อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 916 น่าเสียดาย
ตอนที่ 916 น่าเสียดาย
ตอนที่ 916 น่าเสียดาย
“แต่ท่านแม่ข้าบอกว่า หากผู้อาวุโสไม่ทำตัวเหมือนเป็นผู้อาวุโส เช่นนั้นก็ไม่ควรได้รับการเคารพ” หนานหนานเงียบไป ครั้นรู้สึกว่ามารดาหมายความเช่นนี้ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างแรง “ท่านลุงนายท่าน เมื่อครู่ท่านขู่จะทำร้าย ขู่จะฆ่าผู้ช่วยชีวิตของข้า ทั้งยังดุด่าข้าอย่างไร้เหตุผล ข้าลองพิจารณาดูแล้ว ก็รู้สึกว่าคนประเภทนี้ไม่ควรได้รับการเคารพ”
ฟ่านซิวอวิ๋นแทบจะกระอักเลือดออกมา อายุเพียงเท่านี้ เหตุใดจึงช่างพูดช่างเจรจาเพียงนี้กัน
แต่หนานหนานวิ่งไปยังโต๊ะเล็กข้างๆ ที่ฟ่านผิงอวิ๋นวางไว้ให้เขาก่อนหน้านี้แล้ว ค้นห่อสัมภาระใหญ่ที่ตนวางไว้ตรงนั้นอยู่สักพัก จากนั้นก็นำขวดกระเบื้องเคลือบมากมายออกมา
จากนั้นก็วิ่งตึงตังมาอยู่ตรงหน้าฟ่านซิวอวิ๋น กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างข้าก็อยู่ข้างแม่นมเซียวมาโดยตลอด วันนี้หน้าที่ของข้าคือปกป้องแม่นมเซียว รักษาความสงบในโล่วซื่อ หากท่านยังพูดจาหยาบคายกับแม่นมเซียวอยู่อีก ข้าก็มีสิทธิ์จะลงโทษท่าน”
“ลงโทษหรือ?” ฟ่านซิวอวิ๋นราวกับได้ยินเรื่องตลก กระโดดลงมาจากโต๊ะ สั่นขาแล้วเหลือบมองเขา “อย่างเจ้าน่ะหรือจะมาลงโทษข้าได้ เอาสิ แม้ข้าจะยอมรับว่าวรยุทธ์ของเจ้าไม่เลว แต่ด้วยฝีมืออย่างเจ้าที่พอต่อสู้กับน้องสามได้ หากมาต่อสู้กับข้าคงไม่ไหวแน่ ถึงตอนนั้นถูกข้าทำร้ายจนบาดเจ็บก็อย่าร้องกระจองอแงไปฟ้องล่ะ เช่นนั้นคงไม่เหลือความเป็นชายชาตรีแล้ว”
หนานหนานกะพริบตา ไม่สนใจเขา เพียงแต่เดินช้าๆ ไปยืนข้างๆ เขา แล้วหยิบเข็มบางๆ เล่มหนึ่งออกมาจากร่างต่อหน้าเขาใส่ลงไปในขวดกระเบื้องเคลือบแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นดึงมือของเขามาต่อหน้า วางไว้บนฝ่ามือของตนเองเบาๆ
ต่อมาก็หัวเราะให้กับสีหน้างุนงงของฟ่านซิวอวิ๋น ก่อนปักเข็มเล่มนั้นลงไปบนแขนของเขา
ความเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยไม่อาจทำให้ฟ่านซิวอวิ๋นรู้สึกสะดุ้งสะเทือนเลย
เขาเพียงรู้สึกถึงเข็มที่ปักลงไป ก่อนดึงเข็มเล่มบางออกมาแล้วเขวี้ยงลงบนพื้น เอ่ยเยาะเย้ยหนานหนาน “ว่าอย่างไร นี่หรือที่เจ้าเรียกว่าลงโทษ เพียงแค่นี้น่ะหรือ เฮอะ เด็กก็คือเด็ก แม้แต่วิธีลงโทษก็ยังเหมือนเล่นของเล่น เจ้าคิดว่าทิ่มข้าเช่นนี้ ข้าจะยอมเชื่อฟังอย่างนั้นหรือ ตลกเกินไปแล้ว”
แม่นมเซียวกลับมองเขาอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็เดินมาข้างกายหนานหนาน จับมือของเขาแล้วกล่าว “เราไปตรงนั้นกันเถิด”
“อืม” หนานหนานตอบรับ ไปยืนอยู่ตรงมุมห้องกับแม่นมเซียว
ฟ่านซิวอวิ๋นมองการกระทำของพวกเขาอย่างแปลกใจ แต่คิดได้ว่าตอนนี้ไม่มีคนขวางตนเองไว้แล้ว จึงเดินออกไปอย่างอาจหาญ
ทว่าเพียงเขาก้าวขาออกไป ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขายื่นมือออกมาเกาที่หลังมือ จากนั้นก็เริ่มเกาที่คอ ที่ใบหน้า ที่หลัง และที่ขา
คัน คันมาก คันเกินไปแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้นั้นเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด
เขาหมุนตัวกลับมาทันที จ้องมองหนานหนาน “เจ้า…”
หนานหนานพยักหน้า ยอมรับอย่างมีความสุข “ใช่ ข้าเอง”
ฟ่านซิวอวิ๋นรุดมาอยู่ตรงหน้าของเขา แต่รู้สึกคันคะเยอตามร่างกายไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นก็กลิ้งลงไปกับพื้น
“ท่านลุงนายท่าน ดูสิ ท่านไม่ฟังคำแนะนำแบบนี้ หาเรื่องใส่ตัวแล้วกระมัง ท่านพูดถูก วรยุทธ์ของข้าอาจสูงไม่เท่าท่าน อย่างไรข้าก็ไม่ได้กินข้าวมาหลายปีเท่าท่านนี่นา แต่ท่านต้องเข้าใจว่าพ่อข้าเป็นท่านอ๋อง เขาสอนวิชาต่อสู้ให้ข้าด้วยตัวเอง ส่วนแม่ข้าก็เป็นหมอปีศาจที่สอนวิชานอกรีตให้ข้าด้วยตัวเอง หากท่านไม่ยอมเชื่อฟังแม่นมเซียวแต่โดยดี ข้าก็ยังมีอีกหลายวิธีมาจัดการท่าน ท่านเห็นสัมภาระใบใหญ่ของข้าหรือไม่เล่า”
อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผาก อะไรคือการสอนวิชานอกรีตกัน
นางเองก็มีความสามารถจริงๆ นะ
เส้นเลือดที่นิ้วมือของฟ่านซิวอวิ๋นโป่งพองขึ้นมา อยากจะกดความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนั้นไว้ แต่อาการคันคะเยอที่เกิดขึ้นทำให้เขาทนไว้ไม่ไหวจริงๆ
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าประตูห้องตำรา ดันมือเปิดประตูออก
คนในห้องหันมามองนางอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่ฟ่านซิวอวิ๋นที่ทนอาการคันไม่ไหวก็ยังหันหน้ามาในทันที
อวี้ชิงลั่วกระแอมหนึ่งครั้ง เดินไปข้างกายเขา คุกเข่าลงเล็กน้อยและมอบยาให้เขา
ฟ่านซิวอวิ๋นในตอนนี้ไม่สามารถสนใจสิ่งใดได้อีก รับเอายามาได้ก็หยิบใส่ปากตนทันที จากนั้นก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
เพียงแต่เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว สีหน้าของเขาก็อายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นความกลัวหรือสงสัย หรือแม้แต่ชื่นชม ความรู้สึกมากมายปรากฏอยู่บนหน้าเขาอย่างซับซ้อน
หนานหนานรีบวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร?”
“มาดูว่าเจ้าจะจัดการนายท่านฟ่านได้หรือไม่น่ะสิ” อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองฟ่านซิวอวิ๋นอย่างมีเลศนัย อีกฝ่ายหน้าแดง ส่งเสียงฮึดฮัด
หนานหนานยืดอกภาคภูมิใจ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้าเอาคำสอนของท่านแม่มาปฏิบัติทั้งหมดเลย”
อวี้ชิงลั่วแทบจะล้มลงกับพื้น อะไรคือการเอาคำสอนของนางมาใช้?
นางสอนสิ่งใดให้เขา สอนให้นอกลู่นอกทางหรือ? เฮอะ
อวี้ชิงลั่วคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมเบาๆ หันหน้าไปมองฟ่านซิวอวิ๋นที่ยืนขึ้นแล้วกำลังพิงโต๊ะข้างๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายท่านฟ่าน เมื่อวานรับปากไว้อย่างดีแล้วไม่ใช่หรือว่าท่านสามารถทำได้ นี่เพิ่งจะครึ่งวันเอง”
ฟ่านซิวอวิ๋นใบหน้าแข็งทื่อไป ก็ใช่น่ะสิ เพิ่งจะครึ่งวันเอง เขายังหาโอกาสไปจากห้องตำราเล็กๆ นี้ไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
เขาพ่ายแพ้ราบคาบ ดวงตาที่มองไปยังแม่นมเซียวดูเฉียบคมขึ้นมาก
อีกฝ่ายชำเลืองมองเขาเล็กน้อย กล่าวช้าๆ “ใช้เวลาครึ่งวัน แม้แต่วิธีการนั่งยังไม่รู้ ข้าน้อยพบเจอคนมามากมาย สอนคนมาก็มาก นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนหัวขี้เลื่อยเพียงนี้”
“หัวขี้เลื่อยหรือ? ข้าน่ะหรือ?” ฟ่านซิวอวิ๋นโกรธมาก ชี้หน้าตนเองพลางตะคอกใส่แม่นมเซียว
แม่นมเซียวเดินมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว “คุณหนู นายท่านฟ่านไม่เต็มใจจะทำตามสิ่งที่เขากล่าวไว้เมื่อวานนี้ ข้าน้อยว่าปล่อยไปเถิด อย่างไรเขาก็เป็นนายท่าน มีสิทธิ์จะทำตามใจตนเอง ทั้งยังมีสิทธิ์ผิดคำสัญญา ในบ้านพักแห่งนี้คงไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยเขา”
“จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็จริง เขาเป็นเจ้าของบ้านพัก ต่อให้ทำเรื่องที่ผิด ต่อให้ผิดสัญญา อย่างมากทุกคนก็ทำได้เพียงนินทาลับหลังเท่านั้น คงไม่กล้ามาบอกเขาต่อหน้า ข้าว่า การลงโทษนี้ก็ยกเลิกไปเถิด คนอื่นเขาจะได้ไม่ติฉินนินทาว่าหญิงสองคนกับเด็กคนหนึ่งกล้าทำให้ชายชาตรีคนหนึ่งต้องลำบากใจ” อวี้ชิงลั่วให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
แต่คำพูดที่กล่าวออกมานั้นกลับแทงใจฟ่านซิวอวิ๋นอย่างมาก
ถึงตอนเด็กๆ เขาจะถูกอาจารย์สอนให้รู้ถึงธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเขาเลย
ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง มองไปรอบๆ ด้านซ้ายเป็นหญิง ด้านหน้าเป็นหญิง ด้านขวาก็เป็นเด็ก เขาเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง…
ทันใดนั้นเขาก็อยากจะเจาะรูบนพื้น แล้วฝังตัวเองไปเสีย
อวี้ชิงลั่วเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็ยิ้มมุมปาก เติมเชื้อไฟเข้าไปอีกประโยคหนึ่ง
“น่าเสียดาย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อย่าดูถูกเด็กและสตรีไป ถึงอ่อนแอก็มีวิธีทำให้แพ้ได้นะ
ไหหม่า(海馬)