อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 937 หากรู้แต่แรกก็ไม่ควรทำ
ตอนที่ 937 หากรู้แต่แรกก็ไม่ควรทำ
ตอนที่ 937 หากรู้แต่แรกก็ไม่ควรทำ
กลุ่มทหารยามนั้นทั้งตกใจทั้งดีใจ ทั้งกลัวว่าตนจะถูกลงโทษเพราะทำงานไม่ราบรื่น และโล่งใจยามคิดว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้พัฒนาไปในทางที่เลวร้าย
หลิ่วเอ๋อร์มองผู้มาเยือนด้วยความปีติยินดีเสียจนแทบร้องไห้ออกมา
เย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ยิ่งร้องไห้ดังขึ้น วิ่งตรงไปหาชายคนนั้นแล้วกอดขาซ้ายขวาของเขา คนหนึ่งร้องว่า “ท่านลุงสี่” อีกคนร้องเรียก “ท่านพ่อ”
คงจะมีเพียงสวีโหรวเท่านั้นที่หน้าซีดลงทันใด ลุกขึ้นมาจากแท่นหินที่พื้น เม้มปากแน่น มองไปทางหนานหนานและเย่หลานเฉิงอย่างเป็นกังวลมาก
สีหน้าองค์ชายสี่โกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นบุตรของตนเองและเย่หลานเวยมีแต่คราบน้ำแกงและผักปกคลุมศีรษะในสภาพย่ำแย่ ก็แสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมา
เย่หลานเวยถือโอกาสนี้ฟ้องในทันที สะอื้นไห้และเล่าเรื่องที่หนานหนานคว้าแขนพวกเขาลากมาที่นี่อย่างไร และบังคับให้เขาและเย่หลานหลี่ขอโทษเย่หลานเฉิงอย่างไร ทั้งยังข่มขู่พวกเขา และวิ่งเข้าไปในห้องก่อนนำจานอาหารมาคว่ำราดใส่ศีรษะของพวกเขาอย่างไร โดยเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
องค์ชายสี่ยิ่งฟังก็ยิ่งมีสีหน้าเย็นชา
ผ่านไปครู่ใหญ่ แววตาที่จ้องมองหนานหนานก็เหมือนจะกินกบาลอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นก็เดินมาทางเย่หลานเฉิงทีละก้าวๆ
“อวี้ฉิงหนาน เจ้าจะทำอะไรไม่สนกฎเกณฑ์เช่นไรก็ควรมีขอบเขตเสียบ้าง อย่าคิดว่าเสด็จพ่อโปรดปรานเจ้า แล้วเจ้าจะทำตนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงได้นะ”
เมื่อเห็นท่าทางดุร้ายเช่นนั้นของเขา เผิงอิงและโม่เสียนก็ตกใจ พากันเดินหน้าไปสองสามก้าว ขวางตรงหน้าหนานหนานไว้ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์ สวีโหรวเองก็รีบก้าวมาข้างหน้า ขณะเดียวกันก็ดึงตัวหนานหนานและเย่หลานเฉิงมาไว้ข้างหลัง
“คารวะองค์ชายสี่” โม่เสียนและเผิงอิงประกบมือคำนับพร้อมกัน ถือว่าคารวะองค์ชายสี่
องค์ชายสี่ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินเข้าไปใกล้ตรงหน้าหนานหนานมากขึ้น “อวี้ฉิงหนาน ขอโทษเวยเอ๋อร์และหลี่เอ๋อร์เสีย จากนั้นก็ไปรับโทษเสียด้วย”
หนานหนานตะลึง องค์ชายสี่ผู้นี้ป่วยหรืออย่างไร?
“ทำไมข้าต้องทำด้วย?”
“ก็เพราะเจ้ากระทำการอุกอาจ เทอาหารรดศีรษะของเวยเอ๋อร์และหลี่เอ๋อร์อย่างไรเล่า”
หนานหนานสีหน้าไม่แยแส “องค์ชายสี่พูดจาตลกเสียจริง อย่างแรก คนที่กระทำการอุกอาจในจิ่นเฉิงย่วนคือเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ ข้าเข้ามาก็เพราะได้รับพระราชโองการจากเสด็จปู่ เทียบกับพวกเขาแล้ว ดูเหมือนข้าจะเข้ามาที่นี่อย่างชอบธรรมมากกว่าพวกเขากระมัง หากเสด็จปู่รู้ว่าพวกเขาไม่เพียงแต่เข้ามาในจิ่นเฉิงย่วนเป็นการส่วนตัว ทั้งยังรังแกเสี่ยวเฉิงเฉิง พวกเขาต่างหากที่ต้องรอการลงโทษและจับเข้าคุก”
องค์ชายสี่เปลี่ยนสีหน้าไป ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่ออกนอกเมืองไปครั้งเดียวก็ยิ่งช่างเจรจายิ่งกว่าเดิม
แต่ในใจเขาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจนัก ถึงอย่างไรพวกเย่หลานเวยทั้งสองคนเข้ามาในจิ่นเฉิงย่วนนี้ก็ถือว่าไม่ถูกกฎเช่นกัน
แต่เจ้าเด็กนี่กลับได้รับพระราชโองการจากเสด็จพ่อ พระทัยของเสด็จพ่อช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว บางทีเขาอาจจะรับคำพูดเหล่านั้นของน้องเจ็ดไว้พิจารณาก็เป็นได้
หนานหนานเห็นว่าเขาไม่พูดอันใดก็ส่งเสียงฮึดฮัด กล่าวต่อ “ข้อสอง เป็นเย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ทั้งสองคนที่เทน้ำแกงราดใส่หัวของเสี่ยวเฉิงเฉิงก่อน สุดท้ายพวกเขากลับบอกว่าเป็นเพียงการล้อเล่นเท่านั้น ข้าเลยคิดว่า ข้าก็จะเล่นกับพวกเขาเช่นเดียวกันบ้าง ก็น่าจะไม่เป็นอะไร ไม่ใช่หรือขอรับ”
ขณะกล่าวก็ดึงเย่หลานเฉิงมาข้างหน้า แสดงตัวเขาต่อหน้าองค์ชายสี่
น้ำมันเยิ้มตามศีรษะและร่างกายของเย่หลานเฉิงเริ่มจับตัวเป็นก้อน ดูแล้วย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเย่หลานเวยทั้งสองคนนั้นเสียอีก นอกจากนี้เขายังเม้มริมฝีปาก สีหน้าราวกับว่ายอมรับความไม่เป็นธรรม ยิ่งทำให้คนเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
ทันใดนั้นองค์ชายสี่ก็พูดไม่ออก ทำได้เพียงจ้องมองหนานหนานอย่างดุดัน
ตอนนั้นเองสวีโหรว อวี้เป่าเอ๋อร์และคนอื่นๆ จึงเข้าใจว่าเหตุใดหนานหนานจึงไม่ให้เย่หลานเฉิงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เพราะจะรอภาพเหตุการณ์นี้อยู่นี่เอง
“อีกอย่าง” หนานหนานกล่าวต่อ ทันใดนั้นก็ชี้ไปยังหลิ่วเอ๋อร์ที่กำลังจ้องมองสถานการณ์อยู่ไม่ไกล กล่าวขึ้น “สาวใช้คนนั้นก็ทำความผิดร้ายแรง ไม่เคารพเสี่ยวเฉิงเฉิง ถึงแม้บิดาของเสี่ยวเฉิงเฉิงจะถูกเสด็จปู่ปลดจากตำแหน่งรัชทายาท แต่เสี่ยวเฉิงเฉิงก็ยังเป็นพระราชนัดดา เป็นครอบครัวราชวงศ์ ไม่ควรถูกคนรับใช้รังแกเช่นนี้ ข้าลงโทษนาง องค์ชายสี่คงไม่ขัดข้องกระมัง”
“เจ้ามีสิทธิ์อันใด…”
“แน่นอนขอรับ” หนานหนานกล่าวขัดเขา “หากองค์ชายสี่ขัดข้อง เช่นนั้นข้าก็จะไปทูลเสด็จปู่ ข้าคิดว่าเสด็จปู่น่าจะอยากรู้ว่าเหตุใดสาวใช้คนหนึ่งจึงกล้าขัดขืนต่อต้านเจ้านาย เหตุใดเย่หลานเวยทั้งสองคนจึงสามารถเข้าออกจิ่นเฉิงย่วนได้ตามใจ เสด็จปู่น่าจะอยากรู้เป็นอย่างมากทีเดียว”
องค์ชายสี่สำลักเสียจนไม่สามารถกล่าวออกมาได้แม้แต่คำเดียว เขาย่อมฟังความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนี้ออก
ความหมายเมื่อครู่ของเขา ก็คือขอเพียงลงโทษหลิ่วเอ๋อร์ ขอเพียงวันนี้ไม่สอบสวนเหตุการณ์ที่เย่หลานเวยทั้งสองคนถูกคว่ำอาหารใส่ศีรษะ เขาก็จะไม่บอกเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?
คิดถึงตรงนี้ องค์ชายสี่ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา แม้เขาจะไม่ฉลาดนัก แต่ก็รู้ว่าเรื่องในวันนี้หากทำเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คนที่ผิดจริงๆ ก็จะเป็นพวกเขา
อีกอย่างตอนนี้น้องห้ากลับมาแล้ว มีอิทธิพลแข็งแกร่ง เสด็จพ่อเองก็แสดงออกชัดเจนว่าโปรดปรานน้องห้าและหนานหนาน
ประโยคเดียวของเจ้าเด็กนี่ เทียบได้กับสิบประโยคจากพวกเขาพี่น้อง หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ คนที่เสียเปรียบก็คือพวกเขา
หากเสด็จพ่อทรงพิโรธจนต้องการสืบสวนเรื่องราวในจิ่นเฉิงย่วน ก็เกรงว่าเขาจะมีความผิดมากที่สุด
คิดถึงตรงนี้ องค์ชายสี่ก็เปลี่ยนท่าทางให้สงบลง
โม่เสียนและเผิงอิงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเขามาโดยตลอด เมื่อเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ
พวกเขายังกังวลอยู่ว่าองค์ชายสี่จะใจร้อนทำร้ายหนานหนานและคนอื่นๆ
องค์ชายสี่กระแอมครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงทุ้ม “หากเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ หลิ่วเอ๋อร์ก็เป็นบ่าวชั่วจริง เช่นนั้นการลงโทษนางก็ไม่ถือว่าทำเกินไป ต่อให้ตาย ก็คงไม่มีใครกล้าว่าอะไร”
เดิมทีหลิ่วเอ๋อร์มีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็หน้าซีด ขาสองข้างอ่อนแรง คุกเข่าลงไปกับพื้น ใบหน้าซีดอย่างสิ้นหวัง
จากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆ นางก็ตอบสนอง คุกเข่าคลานไปตรงขาองค์ชายสี่ สองมือจับชายชุดของเขาไว้แน่น ร้องไห้พลางกล่าว “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อย ข้าน้อยเปล่า ข้าน้อยถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ”
องค์ชายสี่เตะนางไปด้านข้างครั้งหนึ่ง หัวเราะเย้ยหยัน “เจ้าทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้ จะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร ข้าให้เจ้าดูแลพี่สะใภ้รองและเฉิงซื่อจื่ออย่างดี เจ้ากลับลอบทำผิดคำสั่ง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี มา จับนางไปเสีย โบยนางยี่สิบครั้งค่อยว่ากัน”
หลิ่วเอ๋อร์ตกตะลึง นางคิดไม่ถึงว่าองค์ชายสี่ผู้ยิ่งใหญ่จะกลัวเด็กคนหนึ่ง
เมื่อเห็นทหารยามที่อยู่ไม่ไกลเดินมาจะลากนางไป หลิ่วเอ๋อร์ก็รีบหมุนตัวมาคำนับหนานหนานดังตุ้บๆๆ “นายน้อย นายน้อยท่านนี้ โปรดเมตตาข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าน้อยสำนึกผิดแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ”
หนานหนานไม่อยากสนใจนาง หากนางสำนึกผิดจริง เมื่อครู่ก็คงยอมตักน้ำอย่างรู้จักสถานะตน ไม่ใช่หวังให้องค์ชายสี่มาเพื่อช่วยนาง อย่าคิดว่าเมื่อครู่เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับเย่หลานเวยทั้งสองคนแล้วจะไม่รู้ว่านางแอบอู้นะ เฮอะ
โม่เสียนขวางอยู่ตรงหน้าหลิ่วเอ๋อร์ เพื่อไม่ให้นางมาโดนหนานหนาน ส่งเสียงฮึดฮัด “หากรู้แต่แรกก็ไม่ควรทำ”
กล่าวเสร็จ ทางด้านนั้นก็มีทหารยามวิ่งมาแล้วลากตัวหลิ่วเอ๋อร์ไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พวกเจ้านายถึงเวลาจวนตัวก็โยนความผิดมาให้คนรับใช้หมดแหละ รู้ไว้เสียด้วย จะหวังให้เขาช่วยตัวเองอีกเหรอ
ไหหม่า(海馬)