อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 955 น่าเกรงขาม
ตอนที่ 955 น่าเกรงขาม
ตอนที่ 955 น่าเกรงขาม
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็สูดหายใจลึก พลางกล่าวช้าๆ “เหนียงเหนียงทุกท่านล้วนจริงใจ ข้าย่อมรู้ดี เพียงแต่ตอนนี้ฝ่าบาททรงต้องการการพักฟื้น ต้องการอากาศถ่ายเท การที่คนมากมายมารวมอยู่ที่นี่จะไม่เป็นการดีต่อพระวรกายฝ่าบาท ทั้งอาจจะทำให้พระอาการของฝ่าบาททรุดลงเสียอีก”
“แม่นางชิงกล่าวได้มีเหตุผลนัก” ฮองเฮาเห็นว่าเหมิงกุ้ยเฟยยังต้องการกล่าวบางสิ่งอีกก็ชิงเอ่ยขัดตัดหน้านางทันที กล่าวเบาๆ “แม่นางชิงเป็นหมอ นางรู้ดีว่าสิ่งใดดีกับฝ่าบาทที่สุด ข้าเห็นว่าทุกคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แยกย้ายกันเสียเถิด รอให้ฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วทุกคนค่อยมาคารวะเป็นใช้ได้”
พระนางกล่าวจบก็มองเหมิงกุ้ยเฟยแวบหนึ่ง “เหมิงกุ้ยเฟย เชิญ”
เหมิงกุ้ยเฟยจ้องมองนางเขม็ง ฮองเฮาถูกมองด้วยสายตานั้นก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว สีหน้ากลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง
ไทเฮาเห็นเช่นนั้นก็พยักพระพักตร์ตาม “ฮองเฮาพูดถูก แยกย้ายกันเสียให้หมด”
จากนั้นเหมิงกุ้ยเฟยจึงคารวะไทเฮาอย่างไม่เต็มใจนัก หมุนกายจากไป
ทุกคนเห็นเช่นนั้นก็พากันถอยออกไปทีละคน ภายในครู่เดียว ทุกคนก็ออกไปจากห้องบรรทมจนหมด
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเช่นกันว่าอากาศในห้องบรรทมนี้ดีขึ้นไม่น้อยภายในชั่วพริบตา
เย่ซิวตู๋ทางด้านนั้นก็พูดคุยกับเหมียวเชียนชิวอยู่นานแล้ว จากนั้นก็มาคารวะไทเฮาทางด้านนี้
ไทเฮาพยักพระพักตร์เล็กน้อย ท่าทางปกติ เทียบกับอวี้ชิงลั่วที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว นางรู้ว่าไทเฮาไม่ชอบเหมิงกุ้ยเฟยจึงพาลมาเกลียดเย่ซิวตู๋ไปด้วย แต่กลับยอมให้เย่ซิวตู๋อยู่ในห้องบรรทมของฝ่าบาท จริงๆ แล้วก็ถือว่าพระนางมีความเชื่อใจในตัวเขาอยู่บ้าง
เขาเองก็ไม่อาจขออันใดมากเกินไปกว่านี้ คนที่ไทเฮาโปรดปรานก็คือฮองเฮาและองค์รัชทายาท แค่เชื่อใจเย่ซิวตู๋ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
“เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง?” จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ดึงอวี้ชิงลั่วมาด้านข้าง ถามเสียงเบา
อวี้ชิงลั่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แผลไม่ลึก เพียงแต่พระวรกายย่ำแย่ จึงหมดสติมาโดยตลอด หากพักฟื้นให้ดีก็ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
นางกล่าวจบก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเย่ซิวตู๋ถอนหายใจโล่งอก แม้แต่มือที่จับแขนของนางไว้ก็ผ่อนแรงลงไม่น้อย
“เหมียวกงกงว่าอย่างไรบ้าง”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่ายหน้าช้าๆ แล้วกล่าว “กล่าวเช่นเดียวกับข้าหลวงผู้นั้น”
“เช่นนั้นเหมียวกงกงได้บอกหรือไม่ว่ามือสังหารหน้าตาเป็นอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ตอนนั้นสถานการณ์วุ่นวายเล็กน้อย เหมียวกงกงสนใจแค่ฝ่าบาทและคนชุดดำ กลับไม่ทันได้สนใจมือสังหารที่แต่งตัวเป็นขันที ตอนนั้นจึงไม่ได้ตั้งใจดู อีกเดี๋ยวข้าจะไปถามทหารองครักษ์เหล่านั้น ว่ามีคนเห็นหน้าตาคนผู้นั้นชัดๆ บ้างหรือไม่”
“อืม” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า
“ทางด้านนี้ต้องฝากเจ้าด้วย เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา” ในเมื่อรู้แล้วว่าฝ่าบาทไม่เป็นอะไรมาก สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือต้องหาตัวมือสังหารในทันที เพื่อไม่ให้มีครั้งต่อไปเพราะครั้งแรกไม่สำเร็จ
เย่ซิวตู๋จากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอวี้ชิงลั่วกลับมาที่ห้องด้านในอีกครั้ง
ไทเฮายังคงประทับอยู่ตรงขอบตั่งบรรทมของฮ่องเต้ สีพระพักตร์ดูเหนื่อยล้า เหล่าหมอหลวงที่ตอนแรกยืนกันอยู่เต็มก็ถูกนางไล่ออกไปจนหมด
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ไทเฮาก็หันหน้ามากล่าวเบาๆ “คุยกันเรียบร้อยแล้วหรือ?”
“…” อวี้ชิงลั่วชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ “เพคะ”
“ข้าสั่งทหารรักษาพระองค์ว่าให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว” สายพระเนตรของไทเฮาเบนกลับไปทางฮ่องเต้อีกครั้ง น้ำเสียงดูเศร้าเล็กน้อย “เพียงแต่ข้าไม่ได้สนใจการบ้านการเมืองมานาน มีบางเรื่องที่ยังไม่รู้แน่ชัด ข้าจะสั่งให้ทุกคนให้ความร่วมมือกับอ๋องซิว เรื่องนี้ ต้องรบกวนเขาหน่อยแล้ว”
อวี้ชิงลั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังนางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ถึงข้าจะไม่ชอบเขา แต่ข้าเองก็รู้ดี เกิดเรื่องขึ้นกับฮ่องเต้เช่นนี้ ในบรรดาองค์ชายทุกคน มีเพียงเขาที่เป็นห่วงเป็นกังวลมากที่สุด ใส่ใจและทุ่มเทที่สุด” ไทเฮาดูเหมือนจะพูดกับนาง และเหมือนกำลังกล่าวกับตนเองด้วย “หากเขาไม่ใช่โอรสของเหมิงกุ้ยเฟย ข้าเองก็ไม่มีทางขับไล่ไสส่งเขาเช่นนี้”
หัวใจของอวี้ชิงลั่วเต้นไม่เป็นจังหวะ ตกตะลึงเล็กน้อย จังหวะนี้ไทเฮาต้องการเอ่ยความในใจกับนางอย่างนั้นหรือ? นี่กลับบอกมาอย่างชัดเจนว่านางไม่ชอบเย่ซิวตู๋ก็เพราะมีเหมิงกุ้ยเฟยเป็นต้นเหตุ นางไม่อยากฟังเข้าใจไหม?
“ข้าได้ยินว่าหลานเฉิงอยู่ที่ตำหนักอ๋องซิวหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเงียบไป ตอบรับเสียงเบา “เพคะ”
ไทเฮาหัวเราะออกมา “หนานหนานเจ้าเด็กนั่นเป็นเด็กดีและรู้ความที่สุดแล้ว องค์รัชทายาทถูกปลด ทุกคนก็ล้วนหลบหน้าเพราะกลัวจะลำบากไปด้วย หรือไม่ก็คอยเหยียบย่ำซ้ำเติมหรือจับตาดูอย่างเงียบๆ มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ยังคอยสนใจว่าหลานเฉิงจะถูกรังแกหรือไม่”
“หลานเฉิงต้องการความเมตตาก็ได้ความเมตตา หากไม่ใช่เพราะเขาปฏิบัติต่อหนานหนานอย่างจริงใจ หนานหนานก็คงไม่เห็นเขาเป็นเพื่อนที่รู้ใจที่สุด”
ไทเฮาเม้มพระโอษฐ์ ดูเหมือนจะผงกพระเศียรเบาๆ แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ขยับ เพียงแต่เงียบลงไปในทันที
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา เมื่อครู่นี้นางไม่ได้พูดผิดใช่หรือไม่ เหตุใดคุยกันอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็ไม่พูดอะไรแล้วเล่า?
ขอล่ะ เช่นนี้นางก็จะว้าวุ่นใจไปด้วยน่ะสิ
“แม่นางชิง…” ใช้เวลาเกือบหนึ่งเค่อ ก่อนจะได้ยินเสียงของไทเฮาที่แหบแห้งเล็กน้อย “ต่อไป ต่อไปถ้าหาก… ได้โปรดดูแลหลานเฉิงให้ดีๆ ด้วยเถิด เด็กคนนั้นลำบากมามากนัก”
อวี้ชิงลั่วตกใจมาก คำพูดที่กล่าวไม่จบของไทเฮา นางเข้าใจอย่างชัดเจน
เช่นนั้นแล้ว นางเองก็สนับสนุนให้เย่ซิวตู๋เป็นฮ่องเต้ด้วยหรือ?
ไม่กระมัง นางไม่น่าสนับสนุนมากนัก
“ข้าจำใจต้องยอมรับ ในบรรดาองค์ชายทั้งหมด มีเพียงเย่ซิวตู๋ที่มีความสามารถนั้น” ไทเฮาละสายตากลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วเผชิญหน้ากับอวี้ชิงลั่ว จ้องมองนางเขม็งด้วยสีหน้าจริงจัง “แม่นางชิง ข้าอยากให้เจ้ารับปาก ต่อไปหากเย่ซิวตู๋… พวกเจ้าจะต้องปฏิบัติกับหลานเฉิงอย่างดีนะ”
อวี้ชิงลั่วลำบากใจอย่างมาก มุมปากกระตุกอย่างแรง
“ไทเฮาเหนียงเหนียง จริงๆ แล้ว… หม่อมฉันคิดว่า เรื่องนี้ พวกเราทั้งหมดล้วนไม่สามารถตัดสินใจได้นะเพคะ” อวี้ชิงลั่วคิดอยู่นานก่อนจะกล่าวอย่างลังเล “ไม่อย่างนั้น ลองถามความคิดของฝ่าบาทก่อนดีหรือไม่เพคะ อีกอย่างหม่อมฉันคิดว่าฝ่าบาทยังอยู่ในช่วงเวลาที่รุ่งเรือง ยังคง…”
“แม่นางชิง” ไทเฮากล่าวขัด “ข้าอยากให้เจ้ารับปาก”
อวี้ชิงลั่วอยากจะหมุนตัวจากไปยิ่งนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน เย่ซิวตู๋จะได้เป็นฮ่องเต้หรือไม่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง นางจะรับปากได้อย่างไร?
นางถอนหายใจออกมา รู้สึกไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย “ไทเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉันรับปากพระองค์ก็ได้เพคะ หากมีวันนั้นจริงๆ หม่อมฉันจะดูแลหลานเฉิงให้เหมือนบุตรแท้ๆ เพคะ”
นางเอ่ยเสียงดังฟังชัดเจน ในคำพูดของนางมีเงื่อนไขบางประการอยู่
ไทเฮาพยักพระพักตร์ “ข้าเชื่อเจ้า”
“…” นางรู้สึกเป็นที่โปรดปรานอย่างน่าประหลาดใจมาก ตื่นเต้นเสียจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
ฮ่องเต้รีบฟื้นขึ้นมาทีเถิด นางไม่คุ้นเคยกับการอยู่กับไทเฮาตามลำพังเอาเสียเลย ทั้งสองคนไม่มีสิ่งใดที่เหมือนกัน ไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย
นางกำลังครุ่นคิดกับตัวเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังโวยวายมาจากด้านนอก
อวี้ชิงลั่วสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเป็นประกาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่การส่งเสียงดังข้างนอกในตอนนี้เป็นเหมือนผู้ช่วยชีวิตของนางเลย
นางรีบกล่าวกับไทเฮา “เดี๋ยวหม่อมฉันออกไปดูเพคะ”
“อาจจะเป็นนางสนมผู้นั้นก็ได้ หากเจ้าได้พบ ก็ไล่นางไปเสียเป็นใช้ได้แล้ว” ไทเฮากล่าวอย่างสุดจะทนเล็กน้อย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไทเฮาออกโรงเองแล้ว จะมีใครกล้าขัดอีกไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)