อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 917 มีเรื่องจะพูด
ตอนที่ 917 มีเรื่องจะพูด
ตอนที่ 917 มีเรื่องจะพูด
ฟ่านซิวอวิ๋นเงยหน้าขึ้นทันใด มองนาง “น่าเสียดายอะไรกัน?”
“น่าเสียดายที่ท่านเป็นถึงพี่น้องร่วมสาบานของท่านอ๋องซิว” อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “มันช่างรู้สึก…ขายหน้าเล็กน้อย แต่ช่างเถิด ใครใช้ให้ท่านอ๋องยอมรับว่าท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเล่า พวกเราจะจำใจให้อภัยหน่อยแล้วกัน”
คำพูดนี้แทงใจของฟ่านซิวอวิ๋นอย่างมาก เขากระเด้งตัวอย่างตกตะลึงแล้วกล่าวอย่างโมโห “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ก็แค่การนั่งไม่ใช่หรือ ข้าจะทำไม่เป็นได้อย่างไร?”
เขากล่าว ทันใดนั้นก็ดึงเก้าอี้ด้านข้างมาอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงบนนั้น
ต้องบอกว่าอย่างไรฟ่านซิวอวิ๋นก็เป็นนายใหญ่ของบ้านพัก เมื่อได้นั่งอย่างเรียบร้อยก็ดูมีราศีมากขึ้นในทันที
อวี้ชิงลั่วและแม่นมเซียวสบตากัน เผยรอยยิ้มอย่างเป็นที่รู้กันออกมา
จากนั้นก็เห็นอวี้ชิงลั่วพยักหน้า “อืม ก็ดูมีมาดอยู่เล็กน้อย ดูท่านายท่านก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เช่นนั้นเรื่องต่อจากนี้ก็ต้องรบกวนแม่นมเซียวด้วย”
แม่นมเซียวตอบรับด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “คุณหนูโปรดวางใจ”
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็บอกลาหนานหนาน หมุนตัวออกจากโล่วซื่อไป
ใครจะรู้ว่าเพียงออกจากประตูมา ก็พบว่าที่ลานนั้นมีคนสองคนยืนอยู่
คนหนึ่งเลิกคิ้วมองนาง อีกคนกลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก็รู้สึกว่ากำลังกลั้นยิ้มอยู่
อวี้ชิงลั่วรีบก้าวเข้าไป มองพวกเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าว “พวกท่านคุยธุระเสร็จแล้วหรือ?”
“อืม ดังนั้นจึงได้แวะมาดูหน่อย” เย่ซิวตู๋พยักหน้าให้นาง จากนั้นก็มองเข้าไปข้างใน แล้วหันหน้ามากล่าวกับฟ่านผิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ “ทางด้านนี้น่าจะไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เจ้าไปทำธุระต่อเถิด ข้ากับชิงเอ๋อร์จะไปดูหมอเจียงเสียหน่อย”
“ขอรับ” ฟ่านผิงอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นก็มองเข้าไปในโล่วซื่อแวบหนึ่ง พบว่าพี่ใหญ่ของตนนั้นกำลังนั่งตัวตรงฟังแม่นมเซียวพูด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ข้าไม่เคยเห็นพี่ใหญ่เป็นเช่นนี้มาก่อนเลย คงต้องโทษข้าที่หลายปีมานี้ยอมให้เขาเที่ยวก่อความวุ่นวายตามอำเภอใจ ปล่อยให้เขาสนใจแต่เรื่องการฝึกฝนต่อสู้ เรื่องอื่นๆ กลับไม่สนใจ ไม่ว่าจะว่าอย่างไร ก็ต้องขอบคุณแม่นางอวี้มาก”
อวี้ชิงลั่วโบกมือ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “เรื่องอื่นก็ยังพอไหว แต่นิสัยชอบดูถูกสตรีของเขานี้จะต้องได้รับการแก้ไข ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก”
ฟ่านผิงอวิ๋นกระแอมครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มแล้วบอกลาจากไป
จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงจับมือของอวี้ชิงลั่ว ไปที่ห้องของหมอเจียง
“เดิมทีฟ่านซิวอวิ๋นไม่เคยสนใจว่าจะมีภรรยาหรือไม่อยู่แล้ว เขาเป็นคนโง่ที่สนใจเพียงการต่อสู้ ขอเพียงได้ฝึกฝนการต่อสู้ ไม่ว่าสตรีหรือเงินทอง เขาก็ทิ้งไปได้ทั้งหมด แต่ที่เจ้าพูดนั้นก็มีเหตุผล ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมีภรรยาที่รู้จักคิดคอยดูแลอยู่ข้างๆ จะดีกว่า ฟ่านผิงอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นก็คงไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดชีวิต พวกเขาสองคนอย่างไรก็ต้องแต่งงาน”
เย่ซิวตู๋นึกถึงอาการนั้นของฟ่านซิวอวิ๋นก็ย้อนนึกไปถึงเมื่อก่อนที่ไม่มีความรู้สึกอันใด ในเมื่อเกิดมาเป็นบุรุษแล้วก็ไม่ควรถูกสตรีถ่วงเอาไว้จนทำสิ่งใดไม่ได้
ทว่านับตั้งแต่ที่เขาได้รู้รสชาติของมันในครั้งหนึ่งแล้ว ก็ติดใจจนไม่อาจกลับไปเป็นแบบเดิมได้อีก
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า เมื่อเช้าตอนที่นางตื่นขึ้นมา ก็ได้ถามสาวใช้อย่างสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เหตุใดสามพี่น้องตระกูลฟ่านที่อายุถึงวัยออกเรือนแล้วกลับไม่มีหญิงสาวอยู่รอบตัวพวกเขาเลย
หญิงรับใช้คนนั้นมีสีหน้าพิกลไป จากนั้นก็ค่อยๆ บอกว่านายท่านยังไม่แต่งงาน คุณชายรองและคุณชายสามจึงไม่อาจกล่าวเรื่องนี้ออกมาได้
เมื่อก่อนก็เคยกล่าวถึงครั้งหนึ่ง บอกให้ฟ่านซิวอวิ๋นหาภรรยา
แต่ฟ่านซิวอวิ๋นตอบอย่างไรน่ะหรือ เขากลับบอกว่าภรรยาและลูกอะไรนั้นล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ การศึกษาวิชาต่อสู้ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด การหลงใหลมัวเมาในสัมผัสนุ่มนวลนั้นไม่ใช่สิ่งที่ชายชาตรีเขาทำกัน ทั้งยังบอกอีกว่าหากต้องการจริงๆ ก็ให้เลือกสาวใช้คนหนึ่งมาเป็นนางบำเรอก็พอแล้ว หากมีภรรยาและลูกก็ต้องดูแล มีแล้วไม่สบายใจ
เพียงเขากล่าวเช่นนี้ ก็ทำให้พวกฟ่านผิงอวิ๋นทั้งสองคนจนปัญญา
หากไม่ใช่ว่าฟ่านผิงอวิ๋นมีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง มีธุระมากมาย ทั้งยังมีสถานะที่ละเอียดอ่อนอีก เขาคงเลือกภรรยาที่รู้ความและมีความเข้าอกเข้าใจคนหนึ่งให้ฟ่านซิวอวิ๋นไปนานแล้ว
อวี้ชิงลั่วคิดว่าฟ่านซิวอวิ๋นผู้นี้ช่างเกินจะรับไหวจริงๆ ท่าทางของเขาเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปด้วยหรือ?
โชคดีที่ฟ่านผิงอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นทั้งสองคนโตมาอย่างปกติหน่อย ไม่ได้มีนิสัยแย่แบบเขา
“กลับไปครั้งนี้ ข้าคิดว่าจะให้ฟ่านซิวอวิ๋นไปด้วย”
อวี้ชิงลั่วตะลึง ทันใดนั้นก็หันหน้ามองเย่ซิวตู๋ เมื่อครู่เขาพูดอะไรนะ ให้ฟ่านซิวอวิ๋นกลับเมืองหลวงไปด้วยกันหรือ?
นางคิดถึงความใจร้อนของเขาแล้วก็ขมวดคิ้วจนเป็นปม
เย่ซิวตู๋มองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ยื่นมือออกไปลูบหว่างคิ้วนางแล้วกล่าว “เจ้าอย่าคิดไปในทางที่เลวร้ายเลย ถึงแม้ฟ่านซิวอวิ๋นจะใจร้อนไปหน่อย แต่ที่นี่ไม่มีใครฝีมือดีเท่าเขาแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเบ้ปาก ไร้สาระ อย่างไรก็ถูกเรียกว่าคนโง่ที่รู้จักเพียงการต่อสู้ หากยังสู้คนอื่นไม่ได้อีก เช่นนั้นเขาจะมีหน้าหนีไปอยู่อย่างสันโดษอีกหรือ
“ก็ไม่ใช่ว่าข้าคิดไปในแง่เลวร้าย แต่นิสัยของฟ่านซิวอวิ๋นผู้นั้น…จะถูกคนหลอกใช้ง่ายเกินไป”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ถึงเขาจะมุทะลุ แต่ก็ยังแยกเรื่องสำคัญออก ขอเพียงบอกเขาให้เข้าใจ เขาคนเดียวก็มีค่าเท่าคนสิบคน อีกอย่างยังมีฟ่านผิงอวิ๋นคอยดูอยู่ เขาน่ะกลัวน้องรองที่สุดแล้ว”
บนขมับอวี้ชิงลั่วพลันปรากฏขีดดำสามขีดทันที จากนั้นก็คิดว่าไม่ถูกต้อง “ถึงแม้ว่าฟ่านซิวอวิ๋นจะเก่งกาจในวรยุทธ์ แต่วรยุทธ์ของคนอื่นก็ไม่เลว เรื่องครั้งนี้หนักหนาถึงขั้น…ต้องพาฟ่านซิวอวิ๋นไปด้วยเลยหรือ?”
“ก็เผื่อไว้” เย่ซิวตู๋เม้มปาก ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย
ภายใต้เงื้อมมือของเหมิงกุ้ยเฟย ผู้มีฝีมือสูงส่งที่แท้จริงก็คือเหมิงพั่ว ทว่าตอนนี้เหมิงพั่วตายไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเหมิงจื้อเฉิงเองก็ตายแล้ว เขาเป็นห่วงเพียงว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะโกรธมากเสียจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
อีกทั้ง… สายลับที่อยู่ข้างกายเขาก็ยังจับไม่ได้
คนผู้นี้ซ่อนตัวได้ลึกล้ำเกินไป ไม่แสดงร่องรอยเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขากลัวที่สุด
ที่เย่ซิวตู๋กลัวที่สุด ก็คือจะทำให้ชิงเอ๋อร์และหนานหนานต้องพลอยบาดเจ็บไปด้วย
อวี้ชิงลั่วเห็นท่าทางที่กำลังครุ่นคิดของเขาก็ไม่ได้รบกวนอันใด ทั้งสองคนเดินกลับเรือนไปพร้อมกัน
หลังจากพักผ่อนไปได้สิบห้านาที ก็ไปที่ห้องของเจียงอวิ๋นเซิง
เจียงอวิ๋นเซิงอาการดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้กำลังเดินอยู่ช้าๆ ในห้อง เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วมา ก็มีสีหน้าดีใจแล้วยิ้มออกมา “ท่านอ๋อง แม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วจับชีพจรของเขา เจียงอวิ๋นเซิงกลับดูอายเล็กน้อย “แม่นางอวี้ ข้าไม่เป็นไร ขอเพียงพักผ่อนให้เพียงพอก็ดีแล้ว ไม่ต้องรบกวนท่านให้มาที่นี่ทุกวันหรอกกระมัง”
เขาเองก็เป็นหมอ ตอนนี้มีความสามารถดูแลตนเองได้แล้ว ไม่อยากจะรบกวนว่าที่พระชายาให้ต้องวิ่งไปวิ่งมาทุกวันเลยจริงๆ
อวี้ชิงลั่วกลับไม่รู้สึกอันใด อย่างไรพวกเขาก็ยังต้องพักอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็เท่านั้น
นางสั่งยาอีกครั้ง จากนั้นก็กลับเรือนไปพร้อมเย่ซิวตู๋ แต่ทว่าเพียงนั่งลงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังจากด้านนอก นางมองเย่ซิวตู๋
อีกฝ่ายจิบชา กล่าวเบาๆ “เสิ่นอิงและเผิงอิงมาแล้ว ข้าจะออกไปดูหน่อย”
พูดถึงเสิ่นอิง อวี้ชิงลั่วก็ได้สติในทันที รีบรั้งเขาไว้ “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องคุยกับท่านหน่อย”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วจะคุยเรื่องอะไรกับท่านอ๋อง เรื่องพิรุธของคนสนิทท่านอ๋องคนหนึ่งใช่ไหม
ไหหม่า(海馬)