อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 942 ให้มีคนติดตามเพียงคนเดียวก็พอ
ตอนที่ 942 ให้มีคนติดตามเพียงคนเดียวก็พอ
ตอนที่ 942 ให้มีคนติดตามเพียงคนเดียวก็พอ
หนานหนานดวงตาเฉียบคม เมื่อเห็นผู้มาเยือนก็แววตาเป็นประกาย กระโดดลงจากเก้าอี้ในทันใด วิ่งขลุกๆ เข้าไปหาคนผู้นั้น
“ท่านพ่อ”
เมื่อเย่ซิวตู๋หันมามองหน้าเขา สีหน้าก็อ่อนโยนลงในทันใด ยื่นมือมารับเขา แล้วอุ้มร่างเล็กๆ นั้นขึ้นมา
จากนั้นก็เหลือบมองทหารยามทั้งสามสิบคนอย่างเย็นชา
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นตัวสั่น รีบคำนับ “คารวะท่านอ๋องซิว” ไหนว่าท่านอ๋องซิวบาดเจ็บกลับมาไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้ดูๆ ไปแล้ว นอกจากรีบฝีปากที่ซีดไปเล็กน้อย ก็ดูไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด
หรือทักษะทางการแพทย์ของหมอปีศาจนั้นสูงส่งเกินไป?
เย่ซิวตู๋ส่งเสียงไม่พอใจ ไม่สนใจเลยแม้แต่นิด
เย่หลานผิง เย่หลานเฉิงและคนอื่นๆ ทางด้านนั้นเดินมาอย่างรวดเร็ว เย่หลานผิงเมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ก็รู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย รัศมีเมื่อครู่หายไปอย่างหมดจน เรียกเบาๆ “ท่านลุงห้า”
ส่วนเย่หลานเฉิงนั้น เมื่อเดินมาก็เอ่ยปากอย่างว่าง่าย “หลานเฉิงคารวะท่านลุงห้าขอรับ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้าเล็กน้อย ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา น้ำเสียงเองก็อ่อนโยนมาก “ไม่เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้สบายดีหรือไม่?”
เย่หลานผิงตัวสั่น เงยหน้าขึ้นมองท่านลุงห้าที่เขาหวาดกลัวมาโดยตลอดอย่างประหลาดใจ เขาคิดมาโดยตลอดว่านอกจากหนานหนานแล้ว คงไม่มีใครอีกที่สามารถทำให้ท่านลุงห้าอ่อนโยนลงได้
คิดไม่ถึง ดูเหมือนเย่หลานเฉิงเองก็ได้รับความรักใคร่จากท่างลุงห้ามากทีเดียว
เย่หลานผิงสับสนอย่างมาก ดูเหมือนท่านลุงห้าจะเข้มงวดกับเขามาโดยตลอด ตอนนี้รู้สึกจุกอยู่ในใจเล็กน้อย
เย่หลานเฉิงยิ้มออกมา “หลานเฉิงสบายดีขอรับ ทำให้ท่านลุงห้าเป็นห่วงเสียแล้ว”
“อืม หากมีใครรังแกเจ้า อย่างไรก็ต้องมาบอกข้านะ เรื่องนี้ ข้าพอจะทำให้เจ้าได้” กล่าวจบ เย่ซิวตู๋ก็มองไปยังทหารยามสามสิบคนนั้นอย่างไม่พอใจนัก
ทหารยามเหล่านั้นรู้สึกว่าขาสองข้างอ่อนแรงไปในทันใด แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น
ประชาชนรอบข้างเบิกตากว้าง เงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวของทางด้านนี้
ท่านอ๋องซิวนี่เอง ได้ยินว่าเมื่อวานนี้เขาเพิ่งกลับมาที่เมืองหลวง
ได้ยินว่าตอนที่ท่านอ๋องซิวกลับมา องค์ชายหกเป็นคนนำกองกำลังทหารรักษาพระองค์ไปเชิญกลับมาด้วยตนเอง
ได้ยินว่าตอนท่านอ๋องซิวยังไม่ทันได้เข้าประตูเมือง ฝ่าบาทก็สั่งให้ท่านอ๋องเป่าไปต้อนรับที่ประตูเมืองแล้ว
ได้ยินว่าตอนที่ท่านอ๋องซิวเพิ่งกลับมา ฝ่าบาทก็ทรงเรียกตัวเขาไปเข้าเฝ้าทันที จนถึงตอนค่ำจึงออกจากวัง
ในช่วงเวลาอ่อนไหวตอนที่องค์รัชทายาทเพิ่งถูกปลด ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับท่านอ๋องซิวเช่นนี้ ภายในระยะทางคดเคี้ยว ต่อให้ทุกคนไม่อยากจะเอนเอียง ก็ย่อมทำไม่ได้
ท่านอ๋องซิวเป็นเช่นนี้ แต่กลับออกหน้าแทนบุตรชายขององค์รัชทายาทที่ถูกปลดหรือ
เช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าสถานะของเฉิงซื่อจื่อไม่ได้ลดน้อยลงเพียงเพราะองค์รัชทายาทถูกปลดใช่หรือไม่
หัวใจของหลายๆ คนเริ่มเต้นแรง โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางของเย่ซิวตู๋ที่มีต่อเย่หลานเฉิง ก็ดูมีลับลมคมในเล็กน้อย
เย่หลานเฉิงรู้ถึงความลำบากของเย่ซิวตู๋ เม้มปากเล็กๆ นั้นแล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ขอบคุณขอรับท่านลุงห้า”
“ท่านพ่อ ท่านวางใจเถิด ข้าช่วยจัดการให้เสี่ยวเฉิงเฉิงได้” หนานหนานตบอกรับประกัน เริ่มแสดงตนอย่างสุดความสามารถ “หากใครกล้าทำร้ายเสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าจะทุบตีมันผู้นั้นเอง”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว หันหน้าไปมองโม่เสียนแวบหนึ่ง
โม่เสียนพยักหน้าให้เขาพร้อมด้วยแววตาแปลกๆ รายกับว่ากำลังบอกเขาว่าวันนี้หนานหนานไปทำอะไรเอาไว้
พูดอีกอย่างก็คือ ทุบตีคนผู้นั้นจริงๆ
เย่ซิวตู๋ตบหลังของหนานหนาน อุ้มเขานั่งลงตรงเก้าอี้ที่เขานั่งเมื่อครู่ “ดี เจ้าจะทุบตีใครก็ทุบตีเถิด อย่างไรก็มีพ่ออยู่”
ท่านตาหลัวทางด้านนั้นรีบรินชาให้เขาด้วยร่างกายที่สั่นเทา หนานหนานยื่นไปที่ปากของเขาอย่างเชื่อฟัง
เย่ซิวตู๋จิบหนึ่งคำ จากนั้นก็กล่าว “นี่ก็เย็นแล้ว กลับตำหนักเถิด”
“หา กลับตำหนักหรือขอรับ?” หนานหนานเกาหัวอย่างลำบากใจ “ข้ายังอยากเดินซื้อของอยู่ จะซื้อของให้ท่านแม่หน่อยขอรับ”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ โน้มตัวไปใกล้หูของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “เจ้าบรรลุจุดประสงค์ในการวางท่าต่อหน้าฝูงชนในวันนี้แล้วไม่ใช่หรือ เจ้าอยากเดินซื้อของ ก็ต้องกำจัดพวกที่ติดสอยห้อยตามมาให้หมดไปเสียก่อนจึงจะทำได้ ยุ่งยากมากเพียงนี้ ไปที่ไหนก็ต้องคอยอธิบายกระมัง”
หนานหนานเบิกตากว้าง “ท่านพ่อรู้จุดประสงค์ของข้าได้อย่างไร” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เย่ซิวตู๋รู้สึกขบขันกับการแสดงออกของเขา “เจ้ามาสร้างเรื่องใหญ่โตอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่รู้ได้หรือ?”
เขารู้จุดประสงค์ของท่านพี่สี่ ก็เพียงแค่อยากปรามหลานเฉิง เหยียบคนเขาลงไปกับพื้น ให้ประชาชนในเมืองหลวงหัวเราะเยาะองค์รัชทายาทก็เท่านั้น
จะองค์รัชทายาทก็ดี จะหลานเฉิงก็ดี ตั้งแต่นี้ไปก็จะได้สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ไป ให้ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกคนที่ชี้นิ้วสั่ง ต้องกลัวจนตัวสั่น บ่มเพาะนิสัยขลาดกลัวและอ่อนแอ
เขารู้ว่าองค์ชายสี่เป็นคนใจแคบ แต่ที่ไม่รู้ก็คือกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับเด็กที่อายุยังไม่ถึงเจ็ดขวบ ช่างไม่ละอายใจเสียบ้าง
ด้วยนิสัยของหนานหนาน เย่ซิวตู๋ก็พอจะเดาได้ ในเมื่อมีทหารยามคอยตาม เขาก็จะต้องใช้แผนซ้อนแผน ผลักเอาการกระทำทั้งหมดของทหารยามเหล่านี้ไปที่ตัวองค์ชายสี่ต่อหน้าคนจำนวนมาก ถึงตอนนั้นคนที่จะเสียชื่อก็เป็นองค์ชายสี่
เพียงแต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หนานหนานจะแอบติดต่อเย่หลานผิง ให้เขาเองก็มาเล่นเป็นจิ้งจอกอ้างบารมีเสือด้วย
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ผลจะออกมาไม่เลวเลย
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงฉลาดเพียงนี้? โชคดีที่สืบทอดจากข้าไป” หนานหนานหัวเราะคิกคักราวกับหนูตัวน้อย
เย่ซิวตู๋พูดไม่ออกไปชั่วขณะ เจ้าเด็กนี่ชอบกล่าวย้อนแย้งนัก เห็นอยู่ว่ามันสืบทอดจากเขาไปถึงอีกฝ่าย
เขาจิบชาจากถ้วยชาในมืออีกครั้ง จากนั้นก็อุ้มเขาแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนหันหน้ากลับมามองเย่หลานผิง เห็นว่าเขายืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัวตนอย่างมาก ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หรือว่าเขาแสดงออกไม่ชัดเจนพอว่าใจดีหรือ ต้องกลัวเขาเพียงนั้นเลยหรือ?
“หลานผิง หากเจ้ายังมีธุระต่อ ก็ไปทำเถิด”
เย่หลานผิงมองมาในทันใด เห็นแววตาของเย่ซิวตู๋จับจ้องตนเองอยู่ก็รีบส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีขอรับๆ ข้าไม่มีธุระอันใดแม้แต่น้อย”
“…” เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก พยักหน้า ไม่กล่าวอันใดอีก
หนานหนานมอบเงินให้อวี้เป่าเอ๋อร์ ให้เขานำไปใส่มือของท่านตาหลัว จากนั้นก็โอบคอของเย่ซิวตู๋แล้วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เอาล่ะ ท่านพ่อ เราไปกันเถิดขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋หมุนตัวเดินไปทางด้านรถม้า
เพียงแต่ทันทีที่เขาเดิน ด้านหลังก็มีคนกลุ่มใหญ่พากันเดินตามหลังมา
เย่หลานเฉิง อวี้เป่าเอ๋อร์ โม่เสียน เผิงอิง เย่หลานผิง รวมไปถึงกลุ่มผู้ติดตามของเขา และแน่นอนว่ายังมีทหารยามอีกสามสิบคนนั้นด้วย
เย่ซิวตู๋รู้สึกปวดหัวไปชั่วขณะ หันหน้าไปมองทหารยามสามสิบคนนั้น หัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม? พวกเจ้ายังจะตามมาอีกหรือ?”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก รีบก้มหน้าแล้วกล่าว “ท่านอ๋องซิว ข้าน้อย พวกข้าน้อยทำตามคำสั่งขอรับ”
“คำสั่งของใคร? พี่สี่หรือ?”
“ขอ… ขอ… ขอรับ ให้ติดตามเฉิงซื่อจื่อออกมาข้างนอก เป็นความตั้งใจของฝ่าบาทขอรับ” คำตอบเช่นเดียวกัน แต่เมื่อตอบต่อหน้าเย่หลานผิงและต่อหน้าเย่ซิวตู๋ กลับให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เย่ซิวตู๋แค่นหัวเราะ “เสด็จพ่อบอกเพียงว่าให้มีคนติดตามหลานเฉิงเท่านั้น เช่นนั้นแล้ว ให้มีเจ้าเพียงคนเดียวเถิด ส่วนคนอื่นๆ ก็กลับไปเสียให้หมด”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เออ นั่นสิ ติดตามมาคนเดียวก็ได้ มาทำไมตั้งสามสิบคน กลับไปให้หมด
ไหหม่า(海馬)