อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 956 คนที่ปรากฏตัวออกมา
ตอนที่ 956 คนที่ปรากฏตัวออกมา
ตอนที่ 956 คนที่ปรากฏตัวออกมา
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกับที่นางคิดเลย
นางรีบเดินออกจากห้องบรรทม เดินไปตรงหน้าประตูโดยตรง เพียงเงยหน้าขึ้นก็เห็นทหารองค์รักษ์สองคนกำลังขวางร่างเล็กๆ สองร่างไว้
เส้นสีดำสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของอวี้ชิงลั่ว นางเดินตรงไปอย่างไม่รู้จะกล่าวอะไรเล็กน้อย
“พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”
หนานหนานแววตาเป็นประกาย รีบโผเข้าหาอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่ๆ พวกเขาไม่ให้ข้าเข้าไป ข้าอยากไปดูเสด็จปู่ เสด็จปู่เป็นอะไรมากหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วเห็นสีหน้าวิตกกังวลอย่างมากของเขา จากนั้นก็มองไปยังเย่หลานเฉิง ถึงแม้สีหน้าจะดูสงบนิ่ง แต่มือสองข้างกลับกำแน่น เห็นได้ชัดว่าเป็นกังวลอย่างมาก
นางถอนหายใจ มองไปยังทหารองครักษ์ทั้งสองคนด้านข้างแวบหนึ่ง
ทหารองครักษ์สองคนนั้นรีบอธิบาย “แม่นางชิง ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ให้ซื่อจื่อทั้งสองเข้าไปนะขอรับ แต่เป็นเพราะไทเฮาเหนียงเหนียงทรงมีรับสั่ง ไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปรบกวนฝ่าบาทขอรับ”
“เจ้าวางใจเถิด ไทเฮาเป็นคนให้ข้ามาพาพวกเขาเข้าไป” อวี้ชิงลั่วโกหกอย่างเรียบเฉย
ทหารองครักษ์ทั้งสองคนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ถอยไปข้างๆ ให้ผู้ใหญ่หนึ่งและเด็กทั้งสองรวมเป็นสามคนเข้าห้องบรรทมไปพร้อมกัน
ไทเฮามองไปยังเด็กสองคนที่วิ่งเข้ามาอย่างประหลาดใจ อ้าแขนสองข้างกอดเด็กสองคนเอาไว้ “พวกเจ้ามาได้อย่างไร เป็นห่วงเสด็จปู่ของพวกเจ้าหรือ?”
“ไทเฮาๆ เสด็จปู่เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ข้าได้ยินว่าทรงถูกแทงหนึ่งครั้ง” หนานหนานยื่นคอออกมาจากอ้อมอกของไทเฮา มองไปยังฮ่องเต้ที่นอนอยู่บนเตียงแล้วกะพริบตาปริบๆ
เขาอยากจะเปิดผ้าห่มออกเพื่อดูแผล แต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บ
ขณะลังเลอยู่พักหนึ่ง ไทเฮาก็เศร้าใจอย่างมาก ลูบศีรษะของเขาแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ถูกทำแผลอย่างดีแล้ว มีดนั้นแทงไปไม่ลึก ไม่นานก็จะฟื้น”
หนานหนานฟุบตัวลงกับขอบเตียง ในใจเจ็บปวดมาก
ไม่นานก่อนหน้านี้ยังได้ยินมาว่าเสด็จปู่สุขภาพไม่ดีนัก ตอนนี้ถูกลอบสังหารอีก ใครมันใจร้ายเพียงนั้นนะ ไม่ปล่อยไปแม้แต่เสด็จปู่ของเขา
เย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้างเขาตรงข้างเตียงกำลังมองฮ่องเต้อยู่เช่นกัน เพียงแต่สีหน้าของเขาสงบนิ่งยิ่งกว่า ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนหนานหนาน
ไทเฮามองพวกเขาสองพี่น้อง สีหน้าปลาบปลื้มยิ่งนัก
“ท่านแม่ ดูเหมือนเสด็จปู่จะทรงฟื้นแล้วขอรับ” หนานหนานตะโกนขึ้นมาทันใด
อวี้ชิงลั่วและไทเฮาหันไปทางเตียงทันที ก็เห็นว่าเปลือกพระเนตรของฝ่าบาทเคลื่อนไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้นมาจริงๆ
แต่เย่หลานเฉิงกลับประหม่าขึ้นมา รีบถอยเท้าสองสามก้าวไปหลบอยู่ด้านหลัง
ไทเฮาถามอย่างแปลกใจ “หลานเฉิง เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”
“กระหม่อม เดิมทีกระหม่อมควรอยู่ที่จิ่นเฉิงย่วน ตอนนี้ไม่เพียงแต่อยู่กับท่านอ๋องซิว ยังเข้าวังมาเป็นการส่วนตัวด้วย กระหม่อมกลัวเสด็จปู่จะทรงกริ้ว ขอมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮารู้สึกปวดพระทัย หลานเฉิงที่รู้ความเพียงนี้ เหตุใดจึงต้องมาลำบากเพราะบิดาของเขาด้วย?
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ ตบไหล่ของหนานหนาน อีกฝ่ายรีบออกจากเตียง ไปยืนอยู่ข้างกายเย่หลานเฉิงด้วย ยิ้มแล้วจับมือของเขา “ข้าจะอยู่กับเจ้าเอง”
“หนานหนาน…”
ฮ่องเต้ลืมพระเนตรขึ้นแล้ว เมื่อเห็นไทเฮาและอวี้ชิงลั่วที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงก็ค่อยๆ เอ่ยปาก “ข้าไม่เป็นไร เมื่อครู่เหมือนข้าได้ยินเสียงหนานหนานและหลานเฉิง พวกเขาอยู่ด้วยหรือ?”
“อยู่พ่ะย่ะค่ะๆ เสด็จปู่ พวกเราอยู่ทางนี้พ่ะย่ะค่ะ” หนานหนานรีบพาเย่หลานเฉิงเดินมาตรงหน้าของเขา
สายพระเนตรของฮ่องเต้จับจ้องไปที่พวกเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ตรัสเบาๆ “พวกเจ้ามานั่งตรงนี้ มาคุยกับข้าหน่อย”
เย่หลานเฉิงเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีความตั้งใจจะตำหนิเขา ก็ค่อยๆ ถอนหายใจ นั่งลงตรงที่พักเท้าทันที “เสด็จปู่ ทรงรู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ทรงเหนื่อยหรือไม่ ทรงเจ็บหรือไม่…”
ไทเฮาส่งสายตาให้อวี้ชิงลั่ว ทั้งสองคนถอยออกไปพร้อมกัน
ทันทีที่ออกมาจากห้องบรรทม ก็เห็นเย่ซิวตู๋กำลังสาวเท้าก้าวใหญ่เดินมาทางด้านนี้
ไทเฮาทอดพระเนตรอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง “เจ้าไปเถิด ข้าเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว ฝ่าบาททรงฟื้นแล้ว ข้าเองก็วางใจ เรื่องการจับตัวมือสังหารต้องยกให้เย่ซิวตู๋แล้ว เจ้าให้เขาตั้งใจตามือสังหารให้ได้เร็วที่สุดเถิด”
“เพคะ” อวี้ชิงลั่วเรียกลวี่ฝู นางข้าหลวงที่รับใช้ข้างกายไทเฮามา เห็นพวกนางค่อยๆ เดินจากไปไกล จากนั้นก็รีบเดินไปรับเย่ซิวตู๋
“ฝ่าบาททรงฟื้นแล้ว”
แน่นอนว่าใบหน้าของเย่ซิวตู๋ฉายแววแห่งความสุข คิดจะเข้าไปในห้องบรรทม เพียงแต่เดินไปได้สองก้าวก็ถูกอวี้ชิงลั่วดึงกลับมา “รอเดี๋ยว ตอนนี้หนานหนานกับหลานเฉิงกำลังคุยกับพระองค์อยู่ ดูท่าทางของฝ่าบาทแล้วยังไม่มีชีวิตชีวานัก น่าจะต้องการให้ข้างกายมีเสียงอันใดให้ฟังเสียบ้าง หากท่านเข้าไป พระองค์จะต้องทรงถามเรื่องมือสังหารเป็นแน่ จะต้องทรงใช้แรงและใช้สมองอีก”
เย่ซิวตู๋หยุดฝีเท้า พยักหน้า เพียงแต่มองเข้าไปในห้องบรรทมแวบหนึ่ง จากนั้นก็ละสายตากลับมาแล้วกล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “มีทหารองครักษ์ที่เห็นท่าทางของมือสังหาร เพียงแต่มือสังหารผู้นั้นดูท่าแล้วไม่ใช่คนที่คุ้นหน้าเลย”
อวี้ชิงลั่วรีบถาม “เช่นนั้นคนชุดดำที่ประมือกับมือสังหารคือใครกัน?”
“ฟ่านซิวอวิ๋น”
อวี้ชิงลั่วชะงัก จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวต่อ “เสด็จพ่อประกาศว่าจะทรงแต่งตั้งน้องหกเป็นรัชทายาท คนที่จะตกอยู่ในอันตรายไม่ใช่เพียงน้องหกเท่านั้น ยังมีเสด็จพ่อด้วย ดังนั้นข้าจึงให้ฟ่านซิวอวิ๋นคอยปกป้องเสด็จพ่ออย่างลับๆ คิดไม่ถึงว่าประมาทไปเพียงเล็กน้อย เสด็จพ่อก็ทรงถูกแทงเสียได้”
“ไม่ว่าจะว่าอย่างไร ท่านเองก็ถือว่ามองการณ์ไกล อย่างน้อยที่สุดการจัดการของท่าน ก็ทำให้ฝ่าบาททรงบาดเจ็บเท่านั้น ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายถึงชีวิต”
เย่ซิวตู๋รู้ว่านางกำลังปลอบใจตนอยู่ จึงยิ้มออกมา “มือสังหารเป็นเช่นไรกันแน่ ก็ต้องรอฟ่านซิวอวิ๋นกลับมาค่อยว่ากัน”
“อืม”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หนานหนานกับเย่หลานเฉิงก็จับมือกันเดินออกมาแล้ว
อวี้ชิงลั่วอึ้งไป “เหตุใดจึงเร็วนัก?”
“เสด็จปู่บรรทมไปอีกแล้ว ตรัสว่าให้พวกเรารีบออกจากวังเร็วหน่อย ตอนนี้ในวังหลวงเองก็ไม่ปลอดภัย พวกเราไม่ต้องอยู่กับพระองค์ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วสบตากัน จากนั้นก็กล่าวกับทั้งสองคน “พวกเจ้าเองก็ได้พบเสด็จปู่แล้ว รีบกลับเสียหน่อย พ่อยังมีธุระอีก ให้ท่านแม่ของพวกเจ้าพาพวกเจ้ากลับเถิด”
“ขอรับ” วันนี้หนานหนานเชื่อฟังเป็นพิเศษ น่าจะเพราะฝ่าบาทถูกลอบสังหาร เขาจึงรู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
อวี้ชิงลั่วพูดคุยกับเย่ซิวตู๋สองสามประโยค จากนั้นก็พาเด็กทั้งสองคนออกจากวังหลวง
เย่ซิวตู๋เปลี่ยนทหารองครักษ์รอบห้องบรรทมของฮ่องเต้ให้เป็นคนของตนทั้งหมด ให้คุ้มกันอย่างเข้มงวด เพียงแมลงวันตัวเดียวก็ห้ามไม่ให้บินเข้าไป
จากนั้นก็ไปหาทางด้านไทเฮา ขอให้นางออกหน้าปรามเหล่านางสนมในวัง ไม่ให้พวกนางเข้าใกล้ห้องบรรทม
เหล่าองค์ชายก็ถูกเย่ซิวตู๋ขวางไว้ด้านนอก
ส่วนเหล่าขุนนางก็มีหลีจื่อฟานคอยปลอบโยนอยู่
การทำงานของเย่ซิวตู๋รวดเร็วอย่างมาก เดิมทีทุกคนในราชสำนักและวังหลวงล้วนตื่นตระหนกเพราะฝ่าบาทถูกลอบสังหาร ภายใต้การจัดสรรของเขา กลับทำให้ไม่มีปัญหาใหญ่ใดๆ
เรื่องเหล่านี้ทั้งยุ่งยากและเร่งด่วน อวี้ชิงลั่วรู้ว่าตนไม่สามารถช่วยอะไรได้ ตอนนี้การรีบกลับไปที่ตำหนักอ๋องโดยเร็วที่สุดและดูแลเด็กสองสามคนให้ดีนั้นสำคัญกว่า
ทว่าขณะรถม้าของพวกเขาเพิ่งมาถึงตำหนักอ๋องซิว หนานหนานกำลังถูกโม่เสียนอุ้มลงมาจากรถม้า ก็มีขอทานน้อยคนหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่มาชนเขาอย่างแรง
หนานหนานเบิกตากว้าง รีบถอยเท้าไปสองก้าว มือหนึ่งจับมือของเขาแล้วหยิก “เจ้าทำอะไรน่ะ?”
ขอทานน้อยผู้นั้นเงยหน้าทันใด หนานหนานเปลี่ยนสีหน้าไป “เหตุใด เหตุใดจึงเป็นเจ้า?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เป็นขอทานน้อยคนนั้นที่เคยส่งข่าวให้ชิงลั่วหรือเปล่านะ คราวนี้จะมาส่งข่าวเรื่องอะไรอีก
ไหหม่า(海馬)