อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 933 เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
ตอนที่ 933 เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
ตอนที่ 933 เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน
หนานหนานชะงัก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้ายิ้มแย้มของหลิ่วเอ๋อร์
“นายน้อยผู้นี้เป็นเพื่อนของเวยซื่อจื่อและหลี่ซื่อจื่อกระมัง มาเล่นกับซื่อจื่อทั้งสองหรือเจ้าคะ มาเจ้าค่ะ เดินระวังเสียหน่อย เรื่องน่าสนุกไม่หนีไปไหน ค่อยๆ เดินนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะล้มเอา”
หลิ่วเอ๋อร์มองพวกเขาเดินไปพลางฉุดกระชากลากถู เข้าใจว่าพวกเขาคงอดใจไม่ไหวจะไปจัดการกับเย่หลานเฉิงอีกครั้ง รีบยิ้มพลางเอาใจ
หนานหนานขมวดคิ้วมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตาไป เพียงเงยหน้าก็เห็นเย่หลานเฉิงและไท่จื่อเฟยอยู่ไม่ไกล
รูม่านตาของเขาหดลงทันที เหวี่ยงเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ทั้งสองคนออกไป วิ่งผ่านหลิ่วเอ๋อร์ไปอย่างร่าเริง ยื่นจมูกพุ่งตัวเข้าหาพวกเขา
“เสี่ยวเฉิงเฉิงๆ ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า ข้าคิดถึงเจ้าแทบตายแน่ะ”
ขณะกล่าว เขาก็กอดเย่หลานเฉิง โอบแขนรอบคอของเขาอย่างแรง
เย่หลานเฉิงตะลึงไป ยืนงงอยู่ตรงนั้น ผ่านไปครู่หนึ่งจึงตอบสนอง “หนานหนาน… หนานหนานหรือ?”
“ใช่น่ะสิๆ ข้ามาแล้ว เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่ ข้าจะบอกให้นะ ข้าคิดถึงเจ้ามา มาถึงปุ๊บข้าก็รีบมาหาเจ้าเลย”
ไท่จื่อเฟยที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จนกระทั่งตอบสนอง ก็วางใจอย่างบอกไม่ถูก
หนานหนานกลับมาแล้ว เช่นนั้น… ท่านอ๋องซิวและแม่นางอวี้ก็ต้องกลับมาแล้วเป็นแน่
พวกเขาดีกับเฉิงเอ๋อร์เพียงนี้ เฉิงเอ๋อร์ก็ถือว่า… มีคนเข้ามาช่วยเสียที
หางตาของนางเปียกชื้นขึ้นมาชั่วขณะ ความรู้สึกในใจทั้งเจ็บปวดคลุมเครือ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กน้อยของหนานหนานดังเข้ามาในหูอีกครั้ง “เอ๋ กลิ่นอะไรกัน”
ไท่จื่อเฟยผงะไป ทันใดนั้นก็ได้สติ รีบย่อตัวลงแล้วแยกเด็กทั้งสองคนที่กอดกันอยู่ออก
เมื่อเห็นว่าร่างกายของหนานหนานเปรอะเปื้อนก็รีบใช้แขนเสื้อเช็ดให้เขาอย่างไม่พอใจ “เนื้อตัวเฉิงเอ๋อร์ยังคงมันเยิ้ม รอให้เขาล้างตัวสะอาดเสียก่อน พวกเจ้าค่อยคุยกันดีๆ ดีหรือไม่”
หนานหนานกะพริบตา จากนั้นก็พบว่าร่างกายของเย่หลานเฉิงยังมีน้ำแกงเปรอะเปื้อนอยู่ ทันใดนั้นก็คิดถึงคำที่เย่หลานเวยกล่าวเอาไว้ ความโกรธในใจก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่ยังไม่รอให้เขาหันกลับไปคิดบัญชีกับเย่หลานเวย ก็เห็นมือของไท่จื่อเฟยมีรอยเลือด เบิกตากว้างแล้วถามอย่างกังวล “ไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียง มือของท่านไปโดนอะไรมาขอรับ”
ไท่จื่อเฟยผงะ ชักมือกลับโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ชักมือกลับได้เพียงเล็กน้อย ก็ถูกหนานหนานจับเอาไว้ในทันที
คิ้วของเขาขมวดแน่นแทบเป็นปม รีบหมุนตัวกล่าวกับโม่เสียน “ท่านลุงโม่ ได้ช่วยถือกระเป๋าของข้ามาหรือไม่”
“เอามาสิ” โม่เสียนก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเย็นชา คำนับไท่จื่อเฟยก่อนครั้งหนึ่ง จากนั้นก็นำกระเป๋าใบเล็กวางใส่มือของหนานหนาน
มันเป็นกระเป๋าที่เขาให้ความสำคัญอย่างมากและพกติดตัวตลอดเวลา ในนั้นมีของแทบจะทุกอย่าง
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะอยากรีบร้อนมาพบเย่หลานเฉิง ก็คงไม่ทิ้งกระเป๋านี้ไว้บนรถม้า โชคดีที่โม่เสียนรู้จักเขาเป็นอย่างดี จึงถือติดมาด้วย
หนานหนานรีบเปิดกระเป๋าดู พลิกดูขวดยาด้านใน และนำขวดยาเล็กขวดหนึ่งและยาขี้ผึ้งกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ดึงมือไท่จื่อเฟยมานั่งบนแท่นหินด้านข้าง กล่าวโดยไม่หันหน้า “ท่านลุงโม่ ช่วยนำน้ำสะอาดมาให้ข้าที”
“อืม” พวกเขายืนอยู่ข้างบ่อน้ำ โม่เสียนไม่กล่าวอันใด ตักน้ำขึ้นมาเต็มถังถังหนึ่ง
เย่หลานเฉิงมองดูท่าทางที่สบายๆ ของเขาอยู่ด้านข้าง ก็นึกถึงท่าทางชุ่มเหงื่อของท่านแม่ อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น เขาไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่การเรียนวรรณกรรมเพียงอย่างเดียวได้อีกแล้ว ทางด้านความแข็งแกร่งของร่างกายก็ต้องมีการพัฒนาด้วยจึงจะใช้ได้
หนานหนานนำผ้าเช็ดหน้าสะอาดออกมา อวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างจับมือของเย่หลานเฉิง กล่าวเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้ว”
ต่อจากนั้นก็ช่วยเป็นลูกมือให้หนานหนาน
จนกระทั่งหนานหนานช่วยจัดการแผลให้ไท่จื่อเฟยเรียบร้อย ทั้งยังพันผ้าพันแผลให้สองชั้นแล้ว จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เสร็จแล้ว ไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียง มือของท่านสวยงามเพียงนี้ หากบาดเจ็บไปจะน่าเสียดาย ต่อไปต้องดูแลให้ดีจึงจะถูกนะขอรับ”
ไท่จื่อเฟยผงะ ก้มหน้าลงมองมือสองข้างของตนเอง แม้ว่าจะถูกพันด้วยผ้าพันแผล แต่ก็ยังเผยให้เห็นผิวขาวเนียน ทั้งยังมองออกว่าเจ้าของมือคู่นี้เคยรักและทะนุถนอมมือสองข้างเพียงไหน
เมื่อก่อนองค์รัชทายาทก็เคยบอกไว้ว่าชอบนางที่มือสองข้างนี้ที่สุด
แต่ในตอนนี้… นางกลับรู้สึกว่า หากหยาบกระด้างอีกหน่อย มีแรงอีกหน่อย เช่นนั้นแล้ว อย่างน้อยในเวลาเช่นนี้ก็จะดูแลบุตรของตนเองได้
คิดถึงตรงนี้ ไท่จื่อเฟยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่นออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ควบคุมสีหน้าของตนเอง กล่าวเบาๆ “หนานหนาน ข้าไม่ใช่ไท่จื่อเฟยแล้ว ต่อไปอย่าได้เรียกเช่นนั้นอีกนะ”
“เอ๋”
“เฉิงเอ๋อร์เรียกท่านแม่ของเจ้าว่าท่านน้าชิง ต่อไปเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านน้าโหรวเถิด” ก่อนที่นางจะออกเรือน ขื่อเดิมของนางก็คือสวีโหรว
ท่านน้าโหรวหรือ หนานหนานทำตามคำขอทันที พยักหน้า “ขอรับ เช่นนั้นจะเรียกว่าท่านน้าโหรว”
เขากลับรู้สึกว่าชื่อเรียกนี้ให้ความรู้สึกสนิทสนมมากกว่า
สวีโหรวหัวเราะออกมา จากนั้นก็เหมือนว่านางคิดอันใดบางอย่างออก ขมวดคิ้วแล้วรีบกล่าว “จริงสิ หนานหนาน เหตุใดจึงมาที่จิ่นเฉิงย่วนได้เล่า ที่นี่ไม่สามารถเข้ามาได้ตามใจ เจ้าบุกเข้ามาเช่นนี้ ถ้าหาก…”
เย่หลานเฉิงเองก็นึกขึ้นได้ เขารู้จักนิสัยของหนานหนานเป็นอยางดี
หนานหนานดีกับตน รู้ว่าตนอยู่ที่นี่ จะต้องมาพบเขาโดยไม่สนสิ่งใดเป็นแน่ สิ่งที่เขากังวลเป็นที่สุดก็คือหนานหนานจะบุกเข้ามาเช่นนี้ หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นองค์ชายสี่จะไม่ให้อภัยเขาเป็นแน่
คิดถึงตรงนี้ เย่หลานเฉิงเองก็ร้อนรนขึ้นมา ไม่สนใจแม้แต่สิ่งสกปรกบนมือ จับมือของหนานหนานเอาไว้แล้วกล่าว “เจ้ารีบไปจากที่นี่เถิด องค์ชายสี่จะต้องมาที่นี่ในไม่ช้าแน่”
หนานหนานโบกมือ “ไม่เป็นไรๆ” เขากล่าวจบ ก็เอนตัวไปกล่าวข้างหูของเย่หลานเฉิง “ข้ามีพระราชโองการ”
“พระราชโองการหรือ?”
หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง “เมื่อวานข้ากลับมาถึงเมืองหลวง เพียงมาถึงก็เข้าไปพบเสด็จปู่พร้อมท่านพ่อท่านแม่ทันที ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่จิ่นเฉิงย่วน จากนั้นองค์ชายสี่ก็บอกว่า ที่นี่ไม่สามารถเข้าออกได้ตามใจ หากอยากพบเจ้า อย่างดีที่สุดก็ควรขอพระราชโองการจากเสด็จปู่จะดีกว่า ดังนั้นเมื่อวานข้าทำให้เสด็จปู่มีความสุข เขาจึงมอบมันให้ข้า”
ทำให้เสด็จปู่มีความสุข…
มุมปากของโม่เสียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขากระตุก มีแต่เขาที่กล้ากล่าวเช่นนี้กระมัง
เย่หลานเฉิงเองก็วางใจแล้ว แต่สวีโหรวนั้นยังคงขมวดคิ้วแน่น ที่ได้ยินว่าหนานหนานกล่าวถึงองค์ชายหก
พวกเขาอยู่ในจิ่นเฉิงย่วนทำให้ไม่รู้ข่าวคราว ไม่รู้ว่าองค์ชายหกเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เหตุใดองค์ชายหกจึงบอกสิ่งเหล่านี้กับหนานหนาน ช่วยเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ หรือว่า… มีจุดประสงค์อื่น?
นางอยู่ในห้วงความคิด อวี้เป่าเอ๋อร์กลับดึงแขนเสื้อของหนานหนานอย่างกระวนกระวาย กล่าวเบาๆ “หนานหนาน เนื้อตัวหลานเฉิงยังสกปรกอยู่ ให้หลานเฉิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยมาพูดเรื่องอดีตกันดีหรือไม่”
หนานหนานเม้มปาก แต่ก็ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่มาก
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
องค์ชายสี่จะทำอะไรได้ หนานหนานเป็นซื่อจื่อขององค์ชายซิวผู้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้เชียวนะ
ไหหม่า(海馬)