อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 92 เจ้าเป็นใคร
ตอนที่ 92 เจ้าเป็นใคร?
มือของอวี้ชิงลั่วกำลังจัดเส้นผมอยู่พลันชะงัก นางหันไปมองด้วยความประหลาดใจ จึงพบว่าข้างกายของเย่ซิวตู๋ยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งยืนอยู่
บุรุษผู้นั้นกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึงอยู่ในเครื่องแต่งกายงดงามทว่าดูร้ายกาจมาก เมื่อครู่คนที่ปรบมือก็คือเขาคนนี้
“เจ้า…เป็นใคร? มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
เย่ฮ่าวหรานเกือบจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ขอร้องล่ะ เขาเข้ามาพร้อมกับพี่ห้าของเขา ยืนอยู่ตรงนี้มาครึ่งค่อนวันแล้ว ต่อให้พี่ห้าของเขาจะดูดีกว่ามาก หล่อเหลากว่ามาก และให้ความรู้สึกถึงการมีอยู่มากกว่า แต่สตรีผู้นี้ก็ไม่ควรเพิกเฉยเขาจนถึงขั้นนี้กระมัง
เขาได้รับบาดเจ็บอย่างมาก จึงเอื้อมมือทั้งสองข้างจับบ่าของเย่ซิวตู๋เพื่อพึ่งพิง
ใครจะไปคิดว่าเย่ซิวตู๋กลับแค่นเสียงเบา ๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปทางอวี้ชิงลั่วหนึ่งก้าว ทำให้เขาคว้าอากาศ จนเกือบก้มกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ที่พื้นโดยไม่เหลือภาพลักษณ์
โชคดีที่เย่ฮ่าวหรานมีฝีมือไม่เลว ทรงตัวด้วยการเขย่งปลายเท้า ในที่สุดร่างกายก็กลับมามั่นคง จึงถอนหายใจลากยาวออกมา
‘แปะ ๆๆๆ’ ครานี้กลับเป็นเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมจากอวี้ชิงลั่ว
เย่ฮ่าวหรานชะงัก ทันใดนั้นเขาก็สะบัดหน้าราวกับคิดว่าตนเองห้าวหาญ พัดจีบในมือถูกสะบัดกางออกจนเกิดเสียง ‘พรึ่บ’ ท่าทางราวกับคนมีความสามารถและไม่ยึดติดกับมารยาททางโลก เชิดคางขึ้นด้วยท่าทางเย่อหยิ่งเพื่อรับคำชมจากนาง
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าอวี้ชิงลั่วจะจ้อง และอุทานว่า “ไก่ทองขาเดียว(1)ดี ๆ นี่เอง”
“พรืด…” เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ หัวเราะปราศจากความเมตตา
เย่ฮ่าวหรานหันขวับถลึงตามองพวกเขา ก่อนจะไอกระแอมออกมาเบา ๆ เดินมาข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วอย่างเนิบช้า โบกพัดพับ ทำความเคารพด้วยใบหน้าแป้นแล้น กล่าวว่า “คารวะพี่สะใภ้ห้า”
อวี้ชิงลั่วหุบยิ้มโดยพลัน “พี่สะใภ้ห้าอะไร?”
เย่ฮ่าวหรานกะพริบตาปริบ ๆ พูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ซิวตู๋ที่ท่านพูดถึงคือพี่ห้าของข้า เมื่อครู่ท่านก็พูดเองว่า พี่ห้าและท่านมีความรักที่ลึกซึ้งต่อกันยิ่งกว่าจินเจียนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่บุรุษสตรีที่ลุ่มหลงในความรัก มีความสัมพันธ์กันขนาดนี้ ข้าย่อมต้องเรียกท่านว่าพี่สะใภ้ห้า”
“แม้แต่คำพูดหลอกคนปัญญาอ่อนเจ้าก็ยังเชื่อ สติปัญญาของเจ้าไม่ต่างอะไรกับคุณหนูหลิ่วเมื่อครู่เลย” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา ทั้งยังกอดอกกวาดตาสำรวจเขาด้วยความดูหมิ่น
นางต้องยอมรับว่าพันธุกรรมของราชวงศ์แห่งอาณาจักรเฟิงชางยอดเยี่ยมมาก เย่ซิวตู๋มีความเย็นชาและหล่อเหลาเช่นนี้ คนที่อยู่ตรงหน้าก็คงเป็นพี่น้องของเย่ซิวตู๋สินะ ดู ๆ ไปแล้วก็เป็นคนหล่อคนหนึ่งเช่นกัน อุปนิสัยของปีศาจโดยธรรมชาติ แต่กลับไม่ได้ดูเป็นสาวแม้แต่น้อย
ดูจากท่าทางและคำพูดคำจาเมื่อครู่ที่ไม่มีพิธีรีตอง รวมถึงเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ที่หลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ น้องชายคนนี้ คาดว่าคงค่อนข้างสนิทสนมกับเย่ซิวตู๋ ไม่ได้วางมาดความเป็นท่านอ๋องหรือองค์ชายอะไร
การเข้ากันกับคนเช่นนี้ ย่อมผ่อนคลายไม่น้อย
เย่ฮ่าวหรานถลึงตาโต มือทั้งสองข้างแอบสั่นขณะชี้หน้าอวี้ชิงลั่ว “ท่าน ท่าน ท่าน…”
“ข้าพูดผิดหรือ?” อวี้ชิงลั่วยักไหล่อย่างไร้เดียงสา “อีกอย่างเจ้าไม่ได้ยินที่คุณหนูหลิ่วผู้นั้นพูดเมื่อครู่หรือ? นางบอกว่านางคือพระชายาของพี่ห้าของเจ้า กลับไปก็อย่าลืมทำตัวให้มีมารยาทด้วยเล่า ตอนที่เจอนางก็เรียกนางว่าพี่สะใภ้ห้าให้ดี เข้าใจหรือไม่?”
เย่ฮ่าวหรานหันกลับไปอย่างเงียบ ๆ มองดูพี่ห้าของเขาราวเพราะได้รับความอยุติธรรม “นางพูดกับท่านพี่เช่นนี้ตลอดเลยหรือ?”
“เปล่า” เย่ซิวตู๋ยังคงนิ่งเฉย “สติปัญญาของข้าไม่เหมือนเจ้า”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับทุบอก เขารู้สึกว่าคงไม่สามารถเป็นพี่น้องกับพี่ห้าได้อีกแล้ว ไม่เจอกันไม่กี่ปี เหตุใดพี่ห้าถึงได้เห็นเพศตรงข้ามดีกว่าสหายตนเอง ไม่เห็นน้องชายคนนี้อยู่ในสายตาเลยหรือ?
เสิ่นอิงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ปลอบใจเขาที่เป็นคนหัวอกเดียวกัน “ท่านอ๋องแปด นิสัยของแม่นางอวี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา ท่านอย่าได้ถือสาเลย”
“ตรงไปตรงมา?” เย่ฮ่าวหรานถลึงตามองเขา “ความหมายของเจ้าคือนางพูดเรื่องจริง สติปัญญาของข้าเหมือนกับสตรีแซ่หลิ่วผู้นั้นจริง ๆ หรือ?”
“…” เสิ่นอิงคิดผิดเสียแล้ว เขาไม่ควรพูดปลอบใจเลย
อวี้ชิงลั่วกลับแอบยกนิ้วโป้งให้เขา เสิ่นอิงน้อย เจ้าคือนักซ้ำเติมจริง ๆ สินะ
เสิ่นอิงถึงกับร้องไม่ออก เขาตายอย่างอยุติธรรมจริง ๆ
เย่ฮ่าวหรานแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง สะบัดมือเพื่อออกห่างจากอีกฝ่าย หมุนกายกลับมาและกลับมายิ้มแป้นแล้นอีกหน เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อวี้ชิงลั่ว “ก็ได้ ข้าไม่เรียกท่านว่าพี่สะใภ้ห้าก็ได้ ท่านคือแม่นางอวี้สินะ ข้าน้อยขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ข้าน้อยเป็นบุตรอันดับที่แปดของตระกูล ทุกคนเรียกข้าว่าท่านอ๋องแปด แน่นอน หากแม่นางอวี้รู้สึกว่าการเรียกเช่นนี้ดูห่างเหินเกินไป จะเรียกข้าว่าน้องแปดเหมือนที่พี่ห้าเรียกข้าก็ย่อมได้”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เม้มปากไม่พูดไม่จา
เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ขยับเข้ามายืนใกล้ ๆ นาง กระซิบเตือนว่า “ชื่อเดิมของน้องแปดคือเย่ฮ่าวหราน”
ได้อยู่กับนางหลายวันมานี้ เย่ซิวตู่เองก็ได้สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงทราบว่าอวี้ชิงลั่วชอบเรียกชื่อของอีกฝ่ายมากกว่า พระอิสริยศักดิ์หรือระดับอาวุโสก็ยังสู้เรียกชื่อตรง ๆ ไม่ได้อยู่ดี
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หลังจากได้ยินเขาแนะนำ อวี้ชิงลั่วจึงพยักหน้าและเรียกทักทายท่านอ๋องแปด “เย่ฮ่าวหราน ข้าคืออวี้ชิงลั่ว”
เย่ฮ่าวหรานชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก เสิ่นอิงมีประสบการณ์มาแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าไปด้านหน้าเตือนอีกฝ่ายเล็กน้อย “แม่นางอวี้จะเรียกชื่อเฉพาะคนที่นางไว้ใจ หากนางเรียกท่านอ๋องว่าท่านอ๋องแปด นั่นก็เป็นเพราะนางคิดว่าท่านอ๋องเป็นคนนอก”
เย่ฮ่าวหรานได้ยินเช่นนี้ จึงเกิดความสมดุลทางอารมณ์โดยพลัน ทั้งยังแอบตัวลอยเล็กน้อย หลังจากถอนหายใจลากยาว จู่ ๆ เขาก็เอียงศีรษะเอ่ยด้วยความสงสัย “อวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงลั่ว อวี้ชิงลั่ว? ชื่อนี้ ดูเหมือนจะคุ้นหูแฮะ ราวกับเคยได้ยินที่ใดมาก่อน”
ต่างจากเย่ซิวตู๋ ในบรรดาองค์ชายทั้งหมดเย่ฮ่าวหรานเป็นคนที่ทำตามอำเภอใจตนเองมากที่สุด และเป็นคนที่ชอบฟังเรื่องราวยุ่งเหยิงอินุงตุงนัง
ยกตัวอย่างเช่น…เรื่องส่วนตัวของตระกูลใหญ่บางแห่ง รวมถึง…ชื่อของสตรี
ตอนนี้เรื่องของอวี้ชิงลั่ววุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เย่ฮ่าวหรานที่ชอบเรื่องซุบซิบนินทา ย่อมไปสอบถามเรื่องของสตรีที่มิอาจทนดูในข่าวลือนี้ให้ชัดเจน…
“เอ๋ ข้านึกออกแล้ว อวี้ชิงลั่วก็คืออวี๋จั้วหลินคนนั้น เป็น…ของอวี๋จั้วหลินที่ตายไปเมื่อหกปีก่อน…” ภายใต้สายตาของเย่ซิวตู๋ เขาจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างปิดปากทันที ดวงตาเบิกกว้างกลืนคำพูดที่อยู่ในปากลงไป
ทว่า ความตกตะลึงภายในใจของเขา กลับมิอาจพรรณด้วยคำพูดได้
โดยเฉพาะตอนที่เห็นสายตาของเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่ว ยิ่งทำให้เขามั่นใจสิ่งที่อยู่ภายในใจมากขึ้น
เหตุใดพี่ห้าถึงได้พัวพันอยู่กับฮูหยินผู้ล่วงลับไร้ชื่อเสียงที่ถูกชาวบ้านของเมืองหลวงพูดถึงทั่วถนนทั่วตรอกซอยในปีนั้น? สิ่งนี้…สิ่งนี้จะให้เขายอมรับได้อย่างไรกัน?
เย่ฮ่าวหรานหน้าตาบึ้งตึง เขากำลังคิดว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร กำลังคิดว่าพี่ห้าและอวี้ชิงลั่วมีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่ กำลังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีก่อนกันแน่ คิดจนสมองโต เขาก็ไม่สามารถคิดเหตุผลออกมาได้
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วกลับไม่ได้แยแส เพียงแต่เมื่อได้ยินเขาพูดถึงอวี้จั๋วหลิน นางก็เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบในทันที
เป้าหมายในวันนี้ของนาง คือไปหาอวี๋จั้วหลินที่กำลังรอหมอปีศาจอยู่ที่โรงหมอซิ่งเซิงต่างหากล่ะ
“ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัวก่อน”
………………………………………………………………………………
อาการยืนขาเดียวกางแขนออก
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องแปดไปรู้อะไรมามั่งคะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)