมาป่า
อีกฝ่ายกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ถึงแม้จะมีฝีมือต่อสู้เก่งกาจมากหน่อย แต่หากคิดจะทุบตีเขา ก็ดูท่าจะเป็นไปได้ยาก ทั้งยังมีแม่นมเซียวอะไรนั่นก็เป็นเพียงหญิงแก่คนหนึ่ง เพียงเขาต้องมองก็คงไม่กล้ากล่าวอันใดแล้ว
ฟ่านซิวอวิ๋นพยายามคิดไปในทางที่ดีให้มากที่สุด คิดว่าก็ไม่เท่าไรนัก ทั้งยังมีสีหน้าไม่สนใจไยดี
ฟ่านผิงอวิ๋นลอบส่ายหน้า พี่ใหญ่จะใสซื่อเกินไปแล้ว
“เอาล่ะ เรื่องราวนี้ก็คลี่คลายแล้ว ท่านรองฟ่าน เช่นนั้นก็รบกวนท่านจัดการห้องหนังสือเสียหน่อย เอาไว้ให้นายท่านฟ่านใช้”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้ฟ่านผิงอวิ๋น คิดได้ว่าตนที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นต้องมาพบเรื่องเช่นนี้ก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ฟ่านผิงอวิ๋นเป็นคนช่างสังเกต กล่าวทันที “แม่นางอวี้วางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร น้องสาม เจ้าพาพี่ใหญ่กลับไปพักที่ห้องเสีย พรุ่งนี้เช้าจะต้องไปที่โล่วซื่อ” กล่าวจบก็มองเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่ว “อาหารเย็นถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านอ๋องและแม่นางอวี้เดินทางมาเหนื่อยๆ คงจะหิวกันแล้ว เชิญทางนี้ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วตอบ ‘อืม’ มองไปยังหนานหนานที่ดูมีความสุข จับมือเขาแล้วเดินไปที่ห้องอาหาร
และในตอนนั้นเอง นางจึงได้พบแม่นมเซียว เยว่ซิน และคนอื่นๆ
สองสามคนนั้นล้วนได้ข่าวเรื่องราวก่อนหน้า รู้ว่าคนชุดดำเหล่านั้นจะไม่ทำร้ายตน แต่ไม่เห็นอวี้ชิงลั่ว ก็เลยยังกังวลอยู่บ้าง
ตอนนี้ได้พบนางแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
อวี้ชิงลั่วบอกเรื่องการสั่งสอนฟ่านซิวอวิ๋นกับแม่นมเซียว “ข้อกำหนดไม่สูงนัก เพียงแต่สอนเขาเรื่องสามัญสำนึกพื้นฐานเป็นพอ ส่วนเรื่องกิริยาที่รุนแรงเกินไปนั้นก็ช่างเถิด เขาจะได้ไม่จนตรอกจนเกินไปจนถลกหนังเรา”
ที่สำคัญที่สุดคือต้องบอกฟ่านซิวอวิ๋นว่าในช่วงสองสามวันที่พวกเขาอยู่ที่นี่ ห้ามมารบกวนพวกเขาตามอำเภอใจเด็ดขาดๆๆๆ
อืม นี่เป็นสามัญสำนึกพื้นฐานที่สุดแล้ว
แม่นมเซียวตกปากรับคำ นางมีความกระตือรือร้นกับเรื่องประเภทนี้เป็นพิเศษ อวี้ชิงลั่วเห็นเช่นนั้นก็กระตุกมุมปาก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แน่นอนว่าเช้าวันต่อมา อวี้ชิงลั่วยังไม่ตื่นนอน หนานหนานก็วิ่งมาที่ข้างเตียงของนางอย่างตื่นเต้นและบอกลานางแล้ว
“ท่านแม่ แม่นมเซียวมาหาข้าแล้ว ข้าไปแล้วนะ รับรองว่าภารกิจต้องสำเร็จลุล่วง”
อวี้ชิงลั่วพลิกตัวแล้วหรี่ตา แต่ไม่เห็นเย่ซิวตู๋อยู่ข้างกาย คิดว่าเขาน่าจะไปหาฟ่านผิงอวิ๋นเพื่อพูดคุยธุระแล้ว จึงไม่ได้สนใจ เพียงแต่พยักหน้า “อืม ไปเถิด”
หนานหนานแบกสัมภาระหอบใหญ่ไว้ที่หลัง ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้ กระโดดโลดเต้นออกจากห้องไป
อวี้ชิงลั่วนอนหายใจอยู่บนเตียงพักหนึ่ง จากนั้นก็ลูบศีรษะของตนแล้วลุกขึ้นไปล้างหน้ากินอาหาร
เยว่ซินได้รับคำสั่งจากนางให้ดูแลท่านหมอเจียง ดังนั้นคนที่คอยดูแลเรื่องอาหารและอื่นๆ ในแต่ละวันจึงเป็นสาวใช้ของบ้านพักซิ่วจิ่ง
อวี้ชิงลั่วกินอาหารเช้าเสร็จก็เดินเล่นอยู่รอบๆ เรือน
ข้างกายไม่มีหนานหนาน ไม่มีเย่ซิวตู๋ ไม่มีแม่นมเซียว แม่นมเก๋อ เยว่ซิน และคนอื่นๆ นางก็รู้สึกไม่คุ้นชินเลยจริงๆ
จากนั้นก็หวนคิด ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางด้านฟ่านซิวอวิ๋นเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าแม่นมเซียวจะควบคุมเขาอยู่หรือไม่? จึงถามเส้นทางไปยังโล่วซื่อจากสาวใช้ แล้วเดินไปทางด้านนั้น
แต่ทว่าอวี้ชิงลั่วเพิ่งเดินไปได้ครึ่งทาง ก็เห็นร่างหนึ่งหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ไม่ไกล ท่าทางลับๆ ล่อ
นางจับจ้องเขม็ง และพบว่านั่นคือเสิ่นอิง
หัวใจของอวี้ชิงลั่วเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างอธิบายไม่ถูกในทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เตรียมตัวรับบทเรียนจากหญิงแก่คนที่ว่านี้ได้เลย หญิงแก่คนนี้คือตัวตึงราชสำนักเลยนะ ขนาดหมอปีศาจยังกลัวอะ
แง ท่านเสิ่นยังไม่ตาย คิดถึงท่านเสิ่น
ไหหม่า(海馬)