อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 927 ไม่ถึงหนึ่งปี
ตอนที่ 927 ไม่ถึงหนึ่งปี
ตอนที่ 927 ไม่ถึงหนึ่งปี
ยิ่งเย่ซิวตู๋เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
แต่อวี้ชิงลั่วเหลือบมองไปยังคนรับใช้ที่แบกเกี้ยวนุ่ม ๆ ข้างเขา และไม่ได้เอ่ยคำใด
เย่ซิวตู๋เข้าใจทันที เขาจึงหยุดพูดและไม่ถามคำถามอะไรอีก
จนกระทั่งเขาไปถึงประตูวังและเข้าไปในรถม้า เขาก็รีบถามอย่างกระวนกระวายว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ทว่าหลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หันไปพบว่าอวี้เป่าเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างเขา
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ตกใจพร้อมกัน “เป่าเอ๋อร์ เจ้ายังไม่กลับไปอีกหรือ?”
พวกเขาอยู่ในวังนานหลายชั่วโมง แต่เขากลับยังรอพวกเขาที่นี่โดยไม่ปริปากบ่นแม้สักคำเช่นนั้นหรือ?
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ส่งคนมาบอกเจ้าว่าเราจะรับประทานอาหารเย็นในวังหรอกหรือ?”
ด้วยความที่กลัวจะถูกตำหนิ อวี้เป่าเอ๋อร์จึงรีบหยิบกล่องอาหารที่หนานหนานให้เขาก่อนหน้านี้ขึ้นมา “พี่สาว ข้ากินไปแล้ว ไม่หิวเลย ดูสิขอรับ ข้ากินไปเกือบหมดแล้ว และตอนนี้ข้าก็อิ่มมากจริง ๆ ขอรับ”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขา อวี้ชิงลั่วก็ตำหนิเขาไม่ลงอีกต่อไป
สุดท้ายเขาก็ยังเป็นเด็ก ตอนนี้นางเป็นสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่อยากกลับไป หลังจากที่ต้องแยกจากกันเป็นเวลานาน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ แล้วพูดอย่างเสียไม่ได้ว่า “เจ้านี่จริง ๆ เลย…”
อวี้เป่าเอ๋อร์แค่นหัวเราะ แล้วปิดกล่องอาหารเงียบ ๆ
ส่วนหนานหนานก็มองน้าของตนอย่างตกตะลึง “เหตุใดท่านจึงกินเยอะนักเล่า? อาหารเช่นนี้ควรค่อย ๆ กิน หากท่านกินมากเกินไป จะทำให้อาหารไม่ย่อยได้นะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะรู้จักคำว่าอาหารไม่ย่อยด้วย”
หนานหนานคิดว่าที่ผ่านมาเขาเองก็กินแบบไม่ยั้งเช่นกัน ถ้ากล่องอาหารนี้ตกไปอยู่ในมือเขา เขาก็คงจะกินมากกว่าอวี้เป่าเอ๋อร์อีก ตอนนี้เขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย จึงหัวเราะแห้ง ๆ และนั่งเงียบอยู่ด้านข้าง
เย่ซิวตู๋ไม่มีเวลาคุยเรื่องนี้กับพวกเขา เมื่อนึกถึงสีหน้าของอวี้ชิงลั่วเมื่อสักครู่นี้ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อหนานหนานเห็นเขาเป็นเช่นนั้นก็กลอกตา ก่อนจะจูงอวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่มุมห้องอย่างชาญฉลาด แล้วพูดคุยเรื่องอาหารไม่ย่อยต่อ
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็หันกลับมา นางถอนหายใจข้าง ๆ เย่ซิวตู๋ แล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่นี้ข้าเฝ้าสังเกตฮ่องเต้ และพบว่าท่าน… ดูย่ำแย่มาก ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ร่างกายของท่านก็ไม่ดีเท่าเมื่อก่อนแล้ว”
หัวใจของเย่ซิวตู๋เต้นไม่เป็นจังหวะ ทันใดนั้นเขาก็หันมามองอวี้ชิงลั่ว “ที่เจ้าพูดมา… หมายความว่าอย่างไร?”
“…ถ้าเป็นเช่นนั้น” อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างเป็นกังวล “หากฮ่องเต้ไม่ฝึกฝนผ่อนคลายจิตใจให้ดี เกรงว่า… ท่านจะอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งปี”
ฮ่องเต้… ยังทรงพระเยาว์ เพิ่งจะอายุสี่สิบหกหรือสี่สิบเจ็ดเท่านั้น
นางคิดว่าในวัยเท่านี้ ผมสีดอกเลาเช่นนี้ยังไม่ควรปรากฏ
เพียงแต่เขาเป็นฮ่องเต้ การฝึกตนเองให้ผ่อนคลาย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฮ่องเต้เลยไม่ใช่หรือ? เขาไม่อาจละทิ้งเรื่องสำคัญของอาณาจักร และมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนจิตใจตนเองได้ อีกทั้งองค์ชายสิบสองก็เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป ส่วนองค์รัชทายาทก็ถูกปลด และเรื่องราวต่อไปก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น
เหมิงกุ้ยเฟยพร้อมจะดำเนินตามแผน ตำแหน่งไท่จื่อยังคงว่างอยู่ โอรสหลายคนต่อสู้กันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทว่าคนรอบกายฮ่องเต้ไม่มีใครรู้ร้อนรู้หนาวเลยแม้แต่คนเดียว
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เครียดหรือโกรธ
แต่ด้วยความที่เป็นเช่นนี้ ร่างกายของเขาจึงทรุดโทรมและอ่อนแอเร็วขึ้น
เย่ซิวตู๋สูดหายใจเข้าลึก หนึ่งปี ไม่ถึงหนึ่งปีงั้นหรือ?
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปเพียงไม่กี่เดือน แต่ร่างกายของพระบิดาของเขาจะกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว
เขารีบหยุดรถม้า แล้วพูดกับอวี้ชิงลั่วอย่างกระวนกระวายใจว่า “กลับไปที่วัง ไปตรวจเสด็จพ่อและสั่งยาให้ท่าน”
อวี้ชิงลั่วจับมือของเขา ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงเบาว่า “บัดนี้ประตูวังปิดแล้ว การกลับไปตอนนี้จะทำให้เหมิงกุ้ยเฟยและคนอื่น ๆ ตื่นตระหนก เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาทุกคนจะรู้สภาพร่างกายของฮ่องเต้ ซึ่งข้าเกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งร้ายแรงขึ้น การต่อสู้กันของเหล่าองค์ชายที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น มีแต่จะทำให้ฮ่องเต้ประชวรหนักขึ้น สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือช่วยฮ่องเต้แก้ปัญหา เพื่อคลายความกังวลของท่านให้มากที่สุด อาการประชวรของฮ่องเต้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยยา สิ่งที่ท่านต้องการคือการพักผ่อนและผ่อนคลาย เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าเขาเม้มปากแน่น แต่ไม่ได้กระวนกระวายเหมือนตอนแรกอีกต่อไป นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “หากเจ้ามีเวลาว่าง ก็ควรเข้าวังไปคุยกับท่านให้บ่อยกว่านี้”
“ท่านแม่ ข้าเองก็เช่นกันขอรับ ข้าจะไปคุยกับเสด็จปู่ที่วังบ่อย ๆ ข้าจะดูแลเสด็จปู่ให้ดี เรื่องนี้ข้าถนัดนัก อีกทั้งเสด็จปู่ก็รักข้ามากด้วย ดังนั้นท่านจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้เจอข้า “แม้ว่าหนานหนานจะกำลังคุยกับอวี้เป่าเอ๋อร์ แต่เขาก็แยกประสาทได้ และได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อได้ยินสิ่งที่อวี้ชิงลั่วพูด เขาก็ค่อนข้างตกใจ
เขาไม่เคยคิดว่าเสด็จปู่ที่เพิ่งรู้จักเขาไม่นาน และรักเขามากถึงเพียงนี้ จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงปี…
ในความคิดของหนานหนานนั้น แนวคิดเรื่องความเป็นความตายนั้นชัดเจนมากอยู่แล้ว
ขณะอยู่ที่ดินแดนเหมิง เขาเพิ่งประสบเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้อาวุโสสกุลหมิง หากเขาต้องประสบกับการสูญเสียคนที่รักเขาไปเพราะความตายอีกครั้ง เขาคงรู้สึกสะเทือนใจเกินจะพรรณนา
“…อืม” อวี้ชิงลั่วลังเล นางยอมรับว่าตนเห็นแก่ตัว แม้ว่านางจะมีความประทับใจที่ดีต่อฮ่องเต้ แต่หนานหนานก็เป็นลูกชายของนาง นางกังวลมากว่า การที่หนานหนานเข้าไปในวังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เขาจะกลายเป็นหนามยอกอกของเหมิงกุ้ยเฟย
เพียงแต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่กำลังกังวลของเขา นางก็ทนปฏิเสธไม่ได้
เย่ซิวตู๋หลับตาลงช้า ๆ ขณะนอนลงบนเบาะนุ่ม โดยไม่เอ่ยคำใดอยู่นาน
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็เปล่งเสียงออกมา “กลับไปที่จวน”
จากนั้นรถม้าก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังจวนท่านอ๋องซิวโดยไม่หยุดพัก เมื่อไปถึงประตูก็มีพ่อบ้านรออยู่ที่นั่นแล้ว
ทันทีที่รถม้าหยุด คนรับใช้ก็กุลีกุจอมารอช่วยเจ้านายลงจากรถ
ท่านอ๋องเย่ซิวตู๋ไม่ต้องแสร้งทำเป็นผู้ป่วยหนักอีกต่อไป เขาจึงเดินเข้าประตูไปด้วยการประคองของอวี้ชิงลั่ว และเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ทันทีที่เขาเข้าไปในลานบ้าน เขาก็หันไปมองพ่อบ้านหยางและสั่งว่า “วันนี้นายน้อยอวี้ก็จะพักผ่อนที่นี่เช่นกัน ให้คนไปทำความสะอาดห้องให้ด้วย”
“ขอรับ” พ่อบ้านหยางตอบด้วยความเคารพ
เย่ซิวตู๋เดินไปสองสามก้าว จากนั้นลดเสียงลงแล้วถามว่า “จื่อเชียนอยู่ที่จวนบ้างหรือเปล่า?”
พ่อบ้านหยางชะงักไปเล็กน้อย และตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเจ้านายกำลังพูดถึงใคร และเขาก็พยักหน้าทันที
“นายน้อยเปี่ยวอยู่ที่จวนขอรับ” ในน้ำเสียงของพ่อบ้านหยางเจือไปด้วยบางสิ่งที่อธิบายไม่ถูก
เย่ซิวตู๋นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดต่อ “มาถึงจวนเมื่อคืนนี้ขอรับ”
“เมื่อคืนนี้หรือ?” อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่าเขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงหรือ?”
ไม่มีทาง ในวันที่พวกเขาพบกับอวี๋จั้วหลิน เหมิงจื่อเชียนเป็นคนกลับไปที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้อวี๋จั้วหลินรู้ตัวตนของเขา
แต่พวกเขาล่าช้าเพราะพักที่โรงเตี๊ยมหลายวัน และยังล่าช้าเพราะอยู่ที่บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่งอีกหลายวันด้วย
เหมิงจื่อเชียนมาก่อนพวกเขาเกือบยี่สิบวัน แล้วเขาจะ… เพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ได้อย่างไร?
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วถามด้วยความสับสน
……………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มิน่าเมืองหลวงถึงดูร้อนเป็นไฟ ที่แท้ฮ่องเต้ใกล้จะสวรรคตนี่เอง
เจอคนดักทำร้ายระหว่างทางหรือเปล่าเลยมาช้า
ไหหม่า(海馬)