อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 946 อาหารทั้งหมดที่กินล้วนเน่าเสีย
ตอนที่ 946 อาหารทั้งหมดที่กินล้วนเน่าเสีย
ตอนที่ 946 อาหารทั้งหมดที่กินล้วนเน่าเสีย
“ว่ามา” เย่ซิวตู๋ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว หากมีข่าวน่าประหลาดใจเช่นนี้ออกมา ในวังจะต้องไม่สงบเป็นแน่
“องค์ชายหกและหมิ่นเฟยคุกเข่าขออภัยอยู่ด้านหน้าห้องทรงพระอักษร กล่าวว่าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีข่าวลือเช่นนี้ออกมา หวังว่าฝ่าบาทจะช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้พวกเขาขอรับ” เสิ่นอิงกล่าว
นิ้วของเย่ซิวตู๋ที่กำลังเคาะโต๊ะหยุดชะงักไป ผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนจะกลับมาเคาะเป็นจังหวะอีกครั้ง “เช่นนั้นเสด็จพ่อว่าอย่างไรบ้าง?”
“ฝ่าบาทตรัสว่าเชื่อในความบริสุทธิ์ของพวกเขา พระราชโองการยังไม่ถูกร่าง ให้พวกเขาอย่าคิดมากไป กลับไปแล้วควรทำอย่างไรก็ให้ทำเช่นนั้นขอรับ”
คำกล่าวเช่นนี้น่าสนใจนัก ควรทำอย่างไรก็ให้ทำเช่นนัก นี่ไม่ได้มีท่าทางปฏิเสธ แต่ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่ข่าวลือแทนเสียอย่างนั้น
มุมปากของเย่ซิวตู๋โค้งขึ้น ถามเขา “ตำหนักอี๋ซิ่งมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง?”
“เหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายเจ็ดไม่ได้ทำอันใดทั้งนั้นขอรับ ตำหนักอี๋ซิ่งยังคงเป็นปกติอยู่”
เย่ซิวตู๋โบกมือ “เจ้าไปก่อนเถิด ให้ความสนใจกับทุกตำหนัก ทุกวิหาร และทุกจวนในวังด้วย”
“ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วมองด้านหลังของเสิ่นอิงที่หมุนตัวจากไป เม้มปากแน่น สุดท้ายตำหนักอี๋ซิ่งก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จริงๆ หรือว่าเสิ่นอิง… กำลังปิดบังสิ่งใดอยู่กันแน่?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าในใจกำลังสับสนเล็กน้อย ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เห็นท่าทางลับๆ ล่อๆ ของเสิ่นอิงที่บ้านพักซิ่วจิ่ง ก็คล้ายจะรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทำล้วนน่าสงสัย
ในใจของนางหวังอย่างชัดเจนว่าจะไม่ใช่เขา แต่เสิ่นอิงก็ดูเหมือนจะทำตัวลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่นางกำลังคิด ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าที่ดังผิดปกติ
คนที่กล้าทำเรื่องไร้มารยาทนอกห้องตำราของเย่ซิวตู๋ นอกจากหนานหนานก็ไม่มีใครอื่นแล้ว
แน่นอน ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ‘ก๊อกๆๆ’ ของหนานหนานดังมาจากนอกห้องตำรา “ท่านแม่ๆ พวกท่านพี่ผิงจะไปกันแล้ว ข้าดูแลพวกเขาอย่างดี ทั้งยังให้พวกเขาอยู่กินอาหารเย็น แต่พวกเขาบอกว่ายังมีธุระต้องทำ ยืนกรานจะกลับไป ข้าจึงให้พ่อบ้านหยางส่งพวกเขาออกนอกจวน เอาล่ะ ท่านพ่อท่านแม่ ข้าพูดจบแล้ว พวกท่านมีเรื่องอันใดก็คุยกันต่อเถิด ข้าไปล่ะ”
ทันทีที่กล่าวจบ ก็มีเสียงฝีเท้ากุกกักดังขึ้นมาจากด้านนอกอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋มองหน้ากัน ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองคนก็เปิดประตูห้องตำราอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หนานหนานวิ่งไปไกลแล้ว ทิ้งเพียงเงาข้างหลังไว้ให้พวกเขา
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ไปเถิด เจ้าคงยังมีเรื่องต้องคุยกับหลานเฉิง เมื่อครู่มีคนอยู่มาก คงไม่สะดวก”
จากนั้นทั้งสองคนก็ออกจากห้องตำรา เดินไปยังโถงบุปผา
ใครจะรู้ว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็พบว่าหนานหนานที่วิ่งนำหน้าอยู่เมื่อครู่รีบวิ่งกลับมาหาอย่างร้อนรน
อวี้ชิงลั่วแปลกใจ “เป็นอะไรไป มีเรื่องอันใดหรือ?”
หนานหนานดึงมือเย่ซิวตู๋ “ท่านพ่อๆ ข้าวางแผนจะให้เสี่ยวเฉิงเฉิงพักที่นี่ แต่ยังมีทหารยามที่น่ารำคาญอยู่ข้างนอก ท่านไล่เขาไปทีได้หรือไม่ขอรับ”
เย่ซิวตู๋มองเขาอย่างขบขัน “เจ้าไล่ไปเองไม่ได้หรือ?”
“ท่านพ่อเก่งกว่าข้า ท่านพูดเพียงประโยคเดียว ทหารยามผู้นั้นก็ไม่กล้ามีปากมีเสียงแล้วขอรับ”
คำพูดนี้ทำให้เย่ซิวตู๋พอใจอย่างมาก มองแววตากระตือรือร้นของบุตรชาย ก็ไม่กล่าวอันใดเพียงแต่ตอบรับ แล้วออกจากตำหนักไปด้วยตนเอง
จากนั้นหนานหนานก็จับมืออวี้ชิงลั่วอย่างพอใจ กล่าว “ท่านแม่ จริงๆ แล้วข้าเองก็เก่งเช่นกัน ข้ากล่าวประโยคเดียว ทหารยามผู้นั้นก็ไม่กล้าเอ่ยปากแล้ว แต่ข้าให้โอกาสท่านพ่อได้แสดงออก ให้เขาได้แสดงออกถึงความรักของพ่อ ท่านแม่อย่าเข้าใจว่าข้าไม่มีประโยชน์นะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วหันหน้าหนีอย่างเงียบๆ รู้สึกว่าหนานหนานกล่าวเช่นนี้ คือการเปิดเผยในสิ่งที่ต้องการปกปิดจริงๆ
เหตุใดเขาจึงไม่บอกว่าตนอายุยังน้อย ไม่มีท่าทางดุดันอย่างเย่ซิวตู๋เล่า?
“ท่านแม่ๆ ท่านอุ้มข้าหน่อย ข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน” หนานหนานดึงมือของนาง อยากให้นางก้มตัวลงมา
อวี้ชิงลั่วกระแอมเบาๆ ก้มตัวลงแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาอย่างเงียบๆ
จากนั้นหนานหนานก็เอนตัวเข้าที่หูของนาง เล่าสิ่งที่ตนเห็นในจิ่นเฉิงย่วน รวมไปถึงสิ่งที่กระทำให้นางฟัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี้ชิงลั่วค่อยๆ แข็งทื่อ สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาก
ผ่านไปนานก็กล่าวพลางขมวดคิ้ว “ไม่แปลกเลยที่ชีพจรของหลานเฉิงจึงเปลี่ยนไปเป็นอ่อนแรงเล็กน้อย ดูท่าจะผอมลงไม่น้อยด้วย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะขอรับ ข้าเห็นว่าอาหารเหล่านั้นไม่มีน้ำมันเลย ผักเหล่านั้นก็ออกสีเหลืองแล้ว ทั้งยังมีกลิ่นเปรี้ยวอีกด้วย” ความหมายก็คืออาหารเหล่านั้นเน่าเสียแล้ว
หนานหนานคลั่งไคล้ในการกินมาก จมูกก็ไวเป็นพิเศษ หากอาหารมีกลิ่นที่แปลกไปแม้แต่นิด เขาก็จะรู้สึกได้ทันที
ตอนนั้นหนานหนานไม่สามารถกล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้สวีโหรวและเย่หลานเฉิงเสียหน้า ทำให้คนนอกรู้สึกว่าพวกเขาได้กินอาหารที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าพวกหมู
อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิดในใจ องค์ชายสี่ผู้นี้ไม่ใช่คนจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าได้พบอดีตองค์รัชทายาทหรือไม่?”
หนานหนานส่ายหน้า “ไม่ได้พบขอรับ ที่เรือนของเสี่ยวเฉิงเฉิงมีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเพียงนั้น พ่อของเขากลับไม่ปรากฏตัว ข้าได้ยินมาว่าอดีตองค์รัชทายาทอาศัยอยู่ไม่ไกลจากเสี่ยวเฉิงเฉิง แต่เสี่ยวเฉิงเฉิงไม่ได้พบเขาเลย เกิดเรื่องอันใดก็เพียงแต่จัดการกันเองพร้อมกับท่านน้าโหรวเท่านั้น”
อวี้ชิงลั่วเห็นใบหน้าของเขาที่ดูเศร้าสร้อยก็ลูบศีรษะเขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปเจ้าไปหาพวกเขาที่จิ่นเฉิงย่วนบ่อยๆ ล่ะ หากพบเรื่องเช่นนี้อีก ก็จัดการตัวต้นเรื่องเสีย หากพวกเขาอ้างชื่อองค์ชายสี่ เจ้าก็บอกพ่อของเจ้า…”
น้ำเสียงของนางหยุดลง หัวเราะออกมา เกรงว่าตอนนี้องค์ชายสี่เองก็คงไม่มีเวลามาจัดการเย่หลานเฉิงและสวีโหรวแล้ว ตอนนี้เขาคงกำลังนั่งพะวงอยู่กับองค์ชายสามเพราะข่าวที่องค์ชายหกถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทอยู่เป็นแน่ เกรงว่าคงไม่มีแรงมาสร้างปัญหาให้ผู้อื่นแล้ว
เช่นนั้นก็ดี ยิ่งมีเรื่องที่หนานหนานทำให้เป็นเรื่องใหญ่ในวันนี้อีก ชีวิตของสวีโหรวและเย่หลานเฉิงก็น่าจะดีขึ้นจึงจะถูก
หนานหนานกลับพยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านแม่วางใจเถิด ต่อไปเสี่ยวเฉิงเฉิงเป็นคนของข้าแล้ว ข้าปกป้องเขาได้ขอรับ”
“…” อวี้ชิงลั่วหันหน้าหนีเงียบๆ อีกครั้ง ขอไม่ออกความเห็น เห็นเขากล่าวจบแล้วก็รีบวางเขาลงแล้วเดินจากไปเอง
แขนของนางเมื่อยเสียจนแทบหลุดแล้ว
ทั้งสองคนพูดคุยกัน เดินนำหน้าตามหลังไปยังโถงบุปผา เย่หลานเฉิงกำลังคุยศึกษากับอวี้เป่าเอ๋อร์เรื่องของขวัญที่หนานหนานให้มา ดูท่าแล้วมีแต่ในตำหนักของท่านอ๋องซิวนี้ที่พวกเขาสองคนสามารถทำตัวตามสบายได้อย่างเต็มที่
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเข้ามา เย่หลานเฉิงก็รีบตรงเข้าไปหา “ท่านน้าชิง ท่านแม่ของข้าให้ข้ามาทักทายท่านขอรับ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า นึกได้ว่าไท่จื่อเฟยที่เป็นหญิงฉลาดผู้นั้นกลับต้องไปแต่งงานกับคนชั่ว โชคดีที่มีบุตรชายที่รู้ความและเชื่อฟังอย่างเย่หลานเฉิง ก็ถือว่ามีสิ่งปลอบใจ
ขณะกำลังคิด ที่หูก็ได้ยินเสียงของหนานหนานดังมา “อ๋า ท่านพ่อกลับมาแล้ว เอ๋ เหตุใดสีหน้าท่านพ่อจึงย่ำแย่เช่นนั้น”
สีหน้าย่ำแย่หรือ?
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นทันใด ก็เห็นเย่ซิวตู๋ที่อยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คนทั้งคนดูตึงเครียดไปราวกับจะระเบิดออกมาหากถูกสัมผัสอย่างไรอย่างนั้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โหดร้ายมาก เอาอาหารใกล้เน่ามาให้กิน อย่างน้อยก็ควรเกรงใจที่เป็นอดีตไท่จื่อเฟยกับอดีตซื่อจื่อสักหน่อยสิ
ไหหม่า(海馬)