อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 96 คนชั่วร้องทุกข์ก่อน
ตอนที่ 96 คนชั่วร้องทุกข์ก่อน
เหวินเทียน หนานหนานและสองแม่ลูกเฉินจีซินหันกลับไปมองอย่างพร้อมเพรียง ก็พบว่ามีบุรุษท่าทางราวกับองครักษ์ถือดาบอยู่ในมือ จ้องมองพวกเขาทั้งสองด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
ด้านหลังขององครักษ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีรถม้าคันหนึ่งจอดขวางอยู่กลางถนนและไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้
หนานหนานถอนหายใจราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย คนเหล่านี้ชั่วร้ายจริง ๆ ไม่มีใครยอมให้เขาได้เล่นอย่างสะใจเลย เหตุใดถึงต้องมาตะคอกใส่หน้าเขาด้วย หากมิใช่เพราะเขาเป็นคนตัวเล็กเสียงเล็ก เขาคงได้พ่นน้ำลายใส่คนพวกนี้จนตายเป็นแน่
เฉินจีซินและบุตรีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูรถม้าคันนั้นอย่างละเอียด ทันใดนั้นรูม่านตาก็หดเล็กลง รีบเปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน “ท่านเจ้าหน้าที่ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาจะขวางทางอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ เพียงแต่คนผู้นี้ฆ่าม้าของข้าน้อยจนตาย จึงทำให้รถม้าเสียและหยุดอยู่กลางทาง พวกเราเองก็อยากจะจบปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วและรีบแยกย้าย เพื่อไม่ให้การเดินทางของท่านล่าช้า เพียงแต่คนผู้นี้ช่างดื้อดึงยิ่งนัก ต่อให้ตายก็ไม่ยอมรับผิด ดังนั้นจึง…”
“พอแล้ว ข้าไม่สนใจว่าใครผิดใครถูก ตอนนี้รีบย้ายรถม้าไปที่อื่นซะ มิเช่นนั้นหากทำให้การทำงานของนายท่านของข้าล่าช้า ข้าได้ฆ่าพวกเจ้าแน่” องครักษ์ผู้นั้นไม่ได้สนใจที่จะฟังคำอธิบายของนาง ใครถูกใครผิดเขาไม่สนใจ แต่จะไม่ยอมให้นายท่านของพวกเขามาแก้เรื่องนี้
เฉินจีซินและบุตรีรู้สึกลำบากใจ พวกนางทั้งคู่เป็นสตรี คนขับรถม้าก็ตัวผอมร่างเล็ก จะจัดการเคลื่อนย้ายรถม้าคันใหญ่นี้ได้อย่างไร?
เมื่อไม่มีหนทาง จู่ ๆ อวี้ชิงโหรวก็เบียดองครักษ์ที่ไม่ได้เสริมการป้องกัน ปรี่ตัวไปด้านหน้ารถม้าคันนั้น
การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันกระตุ้นการเฝ้าระวังขององครักษ์ที่อยู่ด้านหน้ารถม้าทันที แต่ละคนชักมีดออกมาเตรียมสังหารนาง
ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ อวี้ชิงโหรวจะคุกเข่าลงบนพื้นจนเกิดเสียง ‘ปึง’ เสียงหนักอึ้งนั้นเพียงไม่นานก็ดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ด้านในรถม้า
“นายท่าน โปรดให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ” ครั้นพูดคำนี้ น้ำตาก็ไหลพรากออกมาจากนัยน์ตา เปื้อนจนแก้มเปียกปอน
หนานหนานรู้สึกน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ตอนที่เขาร้องเหตุใดถึงไม่มีน้ำตาแม้แต่นิดเดียว? ท่านแม่มองออกทุกครั้งว่าเขากำลังเสแสร้งแกล้งทำ สตรีผู้นี้เก่งกาจมาก…อ๋อ คาดว่าตอนที่คุกเข่าคงรุนแรงเกินไป ต้องเจ็บเข่ามากเป็นแน่
เฮ้อ ช่างโง่เขลาเสียจริง อยู่ดี ๆ จะคุกเข่าไปทำไมกัน? บนพื้นทั้งสกปรกทั้งเหม็น บางทีก่อนหน้านี้อาจจะมีสุนัขป่าฉี่ที่พื้นก็ได้
เหวินเทียนหรี่ตาลง เขาย่อมมองออกว่าเจ้าของรถม้าคันนั้นเป็นใคร นี่เป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว หากคนในรถยืนกรานจะดูแลเรื่องนี้ เรื่องนี้คงเจอจุดจบที่ไม่ดี
การเคลื่อนไหวด้านนอกมากเกินไป คนที่อยู่ในรถม้าจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่งจึงยื่นมือขาว ๆ ที่มีหนังด้านบนฝ่ามือออกมาข้างหนึ่ง
ลูกน้องที่อยู่ด้านหน้ารถม้าเห็นเช่นนี้ จึงรีบกระโดดลงจากรถม้าแหวกมุมของผ้าม่านรถม้า จับไว้อย่างระมัดระวัง
คนที่อยู่ด้านในยกสันกรามขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นสตรีที่คุกเข่าอยู่บนพื้น จึงเลิกคิ้วกล่าวว่า “เงยหน้าขึ้น”
อวี้ชิงโหรวชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นแต่โดยดี จากนั้นก็เหลือบมองไปยังตำแหน่งของรถม้าอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าของท่านอ๋องเป่าอย่างที่นางคิดไว้ ภายในใจจึงแอบรู้สึกผิดหวังอย่างห้ามไม่ได้
ทว่าในเมื่อรถม้าคันนี้เป็นรถม้าของตำหนักอ๋องเป่า เช่นนั้นมีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งที่ภายในรถคือซื่อจื่อของท่านอ๋องเป่า และเป็นพระราชนัดดาของฮ่องเต้ ตำแหน่งสถานะก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
ธรรมเนียมของอาณจักรเฟิงชางเปิดกว้าง ไม่ได้ถึงขั้นห้ามไม่ให้สตรีออกจากเรือนเดินอยู่บนถนนตามใจชอบ แต่คุณหนูตระกูลใหญ่เหล่านั้นตอนที่ออกจากเรือนก็จะปิดบังใบหน้าด้วยผ้า ถือเป็นความนิยมอย่างหนึ่งของสตรีชั้นสูงในอาณาจักรเฟิงชาง
เดิมทีอวี้ชิงโหรวนั่งอยู่ด้านในรถม้ากับแม่ของนาง ย่อมไม่ได้ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าผืนนั้น
บัดนี้เมื่อเงยหน้าขึ้น ใบหน้างดงามนั้นจึงดึงดูดสายตาของเย่หลานผิงที่นั่งอยู่ในรถม้าโดยพลัน
นัยน์ตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ว่ามาสิ มีเรื่องอะไรต้องการให้ข้าตัดสินอย่างเป็นธรรม?”
อวี้ชิงโหรวได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ภายในใจจึงเกิดความหวัง อย่างน้อย ๆ พระราชนัดดาที่อยู่ด้านในก็ไม่ได้ขอให้นางย้ายรถม้าที่จอดขวางทางโดยไม่แยกแยะถูกผิด และไม่ได้กล่าวโทษเรื่องที่นางไร้มารยาท และสั่งให้คนลากตัวนางออกไป
ปรากฏว่ายอมสละเวลาฟัง เช่นนั้นนางจึงเกิดความมั่นใจในตนเอง นางต้องทำให้พระราชนัดดาผู้นี้ยืนข้างนางให้ได้
อวี้ชิงโหรวสูดหายใจเข้าลึก ๆ เสียงของนางเปลี่ยนเป็นความละมุนละไม “วันนี้ข้าน้อยและท่านแม่เดินทางไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวามาเจ้าค่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่กำลังจะกลับเรือนรถม้าจะเกิดเหตุสุดวิสัยไม่สามารถนั่งได้ เสนาบดีฝ่ายขวามีเมตตา จึงให้เราสองแม่ลูกยืมรถม้าภายในจวน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างทางม้าตัวนั้นจะถูกกระตุ้น เริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่งจนไม่อาจควบคุมได้ พวกเราสองแม่ลูกนั่งอยู่ด้านในรถม้าต่างก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวรีบบอกให้คนที่อยู่บนถนนเปิดทางให้ เพื่อไม่ให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ”
เย่หลานผิงพยักหน้า รถม้าของจวนเสนาบดีฝ่ายขวานี่เอง สองแม่ลูกคู่นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนมีสถานะอยู่เหมือนกัน
อวี้ชิงโหรวเห็นว่าเขาไม่พูดแทรก ก็ยิ่งเกิดความมั่นใจ “เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างทางจู่ ๆ จะมีเด็กปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังขวางทางอยู่ตรงนั้นอย่างดื้อดึงไม่ยอมฟังคำโน้มน้าวที่บอกให้หลบออกไป เมื่อเห็นว่ากำลังจะชนแล้ว ตอนนั้นพวกเราต่างก็ตกใจจนต้องกระโดดออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าผู้คุ้มกันของเด็กคนนั้นไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากที่ใด ฝีมือก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย เพียงพริบตาก็สามารถช่วยเด็กไว้ได้แล้ว พวกเราเห็นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อย ๆ ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ใครจะไปคิดว่าผู้คุ้มกันคนนั้นจะเกิดความโกรธในใจ หลังจากช่วยเด็กไว้ได้ก็ยังปรี่ตัวเข้ามา ทั้งยังทุบตีม้าจนตาย เราสองแม่ลูกก็ถูกเหวี่ยงออกนอกรถ ร่างกายมีบาดแผลเต็มไปหมดเลยเจ้าค่ะ”
ระหว่างที่พูด หลังมือขาว ๆ ข้างนั้นที่โผล่ออกมากลับไม่เผยร่องรอยอะไร จุดที่เกิดการถลอกนั้น เป็นแผลที่มาจากการกระแทกเมื่อครู่จริง ๆ
ทว่าคำพูดของนางที่ทำให้ผิดกลายเป็นถูก ก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง
อวี้ชิงโหรวก้มหน้าร้องไห้อีกหน “พวกเราสองแม่ลูกก็ลำบาก คิดว่าที่แท้ก็เป็นความผิดของพวกเรา เจ้านายตัวน้อยของอีกฝ่ายเกือบได้รับบาดเจ็บ หากเกิดความขุ่นเคืองก็เป็นที่เข้าใจได้ แต่ม้าตัวนั้นกลับตายไปแล้ว นั่นเป็นม้าที่เสนาบดีฝ่ายขวารัก เดิมทีก็ให้พวกเราหยิบยืมด้วยความหวังดี คิดไม่ถึงเลยว่ากลับต้องมาตายเพราะเหตุนี้ สิ่งนี้ทำให้พวกเราสองแม่ลูกไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเสนาบดีฝ่ายขวาอย่างไร จึงขวางอยู่กลางทาง พวกเราเองก็มิได้คิดจะสร้างความลำบากใจให้ผู้คุ้มกันท่านนั้น ก็แค่อยากให้เขาขอโทษก็เท่านั้น แต่ แต่…เขาและนายน้อยของเขากลับสร้างความอัปยศให้กับเสนาบดีฝ่ายขวา บอกว่า บอกว่าเสนาบดีฝ่ายขวาคือรูปปั้นเจ้าค่ะ”
เรื่องนี้นางไม่ได้โกหก เพราะเด็กคนนั้นก็พูดเช่นนี้
เหวินเทียนได้ยินก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ ชาวบ้านธรรมดาที่เข้ามามุงดูเหล่านั้นยิ่งโกรธเคือง แต่พวกเขาต่างก็ทราบดีว่าคนที่อยู่ในรถม้าเป็นใคร โดยปกติเย่หลานผิงและสหายของเขาก็วางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยชินแล้ว ตอนนี้ใครจะกล้าออกหน้าพูดแทนเล่า
จึงทำได้เพียงขบฟันฟังอวี้ชิงโหรวพูดจากลับดำเป็นขาว มองเจ้านายและบ่าวคู่นั้นที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์
มีชาวบ้านแอบโน้มน้าวพวกเขาให้ออกไปอย่างเงียบ ๆ ถึงอย่างไรเหวินเทียนก็ฝีมือดีขนาดนั้น หากพาเด็กน้อยออกไปองครักษ์เหล่านั้นก็ไม่อาจหยุดได้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะเลยนะชิงโหรว เป็นไปได้ไหมนะที่จะเป็นคนวางแผนอยู่เบื้องหลังยัดชิงลั่วให้อวี๋จั้วหลินจนเป็นเรื่องยุ่งเหยิงตามมา ถ้าเป็นน้องสาวชิงลั่วจริงก็พี่น้องแบบกาสะลองซ้องปีบแหละ
ไหหม่า(海馬)