อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 931 ให้ข้าไปพบเสี่ยวเฉิงเฉิง
ตอนที่ 931 ให้ข้าไปพบเสี่ยวเฉิงเฉิง
ตอนที่ 931 ให้ข้าไปพบเสี่ยวเฉิงเฉิง
หนานหนานโบกพระราชโองการตรงหน้าเขา พลางถามว่า “บนนี้เขียนว่าอะไร? บอกทุกคนไปสิ จะได้ไม่มีคนรนหาที่ตายมาขวางข้า”
เย่หลานเวยกลืนน้ำลายอย่างแรง ดวงตาสองข้างจ้องเขม็ง มองไปยังพระราชโองการต่อหน้าตนเอง เงียบเสียงอยู่ครู่ใหญ่
“เหตุใดจึงไม่กล่าวอันใดแล้วเล่า หรือไม่รู้หนังสือที่เขียนอยู่บนนี้?” หนานหนานถามอีกครั้ง เห็นท่าทางของเขาที่ดูงงงันจากนั้นก็นำพระราชโองการชูตรงหน้าเย่หลานหลี่ กล่าว “เจ้าคงรู้ตัวหนังสือบนนี้กระมัง”
แข้งขาของเย่หลานหลี่ไร้เรี่ยวแรง เดิมทีเขาก็เป็นคนไม่กล้าอยู่แล้ว เชื่อฟังแต่คำของเย่หลานเวยมาโดยตลอด
ตอนนี้ถูกหนานหนานถามเช่นนั้น ก็พยักหน้าอย่างแทบจะไม่รู้ตัว
“เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิ ข้างบนนี้เขียนว่าอะไร?” หนานหนานยังไม่ลืม เมื่อครู่เย่หลานหลี่เออออตามคำพูดของเย่หลานเวยอย่างประจบประแจงและซ้ำเติมด้วยกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าในบรรดาคนที่รังแกเย่หลานเฉิง เย่หลานหลี่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
สีหน้าของเย่หลานหลี่ซีดไปเล็กน้อย ครู่หนึ่งก็กล่าวออกมาเบาๆ “ใน…ในพระราชโองการบอกว่า เจ้า เจ้าสามารถเข้าออก เข้าออกจิ่นเฉิงย่วนได้ตลอดเวลา”
หนานหนานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เก็บพระราชโองการแล้วมองไปทางด้านที่ทหารยามยืนอยู่ เอ่ยถาม “ตอนนี้ข้าจะเข้าไป ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม”
เขามีพระราชโองการ ใครจะกล้ามีปัญหากัน
อวี้เป่าเอ๋อร์เองก็คิดไม่ถึง เมื่อวานเขาเป็นกังวลมาก เย่หลานผิงยังเคยบอกไว้ว่าจิ่นเฉิงย่วนนี้ไม่ใช่ที่ที่จะเข้าออกได้ตามใจ
คิดไม่ถึงว่าในมือหนานหนานจะมีพระราชโองการอยู่ ไปมีตั้งแต่ตอนไหนกัน หรือว่าฝ่าบาทมอบให้เขาเมื่อวานตอนเข้าวังหรือ?
ไม่แปลกใจเลย วันนี้ท่านพี่หญิงและท่านอ๋องซิวก็ไม่ได้ห้ามหนานหนานไม่ให้มาที่นี่
ในตอนนี้อวี้เป่าเอ๋อร์จึงค่อยๆ สบายใจขึ้น
เย่หลานเวยเองก็ยังงุนงงอยู่ เขายังคิดจะห้ามไม่ให้หนานหนานเข้าไป แต่ก็กลัวพระราชโองการ ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นก็มีแรงดึงที่มือของเขา
ต่อจากนั้นก็มีเสียงเย็นเยียบของหนานหนานดังมาจากข้างหู “เจ้ามากับข้า เราจะไปหาเสี่ยวเฉิงเฉิงกัน”
สีหน้าของเย่หลานเวยซีดเซียว “ไม่ไป ข้าไม่ไป เจ้าปล่อยข้านะ ข้าไม่ไป ปล่อย”
หนานหนานไม่สนใจเขา โบกพระราชโองการตรงหน้าเขาอีกครั้ง “ถ้าเจ้าไม่ไป แสดงว่าเจ้าขัดขืนพระราชโองการ ไม่ยอมให้ข้าเข้าไป”
“ข้า ข้า… เจ้ามันเล่นแง่ชัดๆ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้เลยว่าในมือเจ้ามีพระราชโองการ”
“ใครจะรู้เล่า ไม่แน่ว่าเจ้าคงเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้ามีพระราชโองการ แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้”
“เจ้า เจ้ามันเถียงข้างๆ คูๆ ไม่ได้มีเรื่องเช่นนั้นมาตั้งแต่แรกหรอก”
ทั้งสองคนถูลู่ถูกังอยู่เช่นนั้น แต่สุดท้ายเย่หลานเวยก็ยังสู้แรงของหนานหนานไม่ได้ ต่อให้ใช้กำลังทั้งหมดมาสู้ ก็ยังถูกเขาลากไปข้างหน้าทีละก้าวอยู่ดี
เพียงแต่หลังจากเดินไปได้กว่าสิบก้าว จู่ๆ หนานหนานก็เหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ หันกลับมาทันที กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังมีเย่หลานหลี่อีกคน เจ้าเองก็เข้าไปกับข้าสิ”
เดิมทียังคิดว่าหนานหนานไม่ได้สนใจตนเอง เย่หลานหลี่ที่กำลังจะแอบหนีไป เพียงได้ยินคำนี้ร่างกายก็แข็งทื่อไปทันที สีหน้าขาวซีด แต่กลับไม่สามารถขยับได้เลย
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด เย่หลานเวยทางด้านนั้นเห็นท่าทางของเย่หลานหลี่ที่คิดจะแอบหนีไป ก็เบิกตากว้างด้วยความโกรธ สีหน้าโมโห “เย่หลานหลี่ เจ้ากล้าไม่ช่วยข้าแล้วแอบหนีไปหรือ เราเป็นพี่น้อง เจ้ากลับเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยหรือ?”
เย่หลานหลี่ไม่สามารถก้าวไปทางไหนได้ ทางด้านนั้นก็มีมือของหนานหนานยื่นมาแล้ว จับมือข้างละคนแล้วเดินไป
เย่หลานเวยโกรธเย่หลานหลี่เป็นอย่างมากและต่อว่าก่นด่า แต่ขณะเดียวกันก็ถูกหนานหนานลากไปไกล จนกระทั่งมีสติตอบสนองก็เดินมาครึ่งทางแล้ว
ทหารยามที่เหลืออยู่ล้วนตกใจกลัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าขวางแม้แต่ก้าวเดียว ทำได้เพียงจ้องมองพวกเขาเดินจากไปไกลเรื่อยๆ
จนกระทั่งหลังของพวกเขาลับหายไป ทหารยามที่ถูกโม่เสียนเตะจนล้มลงกับพื้นก็ได้สติกลับมา ตะโกนเสียงดัง “เร็วเข้า รีบไปรายงานองค์ชายสี่ ตอนนี้แย่แล้ว”
ทุกคนจึงได้สติ รีบออกจากจิ่นเฉิงย่วนเพื่อไปรายงานข่าว
หนานหนานทางด้านนั้นกลับจับมือทั้งสองคนพร้อมด้วยอวี้เป่าเอ๋อร์ โม่เสียนและเผิงอิง ก้าวเดินไปทางเรือนเล็กๆ ที่เย่หลานเฉิงอาศัยอยู่แล้ว
อย่างไรเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ก็เป็นซื่อจื่อ หนานหนานเองก็ไม่ทำให้พวกเป่าเอ๋อร์และโม่เสียนต้องลำบากใจ ไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามายุ่ง ต่อให้จะลาก ก็ต้องลากพวกเขาไปหาเฉิงเฉิงด้วยตนเอง
เรือนที่เย่หลานเฉิงอาศัยอยู่นั้นค่อนข้างแตกต่างจากที่คิด ถึงแม้จิ่นเฉิงย่วนจะยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาถูกคุมขัง การมีเรือนเล็กๆ ให้อยู่ก็ถือว่าดีไม่น้อยแล้ว
เย่หลานเฉิงในตอนนี้ บนร่างยังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำแกง ร่างเล็กๆ ยังยืนตรงอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ในมือของไท่จื่อเฟยมีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เช็ดหน้าให้เขาอย่างระมัดระวัง แววตาของนางเต็มไปด้วยความรัก “เฉิงเอ๋อร์ แม่ขอโทษ แม่ไม่ดีเอง แม่ปกป้องเจ้าไม่ได้”
“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ จริงๆ นะ” เย่หลานเฉิงหัวเราะให้ไท่จื่อเฟยครั้งหนึ่ง มุมปากมีน้ำแกงหยดลงมา ไม่ได้ไหลเข้าไปในปาก
ไท่จื่อเฟยรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดให้เขา มองท่าทางที่ดูไม่สู้ดีของเขาแล้ว มือก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่น
ครู่หนึ่งผ่านไป จู่ๆ นางก็หันหน้าทันที กล่าวกับสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงประตู “หลิวเอ๋อร์ ยังไม่รีบไปเอาน้ำมาให้เฉิงเอ๋อร์ล้างอีกหรือ?”
หลิ่วเอ๋อร์ผู้นั้นเหลือบมองนางแวบหนึ่ง ใบหน้าฉายแววเหยียดหยาม น้ำเสียงเองก็ดูไม่ใส่ใจ “ไอ้หยา นายท่านเจ้าคะ การตักน้ำน่ะเป็นงานใช้แรง ข้าเป็นเพียงสาวใช้ที่ทำได้เพียงยกน้ำชาและน้ำดื่ม จะมีแรงได้อย่างไรเจ้าคะ รออีกเดี๋ยวเถิด รอให้ท่านแม่จินกลับมา เดี๋ยวก็ไปตักน้ำให้พวกท่านเองล่ะเจ้าค่ะ”
พระชายาโกรธเสียจนเลือดขึ้นหน้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ถลกหนังสาวใช้ผู้นี้ไปถึงกระดูก นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ท่าทางของหญิงสาวชั้นสูงที่ถูกบ่มเพาะมาตลอดหลายปีนั้นเผยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “เฉิงเอ๋อร์ยังเป็นซื่อจื่อ เป็นพระราชนัดดา เป็นหลานชายแท้ๆ ของฝ่าบาท การละเลยเขาก็เหมือนไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตา เจ้าลองชั่งน้ำหนักดูให้ดีเถิดว่าจำเป็นต้องตักน้ำหรือไม่”
หลิ่วเอ๋อร์ถูกท่าทางของนางขู่เข้า ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ เท้าสองข้างแทบจะก้าวเข้าไปข้างหน้า
แต่เมื่อคิดถึงคำสั่งขององค์ชายสี่ นึกได้ว่าเมื่อครู่ตอนที่เย่หลานเฉิงถูกรังแก พวกเขาแม่ลูกก็ทำอันใดไม่ได้ สีหน้าเหยียดหยามก็ยิ่งหนักหนาขึ้น “พระราชนัดดาหรือ? ที่จิ่นเฉิงย่วนนี้ก็ยังมีองค์ชาย แต่จุดจบก็ยังเลวร้ายกว่าสาวใช้ต่ำต้อยกว่าพวกเราอีกไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
ไท่จื่อเฟยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ริมฝีปากสั่นด้วยความโมโห
หลิ่วเอ๋อร์กลับยังดูเหมือนไม่สาแก่ใจ กล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่ง “อีกอย่าง นะนายหญิง ตอนนี้ท่านเองก็ไม่ใช่ไท่จื่อเฟยแล้ว เหตุใดยังทำท่าทางเช่นนี้อยู่อีก ไม่มีประโยชน์อันใดนักหรอกเจ้าค่ะ แต่กลับทำให้ตนเองต้องอับอายเสียมากกว่า ที่จิ่นเฉิงย่วนนี้ไม่ใช่ที่ที่ท่านจะจัดแจงอันใดได้ตามใจนะเจ้าคะ”
“เจ้า…” ไท่จื่อเฟยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น อดกลั้นความรู้สึกที่ต้องการกระโจนใส่แล้วข่วนหน้าของนางเสีย
ทันใดนั้นมือก็ถูกมือเล็กๆ นุ่มนวลคู่หนึ่งคว้าเอาไว้ นางก้มหน้าลงก็เห็นรอยยิ้มจางๆ ของเย่หลานเฉิง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยยัยหลิ่วเอ๋อร์นี่ หนานหนานมาแล้วนะ ถึงตอนนั้นอย่ามาร้องไห้อ้อนวอนแล้วกัน
ไหหม่า(海馬)