อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 962 ภูมิหลังของเย่ซิวตู๋
ตอนที่ 962 ภูมิหลังของเย่ซิวตู๋
ตอนที่ 962 ภูมิหลังของเย่ซิวตู๋
สีหน้าของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนเป็นจริงจัง นิ้วเรียวของเขาลูบหน้าสมุดบันทึกเบา ๆ
สักพักก็เปิดสมุดบันทึก
ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลประวัติสุขภาพทั่วไป เพียงแต่ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นการบันทึกอาการเจ็บป่วยของพระสนมและองค์ชายในวัง
แน่นอนว่ารวมถึงเหมิงกุ้ยเฟยด้วย
เย่ซิวตู๋กวาดสายตาไปยังบันทึกอาการของเหมิงกุ้ยเฟย แต่เขาไม่เข้าใจคำศัพท์ทางการแพทย์มากมายในนั้น
อวี้ชิงลั่วจึงอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลข้างหูเขา “หลังคลอดร่างกายไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน สภาพร่างกายแย่ลงทุกวันราวกับตะเกียงที่น้ำมันหมด”
เย่ซิวตู๋อึ้งและเปิดหน้าถัดไป
เพียงแค่บรรทัดแรกก็ทำให้ทั้งเขาและอวี้ชิงลั่วเบิกตากว้าง และอ้าปากค้าง
ลายมือเป็นระเบียบและมั่นคงของหมอเริ่นในแต่ละบรรทัด เขียนคำอธิบายไว้อย่างชัดเจน
‘ย่างเข้าปีเฟิ่งจิ่นที่สาม กุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์แห่งดินแดนเหมิงเสียชีวิตเมื่ออายุยี่สิบเอ็ดปี’
สีหน้าของเย่ซิวตู๋เปลี่ยนไปอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปมองอวี้ชิงลั่ว “หมายความว่าอย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วก็กำลังสับสน หมายความว่าอย่างไรงั้นหรือ? เย่ซิวตู๋จะไม่เข้าใจความหมายนี้ได้อย่างไร?
“หมู่เฟยของข้า… เสียชีวิตในปีเฟิ่งจิ่นที่สามนั้น…หรือ? ในปีเฟิ่งจิ่นที่สาม ข้าเพิ่งเกิด…” เย่ซิวตู๋ลุกขึ้นยืนอย่างกระวนกระวาย
‘ฟึ่บ’ สมุดบันทึกในมือของเขาตกลงบนพื้น เขาเริ่มเดินไปรอบ ๆ ห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
อวี้ชิงลั่วก้มลงหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา แล้วลอบถอนหายใจ หมอเริ่นน่าจะเป็นหมอหลวงที่รักษาเหมิงกุ้ยเฟยในตอนนั้น โดยรู้ว่าเวลาของนางกำลังนับถอยหลัง และรู้ว่านางตายไปแล้ว
แต่ที่น่าสยดสยองก็คือหลังจากการตายของเหมิงกุ้ยเฟย เหมิงกุ้ยเฟยอีกคนก็ปรากฏตัวออกมาทันที หมอเริ่นรู้ว่านี่เป็นความลับของราชวงศ์ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปกปิดไว้
“ดังนั้นเหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบันจึงเป็นตัวปลอม นางเข้ามาแทนที่หมู่เฟยของข้าใช่หรือไม่?” จู่ ๆ เย่ซิวตู๋ก็หยุดนิ่ง ใบหน้าของเขาซีดเซียว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันหลังเตรียมเดินออกไปนอกประตู
อวี้ชิงลั่วตกใจ นางรีบเข้าไปกอดเอวเขา แล้วลากเขากลับมาทันที
“ใจเย็นก่อน ไม่ใช่เช่นนั้น เหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบันไม่ถือว่ามาแทนที่หมู่เฟยของท่าน”
เย่ซิวตู๋หันหน้ามาจับไหล่ของนางทันที ดวงตาของเขาเฉียบคมและบ้าคลั่ง เขาถามเน้นคำต่อคำ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้ารู้อะไรหรือ?”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ พละกำลังของเขาแข็งแกร่งนัก ราวกับว่าเขาต้องการจะบดขยี้กระดูกของนาง
อวี้ชิงลั่วรู้ว่าเย่ซิวตู๋กำลังจะสติแตก
นางรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกัดฟันพูดทีละคำ “ท่านนั่งลงก่อน แล้วข้าจะเล่าตั้งแต่ต้น”
เย่ซิวตู๋เพียงแค่จ้องมองนางโดยไม่ขยับ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกโมโหมาก ทันใดนั้นนางก็ยืนเขย่งปลายเท้า ก่อนโน้มตัวเข้าหาริมฝีปากของเขาและกัดอย่างแรง
เย่ซิวตู๋ครวญครางด้วยความเจ็บปวด และทันทีที่เขาคลายมือออก เขาก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา นางครางเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด และยืนห่างจากเขาสามก้าว
เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นด้วยความโมโห แล้วจ้องมองนางเขม็ง แต่วินาทีต่อมา เมื่อเห็นนางขมวดคิ้วแน่น และท่าทางจับไหล่ตัวเองด้วยความเจ็บปวด คลื่นแห่งความเสียใจก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจของเขา
เขาลูบใบหน้าตัวเองอย่างแรง เสียงของเขาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ชิงเอ๋อร์ ข้า… ข้าขอโทษ เจ้าอยู่ให้ห่างข้าเถิด ข้าเกรงว่าจะคุมตัวเองไม่อยู่”
นางกลัวว่าเขาจะมีอารมณ์เหมือนเมื่อสักครู่นี้ และจะไม่สามารถควบคุมมันได้อีก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดออกไป
“ท่านนั่งลงก่อน”
เย่ซิวตู๋หยุดชะงัก จากนั้นหันไปมองเก้าอี้ตั้งห่างจากนางเล็กน้อย จึงทรุดตัวลงนั่งอย่างเชื่อฟัง
อวี้ชิงลั่วลูบไหล่ตัวเอง มันเจ็บปวดเหลือเกิน ราวกับว่ามีตะปูตอกเข้าไปกะทันหัน
“สิ่งที่แม่นมเก๋อทิ้งไว้ที่บ้านสกุลอวี๋คือจี้หยกสองอัน ซึ่งเป็นจี้ที่เหมิงจื่อเชียนและข้ามีอยู่คนละชิ้นในตอนนั้น และตอนนี้พวกมันก็อยู่ที่นี่แล้ว”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า เมื่อหันไปมองก็พบจี้หยกสองอันวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะ และวางห่างจากเขาไม่กี่ก้าว
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ท่านเคยเห็นจี้หยกนี้มาก่อนหรือไม่? บนนั้นสลักไว้ว่าอะไร?”
เย่ซิวตู๋ยืนขึ้นอีกครั้ง เพื่อหยิบจี้หยกขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นลวดลายบนจี้หยกนี้ บนแผ่นกระดาษในห้องตำราของท่านปู่”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก “มีจี้หยกสองอัน มอบให้พี่น้องคู่หนึ่ง นั่นก็คือหมู่เฟยของท่าน… และเหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบัน ทั้งสองเป็นพี่น้องฝาแฝด เมื่อทั้งสองเกิดมา พวกนางก็เกิดมาพร้อมกัน”
เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความประหลาดใจทันที “ฝาแฝดหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยได้ว่าท่านปู่มีลูกสาวอีกคนเลย?”
“ไม่ใช่แค่ท่านหรอก คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้เช่นกัน ในตอนที่หมู่เฟยของเจ้าเกิด มีเพียงหมู่เฟยของเจ้าเท่านั้นที่มีปานรูปดอกไม้ เหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบันเป็นเพียงชาวเหมิงธรรมดา ย่าของท่านจึงไม่ชอบเหมิงกุ้ยเฟย และต้องการเลี้ยงดูเพียงหมู่เฟยของท่านเท่านั้น โดยต้องการสั่งสอนนางให้เป็นสตรีชาวเหมิงที่ไม่เหมือนใคร แต่นางก็คิดเช่นกันว่าหากสองพี่น้องอยู่ด้วยกัน จะส่งผลต่อหมู่เฟยของเจ้าแน่นอน ดังนั้นนางจึงส่งเหมิงกุ้ยเฟยไปอยู่ในบ้านพัก แล้วมอบหน้าที่เลี้ยงดูให้คนรับใช้และจำกัดเสรีภาพของนาง แม้แต่ปู่ของเจ้าก็ไม่รู้เรื่องนี้”
สกุลเหมิงมีลูกสาวสองคน หมู่เฟยของเย่ซิวตู๋ชื่อว่าเหมิงหลิงหลง และเหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบันชื่อว่าเหมิงเสี่ยวขุย ซึ่งย่าของเย่ซิวตู๋นั้นช่างใจร้ายยิ่งนัก
เหมิงหลิงหลงได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดมาโดยตลอด และเนื่องจากปานรูปดอกไม้บนร่างกายของนาง นางจึงเป็นที่รักของผู้คนนับพัน
แม้ว่าเหมิงเสี่ยวขุยจะเติบโตในบ้านพัก แต่สุดท้าย นางกับเหมิงหลิงหลงก็เป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีนิสัยคล้ายกัน ทั้งนิสัยใจคอและพฤติกรรม แม้จะไม่ได้รับการสั่งสอนอย่างเคร่งครัด แต่นางก็ยังมีความสามารถมาก
ต่อมาก่อนฮูหยินของผู้อาวุโสสกุลหมิงเสียชีวิตลงด้วยโรคร้ายแรง นางได้เล่าเรื่องเหมิงเสี่ยวขุยให้ผู้อาวุโสสกุลหมิง เหมิงหลิงหลง และเหมิงจื้อเฉิงฟัง
ผู้อาวุโสสกุลหมิงตกใจมาก และต้องการไปบ้านพักเพื่อพาเหมิงเสี่ยวขุยกลับมา แต่เหมิงเสี่ยวขุยได้หายตัวไปแล้ว
ผู้อาวุโสสกุลหมิงทำได้เพียงแอบส่งคนไปตามหา หลังจากค้นหามาหลายปี ในที่สุดเขาก็พาเหมิงเสี่ยวขุยกลับมาได้ ในเวลานั้นเหมิงเสี่ยวขุยเหมือนกับเหมิงหลิงหลงทุกประการ จนแม้แต่เหมิงหลิงหลงก็ยังประหลาดใจ และมารยาทของนางก็ถูกขัดเกลาเป็นอย่างดี ซึ่งน่าพึงพอใจมาก
ในเวลานั้นดินแดนเหมิงต้องสานสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรเฟิงชางด้วยการแต่งงาน และผู้ที่ถูกเลือกก็คือลูกสาวของผู้อาวุโสสกุลหมิง
เดิมทีเหมิงหลิงหลงเป็นคนที่แม่ของนางวางแผนไว้แล้วว่าจะยกให้ประมุขเผ่าเหมิงในอนาคต ดังนั้นหลังจากการหารือ ผู้อาวุโสสกุลหมิงจึงตัดสินใจให้เหมิงเสี่ยวขุยเข้าวัง
สำหรับตัวตนของนาง ผู้อาวุโสสกุลหมิงได้เล่าให้ประมุขในตอนนั้นรับรู้แล้ว อย่างไรเสีย พวกนางก็เป็นลูกสาวของคฤหาสน์สกุลหมิง และไม่สำคัญว่าใครจะแต่งงานกับใคร อีกทั้งประมุขในตอนนั้นก็ไม่ต้องการให้เหมิงหลิงหลง อภิเษกกับฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชาง ดังนั้นเขาจึงวางแผนรอจนกว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางจะแต่งตั้งสนมอย่างเป็นทางการก่อน แล้วจึงหาข้ออ้างที่สมบูรณ์แบบเพื่อประกาศให้ทั้งเผ่าทราบ
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าในวันก่อนงานอภิเษกสมรส เหมิงหลิงหลงแอบทำให้เหมิงเสี่ยวขุยหมดสติไป แล้วขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เสลี่ยงด้วยตัวเอง เหมิงหลิงหลงไม่ต้องการอยู่ในดินแดนเหมิงไปตลอดชีวิต นางจึงต้องการไปอาณาจักรเฟิงชาง ดังนั้นนางจึงจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้มีข้อสรุปไปแล้ว ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากให้เหมิงเสี่ยวขุยอยู่ต่อ แต่คาดไม่ถึงว่าเหมิงเสี่ยวขุยจะไปอยู่ที่บ้านพัก โดยไม่เต็มใจจะอยู่ในคฤหาสน์
ดังนั้นจึงแทบไม่มีใครรู้ภูมิหลังของเหมิงเสี่ยวขุยมาก่อนเลย
แต่คาดไม่ถึงว่า หลังจากเหมิงหลิงหลงที่กลายเป็นกุ้ยเฟยให้กำเนิดเย่ซิวตู๋แล้ว สุขภาพของนางกลับแย่ลงทุกวัน จนถึงสภาวะใกล้ตาย
หากนางตาย ก็จะไม่มีใครปกป้องเย่ซิวตู๋ที่ยังอยู่ในวัยทารก ในตอนนั้นนางจึงนึกถึงเหมิงเสี่ยวขุย
นางต้องการให้เหมิงเสี่ยวขุยมาแทนที่นางในฐานะเหมิงกุ้ยเฟย แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือในเวลานั้น เหมิงเสี่ยวขุยมีคนที่นางชอบอยู่แล้ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องราวมันช่างซับซ้อนนัก คนที่เป็นหมู่เฟยจริงๆ ตายไปแล้วและยังมีแฝด อืมมม ก็ไม่แปลกเลยที่ท่านอ๋องจะโดนตามฆ่าจากคนที่มีตำแหน่งเป็นแม่
ไหหม่า(海馬)