อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 941 วัวหายล้อมคอก สายไปแล้ว
ตอนที่ 941 วัวหายล้อมคอก สายไปแล้ว
ตอนที่ 941 วัวหายล้อมคอก สายไปแล้ว
หนานหนานเห็นผู้มาเยือน แววตาก็เป็นประกาย “ท่านพี่ผิง เป็นท่านเองหรือ”
เย่หลานผิงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว มองไปทางหนานหนานพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนานนะ เจ้ายังเหมือนเมื่อก่อนเลย” ทำท่าทางโอ้อวด ไม่เกรงกลัวที่จะดึงดูดศัตรู
เขากล่าวจบก็มองไปยังเย่หลานเฉิง “หลานเฉิง เจ้าสบายดีนะ”
จะว่าไป ถึงแม้พวกเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่กลับแทบไม่ได้เจอกันเลย เมื่อก่อนเขาเป็นหลานชายของซูเฟย สามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ ถึงแม้เย่หลานเฉิงจะเป็นหลานชายของฮองเฮา แต่เป็นเพราะฮองเฮาไม่เป็นที่โปรดปรานจึงถูกลืมและต้องไปอยู่ที่ซอกหลืบของวังหลวง
เป็นเพราะหนานหนานที่เป็นคนกลางเท่านั้น ที่ทำให้ทั้งสองคนดูคุ้นเคยกันขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เย่หลานเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้า “พี่ใหญ่”
ยังมีเพื่อนเล่นอีกสองสามคนอยู่ข้างกายเย่หลานผิง ที่ถือว่าคุ้นเคยกับหนานหนานอยู่บ้าง บิดาของพวกเขาล้วนเป็นขุนนางในราชสำนัก อายุของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว รู้ถึงสถานการณ์ในราชสำนักอยู่บ้าง ตอนนี้ยิ่งมีแนวโน้มว่าท่านอ๋องซิวกลับมาแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะเป็นฮ่องเต้คนต่อไป
ดังนั้นพวกเขาก็ย่อมต้องเอาใจกับหนานหนาน และยืนอยู่ข้างเดียวกันเป็นธรรมดา
คนหนึ่งที่ยืนข้างกายเย่หลานผิงก็เตะหัวหน้าทหารยามผู้นั้นครั้งหนึ่ง หลังจากเย่หลานผิงสบตาส่งสัญญาณ “ไอ้พวกรนหาที่ตาย เฉิงซื่อจื่อเป็นคนที่พวกเจ้าจะรังแกได้ตามใจหรือ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูฝ่าบาท พวกเจ้าอย่าหวังจะยังมีหัวอยู่บนบ่าเลย ไปเสียให้พ้น”
หัวหน้าหน่วยทหารคนนั้นผงะไป เมื่อเห็นเย่หลานผิงมองพวกเขาอย่างเย็นชาก็สั่นสะท้านในใจ รีบก้มหน้าแล้วกล่าว “ผิงซื่อจื่อ ข้าน้อย ข้าน้อยก็เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นขอรับ”
“ทำตามคำสั่งของใครหรือ?”
“ทำ ทำตาม…” หากบอกว่าเป็นคำสั่งของเย่หลานเฉิงคงไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากบอกว่าเป็นคำสั่งขององค์ชายสี่ เช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับในสิ่งที่หนานหนานกล่าวเมื่อครู่ ว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากองค์ชายสี่มาให้คอยจับตาดูเย่หลานเฉิงไม่ใช่หรือ
สุดท้ายแล้วเขาก็กัดฟัน ทำได้เพียงกล่าวอย่างไร้ยางอาย “ฝ่าบาทมีราชโองการ หากเฉิงซื่อจื่อจะออกจากจิ่นเฉิงย่วน จะต้องมีทหารยามตามมาขอรับ”
“เช่นนั้นเสด็จปู่บอกหรือไม่ ว่าต้องมีทหารยามกี่คนตามมา?”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นเหงื่อชุ่มตามศีรษะ ไหนบอกว่าเย่หลานผิงผู้นี้เป็นจอมบงการที่ไม่สนกฎเกณฑ์และไม่ฉลาดไม่ใช่หรือ เหตุใดกับเรื่องเช่นนี้กลับรู้ดีเสียได้ ขนาดอ้างพ่ระนามของฝ่าบาทมาแล้ว เขาก็ยังไม่คิดจะถอยเลยแม้แต่น้อย
“ว่ามาสิ เสด็จปู่ได้บอกหรือไม่ ว่าต้องให้ทหารยามกี่คนติดตามมา?” เย่หลานผิงถามอีกครั้ง
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นทำได้เพียงส่ายหน้า
เย่หลานผิงตะคอกอย่างเย็นชา “ในเมื่อไม่ได้กล่าว เช่นนั้นพวกเจ้ายังกล้าอ้างพระนามของเสด็จปู่มาสร้างเรื่องอีก เสด็จปู่ทรงเกลียดชังคนที่อ้างนามพระองค์มารังแกผู้อื่น สร้างปัญหาให้ประชาชนนัก พวกเจ้ากลับแห่กันมาถึงสามสิบคน ไม่ใช่ว่าแอบต่อต้านราชโองการของเสด็จปู่หรอกหรือ หนานหนานและหลานเฉิงนั่งดื่มชาอยู่ที่ร้านน้ำชา ส่วนพวกเจ้ากลับกล้าอยู่ที่นี่เพื่อไล่ลูกค้าคนอื่นออกไป พวกเจ้ายังบอกว่าทำตามคำสั่งอีกหรือ”
หนานหนานเชิดคางขึ้น ขยิบตาให้เย่หลานผิง ทั้งสองคนสบสายตาอย่างรู้กัน
ศีรษะของหัวหน้าหน่วยผู้นั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ ต้องการจะตอบโต้ด้วยการกล่าวอะไรบางอย่าง เย่หลานผิงกลับเอ่ยออกมาอีกครั้ง “แต่ข้าเองก็เข้าใจ พวกเจ้าล้วนเป็นคนของท่านลุงสี่ ท่านลุงสี่ให้พวกเจ้าติดตามหลานเฉิง พวกเจ้าก็เพียงแต่ทำตามคำสั่ง ข้าไม่ติดใจอันใดเรื่องนี้แล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะไปพูดคุยกับท่านลุงสี่ให้รู้เรื่อง ท่านลุงสี่น่าจะเข้าใจ อย่างไรเขาก็ไม่ควรทำให้เสด็จปู่ที่รักและห่วงใยประชาชนต้องผิดหวังอยู่แล้ว”
คำพูดนั้นเหมือนจะแสดงว่าช่วยให้หัวหน้าหน่วยหลุดพ้น แต่หัวหน้าหน่วยกลับรู้สึกขาสองข้างอ่อนแรง และยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น นี่ไม่ใช่เป็นการผลักความผิดทั้งหมดไปให้องค์ชายสี่ทั้งต่อหน้าและลับหลังหรอกหรือ
ต้องกล่าวอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ต้องกล่าวอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นหากองค์ชายสี่รู้เข้า จะต้องโทษที่เขากระทำการได้อย่างไม่ราบรื่นเป็นแน่
แต่เย่หลานผิงแทบไม่ให้โอกาสเขาเลย กลับหันมาทางหนานหนานแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าดื่มชาอยู่ที่นี่หรือ พอดีเลย ข้าเองก็กระหายน้ำเล็กน้อยแล้วเช่นกัน ดื่มด้วยกันเถิด”
กล่าวจบก็เดินนำไปนั่งเป็นคนแรก
ประชาชนรอบๆ มองหน้ากันอย่างแปลกใจ แต่ก็มีบางคนที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง
คนหนึ่งเป็นบุตรของท่านอ๋องเป่า องค์ชายคนโตสุด คนหนึ่งเป็นบุตรชายที่ท่านอ๋องซิวรักใคร่ที่สุด ตอนนี้พวกเขาสองคนออกหน้าเพื่อบุตรชายขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด ดูท่าทางแล้ว ดูเหมือนว่ารูปแบบของเมืองหลวงนี้จะเปลี่ยนไปอีกครั้งแล้ว
บุตรชายขององค์รัชทายาทที่ถูกปลด ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เหมือนดั่งเช่นที่ใครๆ เขาว่ากัน… ว่าไม่เป็นที่โปรดปรานเสียแล้ว
ท่านตาหลัวและท่านยายหลัวนั้นได้วางชาต้าม่ายที่ต้มเสร็จเรียบร้อยลงบนโต๊ะแล้ว เย่หลานผิงเป็นฝ่ายเริ่มยกถ้วยชาให้เย่หลานเฉิงและหนานหนานก่อน ท่าทางของนายน้อยชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่หลานเฉิงกลับพยักหน้าให้ท่านตาหลัวและท่านยายหลัว กล่าวเบาๆ “ขอบคุณมากขอรับ ลำบากพวกท่านแล้ว”
ท่านตาหลัวและท่านยายหลัวผงะไป ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะขอบคุณ
พวกเขาทำงานอยู่ที่นี่มาหลายปี ได้พบขุนนางใหญ่โตมามากมาย แต่ดูท่านอกจากหนานหนานที่จะขอบคุณพวกเขาแล้ว ก็แทบไม่มีใครเลยที่จะกล่าวคำว่า ‘ขอบคุณ’
คิดไม่ถึงว่าบุตรขององค์รัชทายาทที่ถูกปลดซึ่งถูกมองว่าเกียจคร้านและไม่เป็นที่นิยมในสายตาคนทั่วไป กลับเป็นมิตรถึงเพียงนี้
ทั้งสองคนรู้สึกซาบซึ้งในทันใด ดูท่าทางนิสัยของคนคนหนึ่ง จะฟังจากข่าวลือไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้พบเห็นกับตา จะรู้จักคนผู้นั้นจริงๆ ได้อย่างไร
ทั้งสองคนประทับใจกับเย่หลานเฉิงอย่างมาก หลังจากนั้นก็เอาไปกล่าวกับเหล่าเพื่อนบ้านข้างเคียงว่าเขามีมารยาท จิตใจดีและเป็นมิตร
หนานหนานมองเย่หลานเฉิงด้วยรอยยิ้ม รับจอกชาจากเย่หลานเฉิงมาอย่างพึงพอใจ จิบชาเล็กน้อยอย่างมีความสุข จากนั้นก็กล่าวอย่างพึงใจ “เฮ้อ ชาข้าวบาร์เลย์ของท่านตาหลัวทางด้านนี่อร่อยที่สุดแล้ว”
เย่หลานผิงผงะไป เขามานั่งตรงนี้เพียงเพื่อช่วยสร้างชื่อเสียงให้หนานหนานตามแผนเขาเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมานั่งดื่มชาที่ร้านข้างทางจริงๆ แต่เห็นท่าทางเพลิดเพลินของหนานหนานแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อร่อยมากจริงๆ หรือ”
หนานหนานหันมองเขาแวบหนึ่ง ยื่นถ้วยชาไปที่ริมฝีปากของเขา “หากท่านดื่มก็จะรู้เอง”
เย่หลานผิงยังคงลังเลเล็กน้อย ทางด้านเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ที่อยู่อีกด้านกลับชนถ้วยชากัน จากนั้นก็จิบคำหนึ่ง แววตาอดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย
เย่หลานผิงจึงกระตุกมุมปากและจิบเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เลิกคิ้ว พยักหน้า กล่าวอย่างมั่นใจ “ไม่เลว”
เพียงเขากล่าวออกมา ผู้ติดตามเหล่านั้นก็ดื่มเช่นกัน
เมื่อมีคำยืนยันจากเหล่าลูกผู้ลากมากดีเหล่านี้แล้ว ร้านน้ำชาของท่านตาหลัวก็คึกครื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นสถานที่ที่เหล่าคนรวยและมีชื่อเสียงจะต้องมาใช้จ่ายเมื่อมาเมืองหลวง
ทุกคนอารมณ์ดีขึ้นมา ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเหล่าทหารยามที่กำลังพึมพำความคิดของตนอยู่ข้างๆ เลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเหมือนว่าเหล่าทหารยามเหล่านั้นจะหารือเกี่ยวกับแผนการแก้ปัญหาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องการจะล้อมคอกตอนวัวหาย กอบกู้หน้าตาขององค์ชายสี่มาให้ได้
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีรถม้าคันหนึ่งค่อยๆ เร่งความเร็วฝ่าฝูงชนมาอีกครั้ง มีคนกระโดดลงมาจากรถม้า ดวงตาเย็นชาคู่นั้นจ้องมองมายังพวกเขา
ทหารยามสามสิบคนตัวสั่นเทาไปเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นแค่ทหารรักษาความปลอดภัยถือตัวว่ายิ่งใหญ่มาจากไหนอะ เจอคนใหญ่กว่าก็หงอแล้ว
ไหหม่า(海馬)