อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 928 หลงทาง
ตอนที่ 928 หลงทาง
ตอนที่ 928 หลงทาง
พ่อบ้านหยางเกร็งมุมปาก จากนั้นก็ลดเสียงลง กล่าวเบาๆ “นายน้อยเปี่ยว หลงทางขอรับ”
“…”
“…”
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋เงียบไปนาน จากนั้นสักพักเย่ซิวตู๋ก็หันหน้าแล้วกระแอมครั้งหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วปิดปากอย่างอดไม่ไหว หัวเราะเสียงอู้อี้
หลงทาง…เหมิงจื่อเชียนคนนั้น เหตุใดจึงเกิดเรื่องประหลาดเช่นนี้กับเขาขึ้นมาได้กันนะ?
แต่เมื่อคิดได้ว่าเหมิงจื่อเชียนเพิ่งออกจากดินแดนเหมิงเป็นครั้งแรก การหลงทาง…ก็เป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่เมื่อนึกภาพแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
“ตอนที่นายน้อยเปี่ยวมาถึงตำหนัก สภาพก็ดูไม่สู้ดีนักขอรับ” พ่อบ้านหยางกล่าวเรื่องเหมิงจื่อเชียนต่อ “คงรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย รู้ว่าวันนี้ท่านจะกลับมา จึงอ่านหนังสืออยู่แต่ในห้องมาโดยตลอด ไม่ออกมาเลยขอรับ”
“เขากินข้าวหรือยัง?”
พ่อบ้านหยางพยักหน้า “กินแล้วขอรับ”
“อืม เช่นนั้นก็ตามใจเขาเถิด เจ้าจัดแจงให้คนไปคอยรับใช้เขาเป็นใช้ได้แล้ว” เย่ซิวตู่กล่าว และค่อยๆ เดินไปยังเรือนที่ตนอาศัยอยู่
พ่อบ้านหยางนึกได้ว่าเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางก็ไม่อยากจะรบกวนอันใดมาก เพียงแต่กล่าวเบาๆ ประโยคหนึ่ง “ท่านอ๋อง ข้าให้คนมาคอยรับใช้ท่านและแม่นางอวี้ยามพักผ่อนนะขอรับ ช่วงนี้ที่ท่านไม่อยู่ที่ตำหนักก็เกิดเรื่องมากมาย หากจะเล่าให้ฟังคงใช้เวลาไม่น้อย วันพรุ่งนี้ข้าจะรายงานรายละเอียดให้ท่านอ๋องทราบ ท่านอ๋องคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ?”
“อืม” เย่ซิวตู๋โบกมือ ถือว่าเห็นด้วยแล้ว
อวี้ชิงลั่วกลับคิดว่าอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กลับไปที่ห้องพร้อมหนานหนานก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเช่นกัน กินเพียงขนมอบ กลัวว่าเขาจะหิว จึงสั่งพ่อบ้านบอกให้ทางครัวทำบะหมี่ให้เขาชามหนึ่ง กินแล้วพักผ่อนเสียหน่อยค่อยเข้านอน
หนานหนานกลับเท้าคางคอยมองเขาอยู่ข้างๆ และเริ่มกลืนน้ำลายอย่างอธิบายไม่ถูก รู้สึกหิวโหยอย่างมาก
แต่เขากินมื้อเย็นไปมากมาย อีกทั้งตอนนั้นฮ่องเต้ก็คอยเติมอาหารให้เขา เขาย่อมไม่ปฏิเสธ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ย่อย กินอะไรต่อไม่ได้แล้ว
ในใจกลับรู้สึกเศร้าเล็กน้อย สายตาก็ดูมีความขมขื่นซ่อนเร้นอยู่
อวี้เป่าเอ๋อร์ถูกเขาจ้องมองอยู่เช่นนั้นจะกินลงได้อย่างไร ไม่นานนักก็วางตะเกียบลง
โชคดีที่เดิมทีเขาไม่ใช่คนกินมาก อีกทั้งตอนอยู่บนรถก็กินขนมไปไม่น้อย จึงไม่ได้คิดจะกินอีก แต่พี่หญิงสั่งทางครัวมาเป็นพิเศษ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจของพี่หญิงได้ จึงกินไปครึ่งชาม
หนานหนานเห็นว่าเขาไม่กินแล้ว ก็รู้สึกเสียดาย
อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกว่าเขาน่าสนใจอย่างมาก จะกินก็ไม่ใช่ จะไม่กินก็ไม่เชิง ลากเขาไปในห้องเพื่อพูดคุยกันตรงๆ
เมื่อไม่มีชามบะหมี่คอยดึงดูดใจอยู่ตรงหน้า ในใจของหนานหนานก็นึกถึงสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินมาตลอดทางในทันที จึงเล่าเรื่องที่ได้พบเหมิงหลัวอวี้ระหว่างทาง ช่วยนางทำโทษเหมิงเคอ ได้รู้จักผู้อาวุโสสกุลเยว่และพ่อของนาง ไปจนถึงเทศกาลชิมสุราให้เขาฟังทั้งหมด แน่นอนว่าเรื่องเกี่ยวกับความโกลาหลในมองโกเลียนั้น ท่านแม่ได้สั่งเขาเอาไว้แล้วว่าอย่าเอาไปพูดที่ไหนมั่วซั่ว
อวี้เป่าเอ๋อร์ได้ฟังก็อิจฉาอย่างมาก “อยากไปดูเสียจริงๆ”
แต่เขาไปไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด ในช่วงเวลานี้ก็ไปไม่ได้
หนานหนานกลับจับมือของเขาแล้วนอนอยู่บนเตียงยาวด้วยกัน กล่าว “รอให้เจ้าโตก่อนก็จะไปได้แล้ว ในอนาคต ข้าก็จะได้พาเจ้าไปที่อาณาจักรเทียนอวี่ ที่นั่นก็มีสถานที่น่าสนุกมากมายเช่นกัน”
อวี้เป่าเอ๋อร์ชื่นชมหนานหนานมาก แววตาที่มองเขาล้วนเต็มไปด้วยประกายแวววาว รู้สึกว่าหนานหนานนั้นช่างรอบรู้จริงๆ มีเรื่องตั้งมากมายที่เขาไม่รู้จัก แต่หนานหนานรู้จักหมด
ทั้งสองคนพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มพูดถึงเรื่องเย่หลานเฉิง
ตอนที่หนานหนานอยู่ดินแดนเหมิง คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือเย่หลานเฉิง เมื่อพูดถึงเขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าไม่ได้พบเสี่ยวเฉิงเฉิงอีกเลยหรือ?”
“อืม” อวี้เป่าเอ๋อร์หดหู่ใจเล็กน้อย “ข้ายังไปถามผิงซื่อจื่อเป็นพิเศษ ถึงแม้ฝ่าบาทจะไม่ได้จำกัดอิสระของหลานเฉิง แต่หากเขาอยากจะออกมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีขั้นตอนที่ต้องทำมากมาย หากหลานเฉิงออกมาข้างนอกก็จะต้องมีองครักษ์ตามมาด้วย ถึงจะบอกว่ามาเพื่อปกป้อง แต่จริงๆ ก็มาเพื่อจับตาดูและควบคุม ใครบ้างที่ออกมาข้างนอกแล้วจะยอมให้คนมาด้วยเป็นกลุ่ม อีกทั้งยังแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นบุตรขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด เช่นนั้นอยู่ในจิ่นเฉิงย่วนเสียยังจะดีกว่า”
เขานึกถึงเย่หลานผิงกล่าวคำเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะมุ่นคิ้ว กล่าวต่อ “ผิงซื่อจื่อยังกล่าวอีกว่า คนที่คอยเฝ้าจับตาดูอดีตองค์รัชทายาทคือองค์ชายสี่ องค์ชายสี่ไม่ถูกชะตากับเขามาโดยตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้อดีตองค์รัชทายาทสูญเสียอำนาจ เขาก็ยิ่งหยิ่งผยองขึ้น มักจะไปเยาะเย้ยอดีตองค์รัชทายาท ทั้งยังไม่เห็นเย่หลานเฉิงในสายตา”
คำพูดเหล่านี้ เดิมทีเย่หลานผิงก็ไม่คิดจะบอกเขา อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องในราชวงศ์ อวี้เป่าเอ๋อร์เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นว่าอวี้เป่าเอ๋อร์เป็นห่วงเย่หลานเฉิงจริงๆ ทั้งยังนึกได้ว่าพวกเขานั้นอยู่กับท่านอ๋องซิวมานาน และทนฟังเขาถามซ้ำๆ ไม่ได้ จึงทำได้เพียงบอกเขา
อวี้ชิงลั่วได้ยินเรื่องนี้ก็กังวลมาก เย่หลานผิงกลับเฉยเมยกับเรื่องเหล่านี้ จากมุมมองของเขา อย่างน้อยที่สุดการที่เย่หลานเฉิงอยู่ที่จิ่นเฉิงย่วนนั้นถึงแม้จะขาดอิสระ แต่ก็มีกินมีดื่ม ทั้งยังมีพ่อและแม่อยู่ข้างกาย ในจุดนี้เทียบกับเขาตอนนั้นในไม่กี่ปีก่อนที่ถูกทิ้งอยู่ในมุมหนึ่งของวังหลวงโดยไม่มีใครสนใจแล้วก็ยังถือว่าดีกว่ามาก
แต่อวี้เป่าเอ๋อร์เองก็เข้าใจการสูญเสียอิสรภาพอย่างลึกซึ้งเช่นกัน เมื่อก่อนตนนั้นก็ถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ มาตั้งหลายปีไม่ใช่หรือ?
ความรู้สึกที่อยู่ในสถานการณ์ลำบากและไม่ได้รับความช่วยเหลือใด จริงๆ แล้วมันทรมานจิตใจอย่างมาก เป็นการทรมานอย่างหนึ่งจริงๆ ทำให้คนเสียพลังงานและเรี่ยวแรงได้อย่างรวดเร็ว
ในประเด็นนี้ หนานหนานรู้สึกตื่นเต้นและโกรธมากกว่าเย่หลานผิงมาก
เขาทนเห็นเย่หลานเฉิงถูกทำร้ายไม่ได้ ดังนั้นเขาและอวี้เป่าเอ๋อร์จึงเห็นอกเห็นใจเรื่องของเย่หลานเฉิงเป็นพิเศษ
เห็นเขาเด้งตัวขึ้นอย่างกระวนกระวาย อวี้เป่าเอ๋อร์ก็รีบดึงเขากลับมาอีกครั้ง “เจ้าอย่าใจร้อนไป ข้าบอกเรื่องพวกนี้กับเจ้า ก็เพราะอยากให้เจ้ารู้สถานการณ์ของหลานเฉิงในตอนนี้ ถึงเวลาเราจะได้ช่วยกันคิดหาวิธี”
จริงๆ แล้วเขายังมีอีกเรื่องที่ไม่ได้บอก จากที่เย่หลานผิงบอก เย่หลานเวยและคนอื่นๆ เห็นเย่หลานเฉิงผิดหวังอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็ยังเข้าไปหาเรื่องด้วยตัวเอง
ส่วนองค์ชายสี่ที่คอยเฝ้าดูอดีตองค์รัชทายาท กลับปิดตาข้างหนึ่งกับเรื่องที่เย่หลานเวยรวมไปถึงบุตรของตนกระทำ
คำพูดเหล่านี้ เขาไม่กล้าบอกหนานหนาน กลัวว่าหนานหนานจะยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นไปอีก
แต่ต่อให้ไม่บอก เพียงเรื่องก่อนหน้านั้นก็เพียงพอให้หนานหนานทนดูคนถูกรังแกไม่ไหวแล้ว
เขาโมโหเล็กน้อย “เพราะพ่อของเสี่ยวเฉิงเฉิงแท้ๆ เป็นเขาที่ทำให้เสี่ยวเฉิงเฉิงต้องลำบาก”
“จุ๊ๆ หนานหนาน เจ้าจะพูดเช่นนี้ไม่ได้นะ”
หนานหนานมุ่ยปาก “ก็เรื่องจริงนี่ ข้าเกลียดเขาจริงๆ เมื่อก่อนเขายังไปหลงรักนางบำเรอ รังแกไท่จื่อเฟย ตอนที่เขาอยู่ดีกินดีก็ไม่คิดถึงเสี่ยวเฉิงเฉิงแม้แต่น้อย ปล่อยให้เสี่ยวเฉิงเฉิงตกระกำลำบากอยู่คนเดียว จนเสี่ยวเฉิงเฉิงได้รับความโปรดปรานจากเสด็จปู่ เขาก็คิดได้ทันทีว่าตนยังมีบุตรชายเช่นนี้อยู่ เอาแต่จะให้เขาไปพูดจาประจบสอพลอเสด็จปู่ ตอนนี้เขาทำความผิด กลับจะให้เสี่ยวเฉิงเฉิงต้องทนรับกรรมไปด้วย”
อวี้เป่าเอ๋อร์ถอนหายใจ จริงๆ แล้วความจริงก็เป็นเช่นนั้น ไม่สามารถร่วมสุขได้ แต่กลับต้องมาร่วมทุกข์ หลานเฉิงอายุยังน้อยนัก แต่กลับต้องประสบกับเรื่องที่ซับซ้อนและลำบากกว่าคนทั่วไปมาก
หนานหนานเม้มปาก ขบกรามอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจออกมา “พรุ่งนี้พวกเราไปหาเสี่ยวเฉิงเฉิงที่จิ่นเฉิงย่วนกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตกใจเลย นึกว่าโดนดักทำร้ายระหว่างทาง ที่แท้หลงทาง
เสี่ยวเฉิงเฉิงน่าสงสารอีกแล้ว ไม่น่าเก็บพ่อมาจากถังขยะเลยลูก
ไหหม่า(海馬)