อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 936 พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่
ตอนที่ 936 พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่
ตอนที่ 936 พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่
บนศีรษะของเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ทั้งสองคนกลายเป็นสีเขียวเปียกลื่นในทันใด ร่างเล็กๆ ทั้งคู่ยืนนั่งไม่ขยับไปไหนราวกับถูกฟ้าผ่า
ทุกคนในลานบ้านตกตะลึง แม้แต่ทหารยามที่ไม่วางใจและแอบตามเย่หลานเวยทั้งสองคนมาก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ลืมแม้กระทั่งจะปกปิดที่อยู่ตนเอง จ้องมองทางด้านนี้อย่างงุนงง
ถังน้ำในมือของหลิ่วเอ๋อร์ตกลงไปในบ่อน้ำดัง ‘ตูม’
รูม่านตาของสวีโหรวหดลง นางสูดหายใจลึก
สีหน้าของเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ฉายแววประหลาดใจพร้อมๆ กัน ทันใดนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล
คงจะมีเพียงโม่เสียนและเผิงอิงที่เตรียมใจไว้ไม่มากก็น้อยสำหรับสิ่งที่หนานหนานจะทำ จึงยังพอควบคุมตนเองได้อยู่
ราวกับว่าเวลาหยุดลงอย่างไรอย่างนั้น นอกจากหนานหนานที่กำลังเลิกคิ้วมองเย่หลานเวยทั้งสองคนด้วยแววตาถากถางแล้ว ทุกคนล้วนไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
“อ๊า… อวี้ฉิงหนาน!!” ผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องดังก้องขึ้นมาในลานบ้าน
สีหน้าของเย่หลานเวยพลันไม่สู้ดี รีบใช้แขนเสื้อเช็ดหน้า แต่แขนเสื้อก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแกง ยิ่งเช็ดหน้าเช็ดหัวก็ยิ่งมีสภาพเลวร้ายลง
เย่หลานหลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ร้องไห้จ้าออกมาเสียงดัง ‘แง้’
ใบหน้าของหนานหนานเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน เสี่ยวเฉิงเฉิงถูกพวกเขาราดน้ำแกงไปทั้งชามยังไม่ร้อง ทั้งยังไม่ส่งเสียง แต่พวกเขากลับโดนเพียงคราบอาหารบนใบหน้าเพียงนิดเดียวก็ลนลานจนกลายเป็นเช่นนี้ ไม่มีแม้กระทั่งความสง่างามแห่งลูกหลานราชวงศ์เลยแม้แต่น้อย เขาเกลียดชังพวกเขายิ่งนัก
เขาก็ถือว่าเจรจาก่อนใช้กำลังแล้วนะ ให้โอกาสของพวกเขาไปแล้วว่าให้พวกเขาได้ขอโทษเสี่ยวเฉิงเฉิง แต่เป็นพวกเขาเองที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ทำให้เขาต้องใช้กำลัง แล้วจะให้โทษใครล่ะ?
อีกอย่าง พวกเขายังถือว่าโชคดี หลิ่วเอ๋อร์ละเลยเสี่ยวเฉิงเฉิงและท่านน้าโหรว ในอาหารไม่ได้มีเนื้อสัตว์อันใดเลย มีเพียงผักสองสามอย่างเท่านั้น เมื่อเทียบกับเสี่ยวเฉิงเฉิงแล้ว สภาพย่ำแย่ของพวกเขามันจะเท่าไรกันเชียว
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด ปล่อยจานสองใบในมือลงพื้นจนแตกกระจายดังเพล้ง
เย่หลานเวยรู้สึกว่าน้ำแกงไหลเข้ามาในดวงตาแล้ว จึงใช้มือเช็ดอย่างแรง ทั้งแสบทั้งเจ็บ จากนั้นก็ร้องไห้ออกมา
“ฮือ… อวี้ฉิงหนาน ไอ้คนชั่ว ข้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อ ข้าจะฟ้องเสด็จปู่ ข้า… ฮือๆ…”
เขายิ่งพูดก็ยิ่งร้องดังขึ้น เขาเป็นถึงซื่อจื่อน้อยที่เป็นที่รักของคนมากมาย พวกเขาเคยถูกคนคว่ำจานอาหารใส่ศีรษะเสียเมื่อไหร่ เขาไม่เหลือแม้แต่หน้าตาและสถานะแล้ว ศักดิ์ศรีก็ไม่มีแล้ว ต่อไปจะมีหน้าที่ไหนไปสั่งการคนรับใช้เล่า
เย่หลานเวยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรม ยิ่งคิดยิ่งโกรธ เสียงร้องก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
หนานหนานอุดหู มุมปากกระตุก
“จะบอกว่าอะไรหรือ ข้าก็เพียงแค่ล้อเล่นกับพวกเจ้าอย่างไม่มีอันตรายใดเท่านั้น หากเจ้าร้องไห้ขี้มูกโป่งก็แล้วไปสิ ยังต้องไปฟ้องอีกหรือ เย่หลานเวย เจ้ามีความฉลาดบ้างหรือไม่?”
“ล้อเล่นหรือ นี่ถือเป็นเรื่องล้อเล่นหรือ?” เย่หลานเวยลนลาน ร้องออกมา “ฮือๆ… เจ้ารังแกข้าชัดๆ ยังมาบอกว่าล้อเล่นอีก ฮือๆ มีใครกันบ้างที่ล้อเล่นด้วยการคว่ำจานอาหารใส่หัวผู้อื่น”
หนานหนานเอียงคอ ส่งเสียงแปลกใจ “เมื่อครู่เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ เจ้าเทน้ำแกงใส่หัวเสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าบอกว่าเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น ข้าเองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้า ข้าเองก็เพียงแสดงถึงมิตรภาพพี่น้องของเรา จึงใช้วิธีเดียวกับเจ้ามาล้อเจ้าเล่น ทำผิดตรงไหนกันเล่า?”
โม่เสียนและเผิงอิงทั้งสองคนก้มหน้าลงหัวเราะ
หลิ่วเอ๋อร์เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ขาสองข้างก็เริ่มอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว เช่นนั้นแล้ว คนผู้นี้ คนผู้นี้… ก็เป็นพระราชนัดดา เป็นซื่อจื่อเช่นกัน อีกทั้งยังเป็น… พระราชนัดดาที่แม้แต่เย่หลานเวยซื่อจื่อทั้งสองท่านยังไม่สามารถกระทำอันใดได้ด้วย
เย่หลานเวยอึ้งไป ชั่วขณะนั้นจะเถียงก็ไม่ได้ จะไม่เถียงก็ไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้ยังรู้สึกว่าตนได้ขุดหลุมลึกไว้ฝังตนเองเสียแล้ว
ในใจของเขายิ่งโมโหมากขึ้น ร้องไห้ ‘แง’ ออกมาเสียงดังยิ่งกว่าเก่า “ข้าไม่สนๆ เจ้ารังแกข้า เจ้ารังแกข้า…”
เย่หลานหลี่ผงะ เห็นเขาร้องไห้จนเป็นเช่นนี้ ก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาตามไปด้วย
หนานหนานกะพริบตา จากนั้นก็หันหน้ากลับมา กล่าวกับเย่หลานเฉิงเสียงดัง “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าก็ร้องไห้เสียหน่อย”
เย่หลานเฉิงสีหน้าทะมึน ถูกเขากล่าวเช่นนี้ เขาจะร้องไห้ออกได้อย่างไร
เขาเดินมาข้างกายหนานหนานเงียบๆ กระแอมเบาๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำ “จะร้องไห้อย่างไรเล่า”
เขาไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจอย่างเย่หลานเวย และไม่ใช่คนขี้ขลาดอ่อนแออย่างเย่หลานหลี่ ต่อให้ถูกคนวางยาหรือรังแก เขาก็ไม่มีทางหลั่งน้ำตา
เขาอายุยังน้อย แต่ก็เข้าใจอย่างดี ว่าการร้องไห้นั้นไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ทั้งนั้น
หนานหนานเห็นท่าทางเขาเช่นนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่เย่หลานเวยทั้งสองคนนั้นร้องไห้เสียงบาดหูเกินไปแล้ว หากเย่หลานเฉิงไม่ร้องเพื่อให้สมดุลกัน เขาก็กังวลว่าจะใจร้อนเย็บปากพวกเขาทั้งสองคนเสีย
เย่หลานเฉิงเห็นใบหน้าเป็นกังวลและลำบากใจของเขาก็หัวเราะออกมา ทันใดนั้นก็ค่อยๆ ส่งเสียงดังขึ้น “หนานหนาน จริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ล้อเล่นอย่างอื่นกับข้าเหมือนกัน เจ้าให้ข้าเล่นแบบนั้นกับพวกเขาบ้างดีไหม?”
“!!” เสียงร้องของเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่หยุดลงทันที เบิกตากว้างจ้องมองเย่หลานเฉิงอย่างดุร้าย
หนานหนานเบิกตา แอบยกนิ้วให้เย่หลานเฉิง เสี่ยวเฉิงเฉิงเก่งจริงๆ เพียงประโยคเดียวก็ทำให้พวกเขาหยุดร้องไห้ได้
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปอย่างครุ่นคิด เริ่มมองทั้งสองคนอย่างพิจารณา
เย่หลานเวยถอยเท้าก้าวหนึ่งทันที คิดถึงเรื่องที่ตนกระทำกับเย่หลานเฉิงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หากว่า หากว่าเขากล่าวออกมาหมด หากอวี้ฉิงหนานแก้แค้นพวกเขาตามที่เขาบอกทั้งหมดเล่า? เช่นนั้น เช่นนั้นพวกเขาจะต้องแย่แน่ๆ
ด้วยนิสัยของอวี้ฉิงหนานแล้ว เขาจะต้องทำเป็นแน่ เพียงดูจากเมื่อครู่ที่เขาคว่ำจานอาหารใส่ศีรษะพวกตนแบบไวปานฟ้าแลบก็รู้แล้ว
เย่หลานเวยและเย่หลานหลี่สบตากันแล้วกลืนน้ำลายพร้อมกัน เริ่มกล่าวโผงผางเสียงดัง “ไม่มี ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
หนานหนานรู้สึกว่าเขาช่างโง่เขลายิ่ง การกล่าวเช่นนี้ก็คือการเปิดเผยเรื่องที่ตนอยากปกปิดเองไม่ใช่หรอกหรือ?
เหล่าทหารยามที่คอยดูสถานการณ์อยู่ไม่ไกลก็เริ่มกังวลขึ้นมา เมื่อครู่พวกเขาห้ามไว้ไม่ได้ จึงเกิด ‘เรื่องใหญ่’ เช่นนี้ขึ้น หากซื่อจื่อทั้งสองคนเกิดเรื่องอันใด เช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่เหลือชีวิตกลับไปรายงานองค์ชายสี่เป็นแน่ ทำอย่างไรดี
กลุ่มคนเริ่มหมุนตัวไปมาอย่างกระวนกระวาย เหงื่อเย็นไหลอยู่บนหน้าผาก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่หลานเฉิงกล่าว ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
ส่วนหนานหนานก็ใช้มือเท้าคางครุ่นคิดอย่างหนัก เหมือนกับว่าต้องการจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ทว่าในตอนที่ทุกคนกำลังสังเกตท่าทางของหนานหนาน รวมไปจนถึงปากของเย่หลานเฉิงอย่างระมัดระวัง ไม่ไกลนักก็มีเสียงอันโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมา “พวกเจ้ามาทำอะไรกันตรงนี้?”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น แววตาของทุกคนก็หัน ‘ขวับ’ ไปมองที่ร่างของคนผู้นั้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นแล้วสิ คนที่มาใหม่จะเป็นใครมาทำอะไรกันนะ?
ไหหม่า(海馬)