อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 958 ฆ่าพ่อฆ่าสามีฆ่าลูกชาย
ตอนที่ 958 ฆ่าพ่อฆ่าสามีฆ่าลูกชาย
ตอนที่ 958 ฆ่าพ่อฆ่าสามีฆ่าลูกชาย
หนานหนานและเย่หลานเฉิงต่างรู้สึกประหลาดใจ เย่หลานเวยขอโทษจริงหรือ?
เขาจะขอโทษได้อย่างไร?
หนานหนานกะพริบตา “ครั้งสุดท้ายที่ข้าทับเจ้า ดึงผมและบิดแขนของเจ้า เจ้าก็ยังไม่ยอมขอโทษทั้ง ๆ ที่เจ็บปวดมาก แต่ตอนนี้เจ้ายอมขอโทษแล้วจริงๆ หรือ?”
รู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์กำลังจะตกทางทิศตะวันออกอย่างไรก็ไม่รู้
หนานหนานรีบวิ่งไปที่หน้าต่างทันที เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกข้างนอก
ใบหน้าของเย่หลานเวยเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เขาเป็นซื่อจื่อน้อย ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างคอยสนับสนุน และให้สิ่งที่เขาต้องการเสมอ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็จะมีคนคอยปูทางให้เขา
ดังนั้นพฤติกรรมของเขาจึงมักจะเอาแต่ใจและหยาบคายเสมอ เมื่อเจอเย่หลานเฉิง เขาก็รู้สึกเพียงแค่ว่าเป็นซื่อจื่อเหมือนกันจึงสามารถรังแกได้ ซึ่งเป็นการทำไปเพื่อความสนุกโดยไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลย
แต่ตอนนี้ถึงคราวที่เขาต้องถูกคุมขังแล้ว และเห็นว่าแม่นมต้องถูกฆ่าตาย เพราะไม่ยอมทำตามคำสั่งของอาเจ็ด เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าความรู้สึกนี้เป็นเช่นไร ทันทีที่เขาเห็นเย่หลานเฉิง เขาจึงรู้สึกผิดและเห็นอกเห็นใจ
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น คนเราต้องผ่านบางสิ่งบางอย่างเพื่อเติบโตเสมอ
นางดึงหนานหนานออกจากหน้าต่าง ขยี้ศีรษะของเขาและพูดว่า “หยุดเล่นได้แล้ว ไปนั่งดี ๆ”
หนานหนานเงยหน้าขึ้นยิ้มให้นาง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ชี้ไปที่เสื้อผ้าสกปรกของเย่หลานเวย แล้วพูดว่า “ท่านแม่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้าของข้ามาให้เขาเปลี่ยน ข้าไม่ชอบเห็นเขาสภาพนี้เลยขอรับ”
อวี้ชิงลั่วมองเย่หลานเวยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เขายังต้องกลับไป เสื้อผ้าของเจ้าสะดุดตาและโดดเด่นเกินไป”
เย่หลานเวยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และคายถั่วที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา ก่อนจะรีบลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปหาอวี้ชิงลั่วอย่างกระตือรือร้นด้วยสีหน้าวิงวอน “ข้า ข้าอยู่ที่นี่ได้หรือไม่? ไม่อยากกลับไป ข้ากลัวขอรับ”
สุดท้ายเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ เมื่ออวี้ชิงลั่วเห็นเขาเริ่มร้องไห้อีกครั้ง นางก็ถอนหายใจ
จากนั้นจับมือเขาและให้เขานั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนจะกระซิบ “หลานเวย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากกลับไป แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากองค์ชายเจ็ดรู้ว่าเจ้าหายตัวไป เขาจะทำอย่างไร? เขาอาจจะตามหาเจ้า หรือไม่เช่นนั้นก็อาจโกรธจนฆ่าพ่อแม่ของเจ้า หากเจ้าไม่กลับไป พวกเขาอาจเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของเจ้าก็ได้ เจ้ารู้หรือไม่?”
เย่หลานเวยตกตะลึงและก้มศีรษะลงโดยไม่พูด น้ำตาไหลอาบแก้ม
แม้แต่หนานหนานก็อดเบือนหน้าหนีไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเศร้าสร้อยเช่นนั้น
ความจริงแล้วเมื่อก่อนเขานิสัยแย่มาก ทำให้หนานหนานรำคาญมาก ทว่าเหตุใดถึงกลายเป็นน่าสงสารได้ภายในไม่กี่วัน?
“ข้ารู้ว่าเจ้ากลัว” อวี้ชิงลั่วมักจะอดทนกับเด็กเสมอ “แต่ตอนนี้เจ้าทำได้เพียงกลับไปเท่านั้น เมื่อเจ้ากลับไป จงเชื่อฟัง อย่าขัดคำสั่งองค์ชายเจ็ด จงพูดกับแม่ของเจ้าอย่างสุภาพ และหลีกเลี่ยงคนของเขาให้มากที่สุด“
“แล้ว… แล้วท่านอาห้า ท่านอาห้ากับหนานหนานจะมาช่วยเราหรือไม่?” เย่หลานเวยนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นถาม แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็รู้สถานการณ์ดี
หนานหนานรีบตอบทันที “ไปอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล” เขาเคยเกลียดชังเย่หลานเวยมาก แต่ไม่เคยคิดว่าต้องการให้เขาตาย
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะเย่หลานเวย แล้วหัวเราะ “ย่อมไปแน่ เจ้ากลับไปอย่างเชื่อฟัง แล้วอย่าบอกใครว่ามาเจอพวกเราในวันนี้ องค์ชายเจ็ดเป็นคนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ดังนั้นอย่าบอกใคร เข้าใจหรือไม่?”
“…ข้า ข้าเข้าใจแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าก็กินก่อน กินเสร็จแล้วข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับเงียบ ๆ”
เย่หลานเวยสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้า “ก็ได้ขอรับ”
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้กินอย่างสบายใจเหมือนตอนแรก เขายังคงกลัวมาก แต่ก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อบิดามารดา น้องสาวและผู้คนอีกมากมายในตำหนักได้ เพียงเพราะว่าเขากลัว
หากพวกเขาเสียชีวิตด้วย เขาก็จะเหลืออยู่ตัวคนเดียวแล้วจริง ๆ
หลังจากที่เย่หลานเฉิงนั่งเม้มปากถัดจากเขาเงียบเป็นเวลานาน เขาก็พูดเบา ๆ ว่า “ตอนนี้เจ้าต้องอดทนไว้ แล้วจะมีทางออกในอนาคต”
นั่นคือสิ่งที่แม่ของเขาเคยบอกไว้
เย่หลานเวยมองกลับมาที่เขา “ขอบคุณ”
หนานหนานรู้สึกประหลาดใจมาก วันนี้ดูเหมือนว่าเย่หลานเวยจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขารู้จักพูดคำว่าขอโทษและขอบคุณจริง ๆ ไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของเย่หลานเวย
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน เย่ซิวตู๋ก็กลับมา
เขาดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย เมื่อเขาเดินเข้าประตูมาแล้วเห็นเด็กน้อยมอมแมมนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาก็ตกตะลึง
จนกระทั่งเห็นว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร เขาก็มองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ
เย่หลานเวยเห็นเขา ดวงตาของเขาก็สดใสขึ้น แต่ก็ยังคงหวาดเกรงเขาเล็กน้อย เขาอยากจะเข้าไปพูดคุยเรื่องพ่อของเขา แต่ก็ไม่กล้าพอ หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับมือหนานหนาน “เจ้า เจ้าช่วยพาข้าไปหาท่านอาห้าได้หรือไม่?”
หนานหนานรู้สึกแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าพ่อของเขาเห็นเป็นคนง่าย ๆ แต่เหตุใดเย่หลานเวยจึงมองพ่อด้วยความกลัวราวหนูเห็นแมว?
เขายักไหล่และพูดว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง แม่ของข้าจะคุยกับพ่อของข้าเรื่องเจ้า เจ้ากินให้เสร็จก่อนเถิด ประเดี๋ยวอาหารจะเย็น”
“โอ้” พวกเย่หลานเวยพยักหน้า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าอวี้ชิงลั่วลุกเดินไปหาเย่ซิวตู๋จริง ๆ
เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องชั้นในแล้ว อวี้ชิงลั่วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดใบหน้าของเขาทันที
เย่ซิวตู๋รู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปข้างนอกแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? หลานเวยมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงว่าไม่มีความประทับใจที่ดีกับเย่หลานเวยเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วดึงเขาให้นั่งลง ก่อนจะนวดขมับให้เขา และเล่าจุดประสงค์ที่ทำให้เย่หลานเวยมาที่นี่ให้เขาฟังเบา ๆ
เมื่อพูดถึงองค์ชายเจ็ดและเหมิงกุ้ยเฟย อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกถึงความตึงเครียดของคนตรงหน้านางได้อย่างชัดเจน
นางใช้มือนวดขมับให้เขา เสียงพูดของนางเงียบลง
เย่ซิวตู๋ก็เงียบเช่นกัน เขาหลับตาและไม่พูดอยู่นาน
“ท่าน…ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วกระซิบถามเขา
เย่ซิวตู๋หายใจเข้าลึก ๆ เขาเตรียมพร้อมทางจิตใจอยู่เสมอ เขารู้ว่าฮ่องเต้ต้องถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งเหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายเจ็ดนั้นน่าสงสัยที่สุด
และเขาก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่เขาแค่รู้สึก…หายใจไม่ออก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาของอวี้ชิงลั่ว “ข้าขอให้ฟ่านฉี่อวิ๋นส่งหลานเวยกลับตำหนัก”
“ได้เลย ข้าจะไปบอกเขา” อวี้ชิงลั่วรู้ว่าเขาต้องการอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์สักพัก นางจึงหันหลังเดินออกจากห้องด้านใน
นางขอให้เยว่ซินหาเสื้อผ้าที่ดูธรรมดามาเปลี่ยนให้เย่หลานเวย แล้วบอกให้หนานหนานไปเรียกฟ่านฉี่อวิ๋น เพื่อขอให้เขาไปส่งเย่หลานเวยกลับวัง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว อวี้ชิงลั่วก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูท้องฟ้าด้านนอกที่ค่อย ๆ มืดลง
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ เดินไปยืนอยู่ข้างหลังเขา แล้วจับนิ้วมือของเขาแผ่วเบา
ทั้งสองเงียบนาน แล้วคำพูดชวนหดหู่ของเย่ซิวตู๋ก็ดังขึ้น “ฆ่าพ่อ ฆ่าสามี ฆ่าลูกชาย มีอะไรอีกบ้างที่นางจะทำไม่ได้!!”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนเราบางคนเวลาถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดมันก็จะเป็นเวลาที่สำนึกตนได้นั่นแหละค่ะ
เหมิงกุ้ยเฟยนี่ควรไปหาจิตแพทย์นะคะ คนไข้ป่วยหนักเลยแหละ
ไหหม่า(海馬)