อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 918 กระแสคลื่นโหมซัดสาด
ตอนที่ 918 กระแสคลื่นโหมซัดสาด
ตอนที่ 918 กระแสคลื่นโหมซัดสาด
อวี้ชิงลั่วบอกเขาเรื่องที่พบเสิ่นอิงก่อนหน้านี้ และเล่าว่าเขาชะโงกหน้ามองไปรอบ ๆ
สุดท้ายก็ถามด้วยความกังวลว่า “มันคงไม่ได้…เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?”
นางไม่อยากจะสงสัยเสิ่นอิงจริง ๆ ในบรรดาองครักษ์คนสนิทสี่คนของอวี้ชิงลั่ว เสิ่นอิงเป็นคนแรกที่นางคุ้นเคยด้วย และการได้อยู่กับเขานั้นก็รู้สึกผ่อนคลายสบายใจมากที่สุด
ตอนที่นางยังอยู่เจียงเฉิงและยังคงเป็นคนแปลกหน้ากับเย่ซิวตู๋ก่อนถูกอูตงเล่นงาน เสิ่นอิงเป็นคนแรกที่ไว้ใจนาง และยังสนับสนุนให้เขายืนข้างนางมากที่สุด
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ และนึกถึงท่าทางของเสิ่นอิงในวันนี้ นางก็รู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความสุขในครอบครัว แม้จะรู้สึกระแวง แต่นางไม่อาจหุนหันพลันแล่นได้
“เย่ซิวตู๋ท่าน…ท่านควรตรวจสอบให้รอบคอบ จะเป็นการดีหากท่านสามารถกำจัดความเคลือบแคลงเรื่องเขาได้เร็วกว่านี้”
“ข้ารู้” เย่ซิวตู๋จับมือนางแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “อีกไม่ช้าข้าจะส่งคนไปแอบจับตาดูการกระทำของเขา ไม่ต้องกังวล”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและสีหน้าของเขาก็เย็นชา
อวี้ชิงลั่วแอบถอนหายใจ แล้วกระซิบว่า “เช่นนั้นก็รีบออกไปเถิด”
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ลุกขึ้นเม้มปาก แล้วเดินออกจากห้องชั้นใน
เสิ่นอิงและเผิงอิงยืนรอเขาอยู่ในห้องโถง ทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อพวกเขาเห็นเขาออกมา พวกเขาก็โค้งคำนับทำความเคารพ “นายท่าน”
“อืม” เย่ซิวตู๋นั่งลงบนม้านั่งไม่ไกลจากพวกเขา แล้วเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอิง
ตอนแรกฝ่ายหลังยังคงสงบนิ่ง แต่เมื่อเขาพบกับสายตาของเย่ซิวตู๋ เขาก็กะพริบตาและเบือนหน้าหลบอย่างผิดปกติ
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลงทันที และมุมปากของเขาก็ตึงขึ้นเล็กน้อย
เขาระงับความสงสัยในใจ จิบชาเงียบ ๆ แล้วพูดอย่างแช่มช้าว่า “เราจะหารือกันที่นี่สักพัก และจะรอจนกว่าจะมีข่าวมาจากเมืองหลวง ก่อนที่เราจะออกเดินทาง ข้ามีบางอย่างให้พวกเจ้าทำ “
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ในห้องชั้นในจึงไม่ได้ยินเสียงจากข้างนอก
แม้ว่านางจะอารมณ์ไม่ดี แต่นางก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้
เย่ซิวตู๋บอกเพียงว่าจะส่งคนไปแอบเฝ้าดูเขา หากจะมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น ก็ควรจะป้องกันไว้แต่เนิ่น ๆ
ทว่า
ในวันต่อมาเสิ่นอิงก็ไม่ได้ผิดปกติไปแต่อย่างใด เขาทำทุกอย่างที่เย่ซิวตู๋สั่งอย่างถูกต้อง เมื่อเขามีเวลาว่าง เขาก็ไปหาเผิงอิงและโม่เสียนเพื่อฝึกวิทยายุทธ
บางครั้งฟ่านฉี่อวิ๋นผู้ร่าเริงและกระตือรือร้นก็ชวนเขาไปฝึกด้วยเช่นกัน และการฝึกฝนต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างเต็มที่
แต่เมื่อพวกเขาพบกันก็มักพูดคุยเล่นกันเสมอ โดยเนื้อหาของการสนทนาก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ถามอะไรฟ่านฉี่อวิ๋นเลย
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้อวี้ชิงลั่วไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
ขณะเดียวกันนั้น คนที่กำลังกังวลใจมากก็คือฮ่องเต้ที่ทราบว่าเย่ซิวตู๋พร้อมผู้ติดตามได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ต่อหน้าเหล่าเสนาบดีและข้าหลวงในราชสำนัก เขาปาจดหมายในมือลงบนศีรษะของอวี๋จั้วหลิน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “เจ้าไม่ได้ปกป้องซิวเอ๋อร์หรือ? คนหายไปทั้งกลุ่มแล้วเจ้ายังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?”
อวี๋จั้วหลินคุกเข่าลงบนพื้นด้วยกายอันสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
เขารู้ว่าฮ่องเต้จะพิโรธ แต่เขาไม่คิดว่าจะหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้ ท่าทางเช่นนั้นดูราวกับจะลากตัวเขาไปสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นได้ทุกเมื่อ
แต่เมื่อเขานึกถึงองค์ชายเจ็ดที่อยู่เคียงข้างเขา หัวใจของเขาก็สงบลงเล็กน้อย
แน่นอนว่าองค์ชายเจ็ดได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว “เสด็จพ่อ ลูกก็เสียใจมากกับการหายตัวไปของพี่ห้าเช่นกัน แม้ใต้เท้าอวี๋จะทำผิดพลาดไปแล้ว แต่ตอนนี้เราควรส่งคนไปตามหาพี่ห้าให้เร็วที่สุด ที่นั่นมีพวกโจรออกอาละวาด พวกโจรหลายร้อยคนออกปล้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงถูกคุกคามอยู่เสมอ เสด็จพ่อ แผนตอนนี้คือต้องส่งกองกำลังไปกวาดล้างโจร และตามหาพี่ห้าพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเขาด้วยสายตาเย็นชา เขารู้ดีว่าองค์ชายเจ็ดสนิทกับอวี๋จั้วหลิน
เขาแค่รู้สึกว่าอวี๋จั้วหลินมีประโยชน์จริง ๆ ดังนั้นเขาจึงทำตามความปรารถนาขององค์ชายเจ็ด ด้วยการเลื่อนตำแหน่งให้อวี๋จั้วหลิน
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำเรื่องงามหน้าถึงเพียงนี้
เย่ฮ่าวถิงตกใจมาก เขารู้สึกอยู่เสมอว่าช่วงนี้สายตาของพระราชบิดาที่มองเขาดูแปลกไปเล็กน้อย
อีกทั้งเขายังรู้สึกแปลก ๆ ด้วย ตามที่อวี๋จั้วหลินเล่า โจรเหล่านั้นไล่ตามฆ่าเย่ซิวตู๋ แม้แต่เสิ่นอิงก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่คนที่เสด็จแม่ส่งไปยังไม่ได้สกัดกั้นและฆ่าใคร
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเขาเผชิญหน้ากับพวกโจรจริง ๆ หรือ? หรือว่า… มีความลับอะไรอีก?
เย่ฮ่าวถิงไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ แต่ฮ่องเต้รู้เรื่องการหายตัวไปของเย่ซิวตู๋แล้ว ดังนั้นจึงเริ่มโจมตีเรื่องนี้ในราชสำนักทันที ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามรับมือกับฮ่องเต้ให้ดี เพื่อช่วยอวี๋จั้วหลินให้ได้ก่อน แล้วจึงจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
“เสด็จพ่อ ใต้เท้าอวี๋คุ้นเคยกับสถานการณ์และภูมิประเทศที่นั่นมากที่สุด ดังนั้นจะดีกว่าหากท่านให้โอกาสเขาชดใช้ ด้วยการสั่งให้เขาพาคนไปปราบโจร และตามหาพี่ห้าให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงัก สิ่งที่เขาพูดก็ถูกต้อง ไม่มีใครรู้ตำแหน่งการหายตัวไปของซิวเอ๋อร์ดีไปกว่าอวี๋จั้วหลิน
หลีจื่อฟานที่ยืนอยู่ไม่ไกล เม้มปากช้า ๆ ก่อนจะแอบกลั้นยิ้ม จากนั้นเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามา” สายตาของฮ่องเต้จับจ้องไปยังเสนาบดีฝั่งขวา
หลีจื่อฟานมองไปที่อวี๋จั้วหลิน เสียงของเขาชัดเจนและอ่อนโยน แต่ก็หนักแน่นยิ่งนัก “ใต้เท้าอวี๋ได้รับคำสั่งให้ไปจับกุมอาชญากร ดังนั้นเขาควรทำอย่างดีที่สุด เพื่อช่วยให้ฮ่องเต้คลายความกังวลอย่างสุดใจ แล้วเหตุใดเขาจึงไปทำหน้าที่พิทักษ์องค์ชายซิวอย่างง่ายดาย? ซึ่งค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นความคิดขององค์ชายซิวหรือของใต้เท้าอวี๋เองหรือขอรับ?”
ฮ่องเต้นึกถึงจดหมายที่เย่ซิวตู๋ส่งถึงตน ซึ่งอธิบายเรื่องการเผชิญหน้าระหว่างเขากับอวี๋จั้วหลินอย่างชัดเจน
เขาเม้มริมฝีปาก สีหน้าของเขามืดมนลงขณะพูดว่า “ใต้เท้าอวี๋ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความคิดของเจ้าสินะ”
อวี๋จั้วหลินรีบทรุดกายลง แล้วรีบพูดว่า “ฝ่าบาท พระองค์ทราบดีว่ากระหม่อมกำลังตามจับนักโทษอยู่ ระหว่างทางกระหม่อมได้พบกับองค์ชายซิว และทราบว่าองค์ชายซิวกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง อีกทั้งยังมีคนหนุ่มสาว คนแก่ ผู้หญิง และเด็กอยู่ในกลุ่มด้วย องค์ชายซิวไม่ได้พาองครักษ์มาหลายคน กระหม่อมจึงเป็นห่วงความปลอดภัยระหว่างเดินทางขององค์ชาย จึงตัดสินใจจะช่วยพิทักษ์ความปลอดภัยให้องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ ต่อมากระหม่อมได้ข่าวว่านักโทษที่กระหม่อมตามจับได้หลบหนีไปทางเมืองหลวงเช่นกัน กระหม่อมจึงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ต้องไปตามหาตัวนักโทษที่เมืองหลวง นั่นเป็นสาเหตุที่กระหม่อมสามารถเดินทางไปพร้อมกับองค์ชายได้ ไม่เพียงแต่จะสามารถช่วยคุ้มกันให้ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถพูดคุยหารือบางอย่างกับองค์ชายได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หารือหรือ?
หลายคนในห้องโถงเบะปากเย้ยหยัน ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าที่อวี๋จั้วหลินถูกย้ายไปเฝ้าประตูเมือง เป็นเพราะสิ่งที่เขาทำกับองค์ชายซิว?
หากเขาอยู่ร่วมกับองค์ชายซิวอย่างสันติได้ พระอาทิตย์ก็คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว
อวี๋จั้วหลินก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงอธิบายด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “กระหม่อมเคยมีเรื่องบาดหมางกับองค์ชายซิว และเป็นการเข้าใจผิดกัน ดังนั้นกระหม่อมจึงต้องการใช้โอกาสนี้ทำดีกับองค์ชายซิวเพื่อไถ่โทษและแก้ไขความเข้าใจผิด กระหม่อมจึงเสนอตัวร่วมทางกับองค์ชายซิว และองค์ชายซิวก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
คำกล่าวนี้ก็ยังเป็นความจริง ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หันไปสนใจหลีจื่อฟานที่อยู่ด้านข้าง
…………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอลุ้นกันค่ะว่าเสิ่นอิงจะเป็นว่าที่ลาสบอสหรือเปล่า ถ้าเป็นจริงนี่คือใจร้ายกับคนอ่านมากนะ
สีข้างถลอกหมดแล้วไหมกระจั๊วเอ๊ย
ไหหม่า(海馬)