อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 924 กลับถึงเมืองหลวง
ตอนที่ 924 กลับถึงเมืองหลวง
ตอนที่ 924 กลับถึงเมืองหลวง
คนจำนวนมากที่องค์ชายหกพามานั้นล้วนเดินทางอย่างแข็งขันและกล้าหาญตลอดทาง โดยไม่พบพวกโจรระหว่างทางเลย
นอกจากเย่ซิวตู๋และพรรคพวกแล้ว ฟ่านผิงอวิ๋นก็ร่วมเดินทางไปด้วย
ว่ากันว่าฮ่องเต้ทรงทราบแล้วว่าเขาได้ช่วยชีวิตเย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ไว้ พระองค์จึงต้องการพบเขาเพื่อประทานรางวัลให้
เรื่องนี้เป็นไปดังที่เย่ซิวตู๋คาดเดาไว้ เขาจึงนำฟ่านผิงอวิ๋นกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเปิดเผย
หลังจากเดินทางไปอีกห้าหกวัน ทุกคนก็มาถึงประตูเมืองหลวง
ยังไม่ทันได้เข้าประตูเมือง เขาก็เห็นองค์ชายเป่ามารออยู่ข้างนอก พร้อมด้วยคนของจวนท่านอ๋องซิว อวี้เป่าเอ๋อร์และคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นว่าในที่สุดพวกเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อรถม้าหยุดลง หนานหนานก็เห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ยืนอยู่ไม่ไกลผ่านม่านรถม้า ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที ก่อนรีบกระโดดลงจากรถม้า รีบวิ่งไปโดยไม่เอ่ยคำใดแม้สักคำ จากนั้นกอดเขาและขณะตัวสั่นไม่หยุด “น้าเป่าเอ๋อร์ น้าเป่าเอ๋อร์ ข้าคิดถึงท่าน คิดถึงมากเลยขอรับ”
อวี้เป่าเอ๋อร์หัวเราะขณะลูบหลังเขา น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเขินอาย “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา”
เขาได้ยินว่าพวกเขาถูกโจรปล้นกลางทางและหายตัวไป พวกเขาจึงไม่รู้ว่าเขากังวลมากเพียงใด โชคดีที่ไม่นานก็มีข่าวดีกลับมา โดยบอกว่าพบตัวพวกเขาแล้วและปลอดภัยดี
เนื่องจากเย่ซิวตู๋ ‘ได้รับบาดเจ็บสาหัส’ เขาจึงได้นอนพักผ่อนอยู่ในรถม้าอย่างสบายอารมณ์
องค์ชายหกทักทายองค์ชายเป่า แล้วองค์ชายเป่าก็ตบไหล่เขา และพูดด้วยรอยยิ้มใจดีว่า “ขอบใจน้องหก เสด็จพ่อสั่งให้ข้ามารอที่นี่ และตรัสว่าเจ้าไปรับน้องห้ามาแล้ว ท่านจึงรับสั่งให้เจ้ากับน้องห้าไปเข้าเฝ้าในวังทันที”
องค์ชายหกพยักหน้า “ต้องรบกวนท่านพี่ด้วยขอรับ”
หลังจากพูดจบ เขาก็จะหันไปคุยกับเย่ซิวตู๋ เสียงของอวี้ชิงลั่วก็ดังแหวกม่านรถม้าว่า “อาการบาดเจ็บบนร่างกายขององค์ชายซิวไม่ได้ร้ายแรง ในเมื่อบัดนี้กลับมาแล้วก็ย่อมต้องไปที่พระราชวัง เพื่อถวายบังคมฮ่องเต้เพคะ”
นางพูดจบแล้วก็ยกมือขึ้นโบกไปนอกรถ “หนานหนาน เป่าเอ๋อร์ พวกเจ้าขึ้นรถม้ากันเถิด”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขึ้นรถม้าด้วยความตื่นเต้น
เย่ซิวตู๋ที่ยังคงนอนอยู่ในรถลุกขึ้นนั่งพิงหมอนนุ่มข้าง ๆ เขา และพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์
อวี้เป่าเอ๋อร์เม้มปากแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “องค์ชาย พี่สาว”
รถม้าเริ่มแล่นโคลงเคลงไปมาบนถนนอีกครั้ง บัดนี้กลุ่มคณะเดินทางมีขนาดใหญ่ขึ้น และมีคนจำนวนมากยืนดูบนถนนไม่ขาดสาย
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก พวกเขาไม่ได้เพิ่งกลับมาจากการต่อสู้ที่ได้รับชัยชนะเสียหน่อย บรรยากาศเช่นนี้ช่างแปลกยิ่งนัก
นางปิดม่านเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็น
อีกสามคนในรถอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น
อวี้ชิงลั่วมองกลับไปทีละคน จากนั้นนางก็หันไปสนใจอวี้เป่าเอ๋อร์ และเริ่มพิจารณาเขาอย่างระมัดระวัง
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงน้ำหนักลดมากถึงเพียงนี้?”
ในอดีตอวี้เป่าเอ๋อร์ถูกเฉินจีซินคุมขัง ทำให้เดิมทีเขามีร่างกายผ่ายผอม ทว่าหลังจากนั้น อาหารที่เขากินก็ประณีตขึ้นและมีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้ร่างกายของเขาค่อย ๆ สมส่วนขึ้น
แต่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ก็ดูเหมือนว่าน้ำหนักของเขาจะลดลงอีกครั้ง
หนานหนานได้ยินดังนั้นก็เอียงศีรษะมองเขา แล้วยื่นมือไปโอบเอวของเขา และในที่สุดก็พยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “ผอมจริง ๆ ด้วย น้าเป่าเอ๋อร์ ท่านอดอาหารมาสองสามวันแล้วหรือขอรับ? ไม่เป็นอะไร ข้ามีของอร่อยอยู่นี่แล้ว ข้าจะยกให้ท่านทั้งหมดเลยขอรับ”
พูดจบแล้ว เขาก็ผลักเย่ซิวตู๋ไปด้านข้าง แล้วหยิบกล่องอาหารใต้หมอนนุ่ม ๆ ออกมา
เย่ซิวตู๋มีสีหน้ามืดมน อวี้เป่าเอ๋อร์รีบดึงหนานหนานกลับมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้ผอม”
เขาพูดจบแล้วก็ถลกแขนเสื้อขึ้น ก่อนยกแขนขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดกับอวี้ชิงลั่วว่า “ดูสิขอรับ มีกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง ไม่ได้ผอมเสียหน่อย จริง ๆ นะขอรับท่านพี่”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมอง ส่วนหนานหนานก็ยื่นมือไปสัมผัสทันที แล้วดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “จริงด้วยขอรับท่านแม่ ข้ารู้สึกว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงมาก”
เขาพูดจบแล้วก็ถลกแขนเสื้อขึ้นของตนขึ้นบ้าง แล้วมองไปยังแขนขาวเนียนที่มีเนื้อนุ่มนิ่มของตน ก่อนรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมาดัง ‘พรืด’ก่อนพูดว่า “ในเมื่อรู้ว่าน้าเป่าเอ๋อร์ของเจ้าเก่งมาก เจ้าก็ควรเรียนรู้จากเขา ต้องกินอาหารให้ถูกต้อง และต้องออกกำลังกายมากกว่านี้รู้หรือไม่?”
“รู้แล้วขอรับ” หนานหนานพยักหน้า แต่มือเล็ก ๆ ของเขากำลังเปิดกล่องอาหาร แล้ววางลงบนตักของอวี้เป่าเอ๋อร์ ก่อนจะพูดว่า “นี่คือของที่ข้านำกลับมาจากเมืองตันหยางและดินแดนเหมิง ของเหล่านี้สามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่เน่าไม่เสีย ข้านำมาฝากท่านกับเสี่ยวเฉิงเฉิง ท่านลองชิมดูก่อนได้ขอรับ”
เขาพูดแล้วก็หยิบชิ้นหนึ่งออกมากินทันที
อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้นก่ายหน้าผากตัวเองเงียบ ๆ เมื่อสักครู่นี้เขาบอกว่ารู้วิธีลดน้ำหนัก แต่แล้วเขาก็เริ่มกินอีกครั้ง
อวี้เป่าเอ๋อร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วกินกับเขาด้วย “อร่อย”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจแล้วถามเขาว่า “ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกเจ้าหรือไม่? ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“…ก็ดีขอรับ” เมื่ออวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินนางถามเช่นนั้น เขาก็รู้สึกแสบร้อนจมูกเล็กน้อย และรู้สึกราวกับพบคนที่พึ่งพาได้ เขาจึงรีบพยักหน้าและตอบว่า “มีพ่อบ้านคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด องค์ชายเป่าก็เสด็จมาหาข้าสองสามครั้งแล้ว และผิงซื่อจื่อก็แวะมาคุยกับข้าสองสามครั้ง ไม่มีใครกล้ารังแกข้าหรอกขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก นางเห็นว่าเขาพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ก็ดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย ซึ่งเขาเองก็รู้ดีอยู่ในใจ
อวี้เป่าเอ๋อร์ยังเด็กและเคยอยู่ใต้อิทธิพลของเฉินจีซินมาก่อน เขาจึงไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องในคฤหาสน์สกุลอวี้ ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อน จึงอาจจะไม่เข้าใจเรื่องการทำบัญชีของคฤหาสน์
ยิ่งกว่านั้นคือแม้ในคฤหาสน์สกุลอวี้จะมีกิจการไม่มากนัก แต่ก็ยังมีร้านค้าอยู่ แม้ว่าคนที่รับผิดชอบจะรู้ว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจ แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ใช้อำนาจรังแกเขา เพราะเขายังเด็กและใสซื่อ
เขาต้องเรียนรู้ที่จะจัดการคฤหาสน์สกุลอวี้ ต้องทำการบ้านอย่างหนัก และออกกำลังกายรักษาร่างกายให้ดี เกรงว่าเขาคงจะแทบไม่มีเวลาว่างเลย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยและรู้สึกสงสารเขา
แต่หลังจากคิดดูแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวในคฤหาสน์สกุลอวี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเติบโตให้เร็วที่สุด
ตอนนี้นางกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว นางจึงยังสามารถดูแลเขาได้อีกระยะหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วนึกได้เช่นนั้นก็ทำได้เพียงระงับความขมขื่นในใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าแต่เหตุใดผิงซื่อจื่อจึงไปหาเจ้า?”
“อืม” อวี้เป่าเอ๋อร์หัวเราะ แล้วหันกลับไปมองหนานหนาน “พวกเรามักจะพูดถึงหนานหนานกัน ดูเหมือนว่าผิงซื่อจื่อจะชอบหนานหนานมากขอรับ”
ได้ยินมาว่าเขากับหนานหนานไม่ได้สนิทกัน แม้จะเคยมีเรื่องกันหลายครั้งแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานหนานก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และพยักหน้าหลายครั้ง “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ทุกคนที่ได้พบข้าต่างบอกว่าชอบข้ากันทั้งนั้นแหละขอรับ”
อวี้ชิงลั่วโจมตีเขา “จริงหรือ? แล้วเย่หลานเวยเล่า? เขาก็ชอบเจ้าเช่นกันหรือ?”
อวี้เป่าเอ๋อร์รู้ว่าเย่หลานเวยเป็นโอรสขององค์ชายสาม และเขากับหนานหนานก็หมางเมินใส่กันมาโดยตลอด
หนานหนานสำลักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “นั่นเป็นเพราะเขามีตาหามีแววไม่ จึงมองไม่เห็นความดีของข้าขอรับ”
อวี้ชิงลั่วขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงเกือกม้าดังเข้ามาจากข้างนอก
นางตกใจจนหยุดคุยกับอวี้เป่าเอ๋อร์
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป่าเอ๋อร์โตขึ้นมากเลย น้องสู้ชีวิตมากอะ
ถึงเมืองหลวงแล้วจะเจออะไรบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)