อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 938 ต้องพาเขาไป
ตอนที่ 938 ต้องพาเขาไป
ตอนที่ 938 ต้องพาเขาไป
หลิ่วเอ๋อร์ขัดขืนอย่างสุดกำลัง แต่จะสู้กำลังของพวกเขาได้อย่างไร ไม่นานนักก็มีเสียงไม้ฟาดโบยลงบนร่างกายดังอยู่ไม่ไกลนัก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหลิ่วเอ๋อร์
องค์ชายสี่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา ก้มหน้าลงมองสภาพย่ำแย่ของเด็กทั้งสองคนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นความโกรธเกรี้ยวในใจเอาไว้
จากนั้นก็ลดเสียงลงแล้วกล่าวช้าๆ “ในเมื่อเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นกัน เช่นนั้นเรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถิด หลานเวยและหลานหลี่เองก็คงคิดว่าหลานเฉิงอยู่ที่นี่คนเดียวคงจะเบื่อ เลยมาอยู่เป็นสหายเขาเท่านั้น เอาล่ะ เรื่องเล็กเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ให้คนเขารู้กันหมดจนเสด็จพ่อต้องปวดหัวหรอก เด็กสามคนนี้ล้วนเนื้อตัวสกปรกกันไปหมดแล้ว รีบไปล้างตัวเสียเถิด”
เพียงเขากล่าวออกไปเช่นนี้ ใบหน้าของหนานหนานก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม คนผู้นี้หน้าด้านเกินไปแล้ว
ไม่แปลกเลยที่เมื่อมีลูกออกมาก็ไร้ยางอายเช่นกัน
เย่หลานเวยและเย่หลานหลี่ทั้งสองคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น ท่านลุงสี่มาที่นี่เพื่อตัดสินเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ? มาเพื่อระบายอารมณ์แทนพวกเขาไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงพูดจาดีเช่นนี้
ทั้งสองคนไม่พอใจในทันที “ไม่สิ ท่านลุงสี่ ไม่ได้ล้อเล่นนะขอรับ อวี้ฉิงหนานรังแกพวกข้า ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อขอรับ”
สีหน้าขององค์ชายสี่เคร่งเครียดขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นเด็กสองคนที่ร้องตะโกนอยู่ก็ปวดหัวขึ้นมา ทันใดนั้นก็ตำหนิออกมา “หุบปาก พวกเจ้ายังมีเหตุผลอยู่หรือไม่ หากยังพูดอันใดอีก จะต้องถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน”
ทั้งสองคนตะลึงไป เย่หลานหลี่สะอื้น ไม่กล้ากล่าวอันใด
เย่หลานเวยกลับจ้องมององค์ชายสี่โดยความโกรธเกรี้ยว ถึงแม้ตอนนี้จะไม่กล้าเอ่ยปาก แต่หากกลับไปพบท่านพ่อของตนแล้วจะต้องบอกเขาเรื่องนี้เป็นแน่
องค์ชายสี่เห็นว่าพวกเขาเงียบแล้วก็ลอบถอนหายใจ หันกลับมากล่าวกับหนานหนาน “นี่เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว เจ้าเองก็เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง รีบกลับไปพักผ่อนเถิด จะได้ให้หลานเฉิงไปล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”
หนานหนานเบะปาก เงยหน้าแล้วกล่าว “ข้าอยากพาเสี่ยวเฉิงเฉิงออกไปเดินเล่น คงไม่มีปัญหากระมังขอรับ”
องค์ชายสี่ขมวดคิ้ว “ออกไปเดินเล่นหรือ?”
“เสด็จปู่บอกว่าขอเพียงบอกท่านไว้เป็นใช้ได้แล้วขอรับ”
องค์ชายสี่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว นิ้วสั่นกระตุก แต่ทันใดนั้นก็เหมือนคิดอันใดออก แล้วหัวเราะออกมา “เจ้าอยากพาเขาออกไปเดินเล่นก็ย่อมได้ ทว่า… เจ้าเองก็รู้ว่าตอนนี้สถานะของหลานเฉิงนั้นอ่อนไหวเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาออกไปจากจิ่นเฉิงย่วน ก็ย่อมต้องมีทหารยามตามติดไปด้วยจึงจะใช้ได้”
หนานหนานขมวดคิ้วแน่น รอยยิ้มขององค์ชายสี่สดใสขึ้นมาในทันที
เย่หลานเฉิงดึงแขนเสื้อของหนานหนาน กล่าวเบาๆ “หนานหนาน หากข้าออกไปจะยุ่งยากมากนะ…”
เขายังไม่ทันจะกล่าวจบ ก็ถูกสวีโหรวผลักเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นไปสบตากับท่านแม่ของตน สวีโหรวส่ายหน้าให้เขา
จากนั้นเย่หลานเฉิงจึงเม้มปาก แล้วปิดปากสนิท
หนานหนานไม่เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เพียงแต่ก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่คนเดียว คิดอยู่นานก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าว “ไม่เป็นไรขอรับ จะตามก็ให้ตามไปเถิด”
องค์ชายสี่อึ้งไป ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพยักหน้าอย่างยากจะคาดเดา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไปเตรียมทหารยามให้ตามพวกเจ้าไป”
กล่าวจบก็ไม่มองหนานหนานอีกแม้แต่แวบเดียว นำเด็กทั้งสองคนที่ยังคงไม่พอใจอย่างมากจากไป
หนานหนานหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็กล่าวเสียงดัง “รอเดี๋ยวขอรับ”
องค์ชายสี่หยุดฝีเท้า จากนั้นก็ได้ยินเสียงคมชัดของหนานหนาน “สาวใช้คนนั้นเป็นเช่นนั้นไปแล้ว คงใช้งานไม่ได้แล้วขอรับ ท่านช่วยหาคนที่เชื่อฟังเสียหน่อยมาอีกสักครั้งเพื่อคอยรับใช้พวกเสี่ยวเฉิงเฉิงเถิดขอรับ โปรดจำไว้นะขอรับ ต้องเป็นคนที่เชื่อฟังหน่อย”
องค์ชายสี่สูดหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้า สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป
จากนั้นหนานหนานก็จับมือของเย่หลานเฉิงอย่างมีความสุข กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เจ้ารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด เราจะได้รีบออกไปจากที่นี่ทันที”
เย่หลานเฉิงฝืนยิ้มออกมา ไม่ได้สนใจอันใดมากนัก แต่ก็ยังคงตามเขาเข้าไปในบ้านอย่างว่าง่าย
โม่เสียนเป็นคนตักน้ำมาให้ แม่นมจินที่หลิ่วเอ๋อร์กล่าวถึงก่อนหน้านี้กลับมาได้สักพักแล้ว คอยดูอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด มองเห็นเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบอย่างชัดเจน เดิมทีนางเองก็ละเลยสวีโหรวและเย่หลานเฉิง แต่ไม่เคยล้ำเส้นเหมือนเช่นหลิ่วเอ๋อร์ เพียงแต่หลับตาข้างเดียวกับการที่หลิ่วเอ๋อร์รังแกสวีโหรวและเย่หลานเฉิงเท่านั้น
ตอนนี้จึงดูเอาใจใส่ขึ้นมาเล็กน้อย เห็นว่าโม่เสียนตักน้ำมาแล้วก็รีบนำน้ำไปต้มอย่างประจบสอพลอ
โม่เสียนแค่นหัวเราะ แต่ไม่สนใจอันใดมากนัก ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร คนที่องค์ชายสี่จัดหามานั้นก็ไม่มีทางขยันขันแข็งหรือให้ความเคารพเป็นแน่ หากคิดอยากให้พวกเขารับใช้อย่างเอาการเอางานคงเป็นไปไม่ได้
แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์วันนี้ไปแล้ว เขาก็คิดว่าคนรับใช้เหล่านี้คงจะว่านอนสอนง่ายขึ้นมาบ้าง
รอจนกระทั่งต้มน้ำเสร็จแล้ว แม่นมจินก็คิดจะคอยรับใช้อาบน้ำให้เย่หลานเฉิง แต่ก็ถูกสวีโหรวขวางเอาไว้ “ข้าทำเองเป็นใช้ได้แล้ว”
นางกล่าว จากนั้นก็เข้าไปในห้องอาบน้ำพร้อมกับเย่หลานเฉิง ครั้นมองดูท่าทางย่ำแย่ของบุตรชายตน สวีโหรวก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
จนกระทั่งเย่หลานเฉิงจับมือของนาง ปลอบนางเบาๆ “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ เรื่องนี้ต้องขอบคุณหนานหนาน”
“อืม” สวีโหรวเช็ดตัวให้เขา พยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากออกไปจากที่นี่ หากข้าออกไป ท่านก็อยู่คนเดียว อีกอย่าง… ด้านหลังยังมีทหารยามตามไปมากมายเพียงนั้น จะทำให้หนานหนานต้องถูกหัวเราะเยาะไปด้วยขอรับ”
สวีโหรวนิ่งอึ้ง การเคลื่อนไหวในมือหยุดชะงัก เงียบไปครู่ใหญ่แล้วค่อยๆ เอ่ยปาก “เฉิงเอ๋อร์ สภาพของแม่ในตอนนี้นับว่าดีที่สุดแล้ว แม่ช่วยอันใดเจ้าไม่ได้ ทำให้เจ้าต้องมาลำบากกับแม่ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว เจ้าจะไม่ออกไปได้อย่างไร เฉิงเอ๋อร์ หากเจ้าอยู่ในจิ่นเฉิงย่วน ทั้งชีวิตของเจ้าจะถูกทำลาย ต้องออกไปเท่านั้นจึงจะหาโอกาสยืนขึ้นใหม่ได้ รอเจ้าโตกว่านี้เสียก่อน เราก็จะไม่ถูกรังแกอีก เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
“ส่วนหนานหนานนั้น เจ้าน่ะ จะไม่เข้าใจได้อย่างไร เจ้าหวังดีกับเขา เขาเองก็หวังดีกับเจ้าเช่นกัน เขาพาเจ้าออกไปจากจิ่นเฉิงย่วน ก็เพราะกำลังหาโอกาสให้เจ้าได้มีโอกาสโดดเด่นขึ้นมาบ้าง เจ้ามีสหายที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะทำให้ความหวังดีของเขาสูญเปล่าได้หรือ ทหารยามเหล่านั้นมีค่าอันใดในสายตาหนานหนานกัน เขากลับมาหาเจ้าที่จิ่นเฉิงย่วน คิดอยากจะพาเจ้าออกไป เช่นนั้นก็ย่อมรู้ว่าหากเจ้าออกไปจะต้องมีทหารยาม ต่อให้เขารู้แล้วก็ยังไม่สนใจ เจ้าจะมัดมือมัดเท้าตนเองอยู่ทำไมเล่า”
เย่หลานเฉิงตะลึง นึกถึงนิสัยของหนานหนานก็เงียบไปนาน
สวีโหรวเห็นท่าทางเช่นนั้นของเขาก็ยิ้มออกมา ไม่กล่าวอันใดอีก จนกระทั่งเขาเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมแล้วก็เอ่ยสั่งประโยคหนึ่ง “หากพบท่านน้าชิงของเจ้าแล้ว ก็ทักทายนางแทนแม่ด้วยนะ”
“ขอรับ” เย่หลานเฉิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ท่านแม่ ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี ข้าจะรีบกลับมานะขอรับ”
สวีโหรวพาเขาออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็เห็นหนานหนานนั่งอยู่บนเก้าอี้ ขยับกระเป๋าของตนไปมาอย่างเบื่อหน่าย
เมื่อเห็นพวกเขาออกมา แววตาก็เป็นประกาย รีบรุดเข้าไปหา “เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าเอาของมาให้เจ้า ทุกอย่างนี้ล้วนมอบให้เจ้ากับท่านน้าโหรวไว้กิน เจ้ารับไว้เถิด”
เขายื่นกล่องอาหารแบบเดียวกับที่ให้อวี้เป่าเอ๋อร์ถือมายื่นให้เขา แววตาที่เย่หลานเฉิงมองหนานหนานนั้นส่งประกายแวววาว
หนานหนานกลับไม่ให้เวลาเขาได้อ่อนไหว บอกลาสวีโหรว ดึงเขาออกไปด้านนอก
ทว่าจนกระทั่งกลุ่มคนเดินมาถึงประตูจิ่นเฉิงย่วนและเห็นทหารยามที่องค์ชายสี่จัดหามาให้ ทุกคนก็ล้วนตะลึงงันไป
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ออกไปมีอิสระเถอะ จะได้หากำลังมาช่วยท่านแม่ออกไป
ไหหม่า(海馬)