อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 922 ย่อมต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือ
ตอนที่ 922 ย่อมต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือ
ตอนที่ 922 ย่อมต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือ
เมื่อฟ่านผิงอวิ๋นมาบอกเรื่องนี้ เย่ซิวตู๋ก็ได้ตัดสินใจแล้ว
เขาพูดกับฟ่านผิงอวิ๋นว่า “ออกจากบ้านพักที่นี่ และบอกให้ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นออกจากที่นี่ด้วย”
“อืม” ฟ่านผิงอวิ๋นพยักหน้า แล้วหันไปสั่งให้ทุกคนในบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งอพยพเงียบ ๆ แม้แต่องครักษ์ของเย่ซิวตู๋ก็ไม่ตื่นตระหนก ไม่นานนักคนเกือบครึ่งก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วรู้สึกสงสาร “บ้านพักแห่งนี้จะถูกเปิดเผยหรือไม่? จะไม่เป็นอะไรหรือ?”
“กระต่ายเจ้าเล่ห์มีรังไว้ซ่อนตัวสามรัง บ้านพักแห่งนี้เป็นเพียงหนึ่งในบ้านพักของพวกเขาเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก” เย่ซิวตู๋ปลอบโยนนาง
เรื่องนี้ทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกดีขึ้น นางรู้ว่าทันทีที่องค์ชายหกมาถึงหน้าประตู บ้านพักแห่งนี้ก็จะต้องถูกเปิดเผยต่อสายตาของเหมิงกุ้ยเฟยและคนอื่นๆ อย่างแน่นอน นางจึงเกรงว่าจะไม่มีแหล่งกบดานสำหรับมือสังหารเหล่านี้อีก
แต่หลังจากได้ฟังเย่ซิวตู๋กล่าวเมื่อสักครู่นี้ ก็ทราบว่าบ้านพักแห่งนี้ถูกจัดไว้สำหรับช่วงเวลาเช่นนี้อยู่แล้ว และฐานทัพที่แท้จริงน่าจะถูกซ่อนเร้นไว้อย่างดี
หากเป็นเช่นนี้นางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก
สองวันที่ผ่านมาฟ่านซิวอวิ๋นมีความสุขที่สุด เมื่อรู้ว่าในที่สุดเขาก็จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของแม่นมเซียวแล้ว เขาก็แทบจะหลั่งน้ำตา
หนึ่งวันก่อนที่จะต้องจากกัน เขาคว้าแขนของเย่ซิวตู๋ด้วยสีหน้าน่าสงสาร “เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ เพียงแค่ไม่กี่วัน น้ำหนักข้าก็ลดลงถึงเพียงนี้แล้ว”
เย่ซิวตู๋ดึงมือของเขาออกจากแขนอย่างเย็นชา “เจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง หากเจ้ารู้จักปิดตาปิดหูปิดปากบ้าง เมื่อพบสิ่งผิดจริยธรรม เจ้าก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้หรอก”
“…เจ้า!!” ฟ่านซิวอวิ๋นกัดฟันด้วยความโกรธ เขาแค่บ่นสตรีให้ฟังไม่ใช่หรือ? แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายร่วมสาบานของเขา?
ตั้งแต่เขามีสตรีอยู่เคียงข้าง เขาก็กลายเป็นคนไม่เด็ดขาด ใจเสาะ และไม่ได้อยู่ข้างเขาอีกต่อไป
ฟ่านซิวอวิ๋นต้องการจะพูดต่อ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอวี้ชิงลั่วยืนกอดอกมองเขาอยู่ไม่ไกล
ทันใดนั้นฟ่านซิวอวิ๋นก็กระทืบเท้า เดินกลับไปอยู่ข้างฟ่านผิงอวิ๋นด้วยความสิ้นหวัง
อวี้ชิงลั่วเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่เมื่อนางหันไปเห็นว่าหนานหนานก็ทำหน้าตาน่าสงสารเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ท่านแม่ ข้าค่อนข้างสนุกกับการดูแลที่วุ่นวายของท่านอาจารย์ขอรับ” หนานหนานเงยหน้าขึ้นพูดอย่างเคร่งขรึม “ท่านแม่ ให้เราได้เรียนคาบสุดท้าย และให้แม่นมเซียวใช้เวลาสอนท่านลุงอีกสักครึ่งชั่วโมงในตอนกลางคืนได้หรือไม่ขอรับ”
ฟ่านซิวอวิ๋นรู้สึกขนหัวลุกทันที เขาจึงรีบหันไปหาฟ่านผิงอวิ๋นแล้วพูดว่า “น้องรอง ข้าจะกลับไปเก็บของเตรียมออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
สุดท้ายเขาก็ไม่ต้องการให้ตัวเองหัวขาด จึงไม่กล้าบ่นต่อหน้าเย่ซิวตู๋อีกต่อไป
ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา…
วันต่อมา บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งทั้งหมดก็กลายเป็นพื้นที่รกร้าง เย่ซิวตู๋ส่งจดหมายถึงฟ่านผิงอวิ๋น เพื่อขอให้เขาส่งจดหมายถึงองค์ชายหกที่พักชั่วคราวอยู่ในบ้านพักที่เมืองตันหยาง
เดิมทีองค์ชายหกคิดว่าต้องใช้เวลาสักระยะในการค้นหาเย่ซิวตู๋ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้ข่าวของเย่ซิวตู๋ในทันทีที่มาถึงที่นี่โดยที่ยังไม่ทันได้สอบถามเจ้าเมืองที่นี่ด้วยซ้ำ
เขาวางถ้วยชาลงโดยไม่สนใจแม้แต่จะดื่มชา หลังจากอ่านจดหมายแล้ว เขาก็ตามฟ่านผิงอวิ๋นกลับไปที่บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง
ทว่าเมื่อเขาเห็นเย่ซิวตู๋นอนอยู่บนเตียง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น
“พี่ห้า ท่านเป็นอะไรไป?”
ใบหน้าของเย่ซิวตู๋ค่อนข้างซีดเผือด เขาส่งเสียงพูดอย่างอ่อนแรงและดูสะลึมสะลือ
องค์ชายหกชะงักไปครู่หนึ่ง และได้แต่หันไปมองอวี้ชิงลั่ว “องค์หญิง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พี่ห้าเขา…”
อวี้ชิงลั่วมองเย่ซิวตู๋ ก่อนจะถอนหายใจและพูดว่า “องค์ชายหกโปรดตามข้ามา”
นางพูดพร้อมกับปิดม่านเตียงลงช้า ๆ และเดินเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับองค์ชายหก
ฟ่านผิงอวิ๋นตามมายืนห่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ แล้วรินชาให้ทั้งสอง
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็ชี้ไปที่เขาและพูดว่า “องค์ชายหก นี่คือท่านฟ่าน เจ้าของบ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง”
องค์ชายหกตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า ตอนนี้ถือว่าพวกเขาได้พบปะทำความรู้จักกันแล้ว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ข้าง ๆ จึงรีบพูดว่า “ท่านฟ่าน ที่นี่อยู่นอกวัง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องมารยาท เชิญนั่งเถิด”
ฟ่านผิงอวิ๋นนั่งลงช้า ๆ
อวี้ชิงลั่วจิบชา และลอบเงยหน้าขึ้นมององค์ชายหก
นางไม่คาดคิดว่าองค์ชายหกจะอาสามาตามหาพวกเขาที่เมืองตันหยาง
เรื่องที่ว่าองค์ชายหกเป็นผู้ที่ถูกทุกคนละเลยมาโดยตลอด และเขาทำได้เพียงย่อตัวติดตามองค์ชายสามและองค์ชายสี่นั้น แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจผิดเช่นนั้นหรือ?
ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วก็นึกถึงหมู่เฟยขององค์ชายหก นางเป็นสตรีเย็นชารักสันโดษ ดูราวกับว่านางไม่สนใจอะไรเลย
นางจำได้ถึงเรื่องที่หนานหนานเคยเล่าให้นางฟังว่าเขาขัดแย้งกับเย่หลานเวยที่วัดหลิงไท่ และเมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น มีเพียงโอรสขององค์ชายหกเท่านั้นที่ถอยออกไปเงียบ ๆ และพยายามที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ดูเหมือนว่าคนสั่งสมพลังที่แท้จริงจะเป็นเขา
ในเมื่อเขาซ่อนเร้นตัวตนมาหลายปี แล้วเหตุใดจู่ ๆ เขาจึงเริ่มแสดงพลังออกมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้?
ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อพิจารณาจากข่าวที่หลีจื่อฟานส่งมา ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสนับสนุนเย่ซิวตู๋
นางจมอยู่กับความคิดของตนเอง ทันใดนั้นเสียงขององค์ชายหกก็ดังขึ้นในหูของนางอีกครั้ง “องค์หญิง? องค์หญิง?”
อวี้ชิงลั่วกลับมารู้สึกตัวในทันใด นางกระแอมเบา ๆ แล้วพูดอย่างประหม่าเล็กน้อยว่า “องค์ชายหก ข้าขอโทษจริง ๆ ข้ากังวลเรื่องอาการของพี่ห้าของท่าน จนใจลอยไปหน่อย”
องค์ชายหกยิ้มและโบกมือ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วถามด้วยความกังวลว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพี่ห้าของข้า? เขาได้รับบาดเจ็บหรือ? เหตุใดใบหน้าของเขาจึงดูซีดเซียวนัก”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง “ใช่แล้ว เขาได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้เขาเพิ่งฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เดิมทีข้าคิดว่าเขาจะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าองค์ชายหกกำลังจะมา เขาก็แค่ปฏิเสธที่จะฟังคำแนะนำ และยืนกรานจะเขียนจดหมายด้วยตัวเอง จากนั้นก็รบกวนใต้เท้าฟ่านให้ส่งมอบให้กับองค์ชายหก หากเขายังเดินไปมาเช่นนี้โดยไม่ยอมฟังคำแนะนำ อาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น ตอนนี้ข้าจึงให้ยาที่ทำให้ง่วงซึมแก่เขา เขาจึงรู้สึกง่วงนอน ซึ่งนั่นก็จำต้องทำให้เขาละเลยองค์ชายหก”
“องค์หญิงพูดอะไร เป็นข้าเองที่ทำให้องค์หญิงลำบาก พี่ห้าเป็นเช่นนั้นก็จริง แต่ร่างกายของเขาสำคัญกว่า ข้าไม่รังเกียจที่จะต้องรออีกสองสามวันหรอก” ขณะที่เขาพูด มุมปากของเขาก็ตึงขึ้น สีหน้าของเขาจริงจัง และน้ำเสียงก็เย็นชาเล็กน้อย “ใครกันในโลกที่กล้าทำร้ายพี่ห้า?”
“พวกเราก็ไม่ทราบเช่นกัน” อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า นางทำสีหน้าลำบากใจ และนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น “ไม่กี่วันก่อนเราเผชิญกับการซุ่มโจมตีโดยคนจำนวนมาก พี่ห้าของเจ้าต้องการปกป้องข้าและหนานหนาน ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพราะมือสังหารที่ชั่วร้ายเหล่านั้น เป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วนจริง ๆ หากเราไม่ได้พบท่านฟ่านและองครักษ์ของเขา เราก็คงเดือดร้อนมากเป็นแน่ ส่วนมือสังหารเหล่านั้นก็หนีไปหมดแล้ว”
องค์ชายหกมองฟ่านผิงอวิ๋นอีกครั้ง
ฝ่ายหลังส่ายหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงก็พูดเกินไป พานพบความอยุติธรรม ย่อมต้องชักดาบออกมาช่วยเหลือเป็นธรรมดา”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ๋องซิวการละครมาแล้วจ้า เตรียมหม้อตุ๋นเตรียมฟืนไฟไว้พร้อม
ไหหม่า(海馬)