อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 963 ต้นเหตุของทุกเรื่องคือเขา
ตอนที่ 963 ต้นเหตุของทุกเรื่องคือเขา
ตอนที่ 963 ต้นเหตุของทุกเรื่องคือเขา
การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างดินแดนเหมิงและอาณาจักรเฟิงชางย่อมได้รับความสนใจอยู่แล้วจากทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ในตอนนั้นเหมิงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน จนเย่ซิวตู๋ได้กำเนิดขึ้นมา ฮ่องเต้จึงรักเขามาก
หากเหมิงหลิงหลงเสียชีวิตลงในตอนนั้น ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์กับดินแดนเหมิงจะหายไปเท่านั้น แม้แต่เย่ซิวตู๋ก็จะไม่เป็นที่โปรดปราน และคงยากที่จะอยู่รอดในวังหลวง
ประมุขดินแดนเหมิงในเวลานั้นจึงตกลงตามข้อเสนอของเหมิงหลิงหลงทันที โดยแทบไม่คิดด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้ว หากเหมิงเสี่ยวขุยที่เหมือนกับเหมิงหลิงหลงเข้าวัง ทุกคนก็จะยังคงเข้าใจว่านางเป็นหมู่เฟยของเย่ซิวตู๋ และจะไม่มีใครกล้าละเลยเย่ซิวตู๋
ในตอนนั้นเย่ซิวตู๋ที่มีปานรูปดอกไม้ ย่อมมีความสำคัญมากกว่าเหมิงเสี่ยวขุยที่เติบโตมาในบ้านพัก
ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวเหมิงมีหน้าที่ปกป้องผู้ที่มีปานรูปดอกไม้ โดยไม่คำนึงถึงเพศ ดังนั้นเหมิงเสี่ยวขุยจึงมีความรับผิดชอบในการรับแบกรับภาระนี้
แต่เหมิงเสี่ยวขุยไม่เห็นด้วย นางเต็มไปด้วยขุ่นเคืองเหมิงหลิงหลงและคนอื่น ๆ ตั้งแต่นางเกิดมา นางต้องเผชิญกับการปฏิบัติที่ไม่ยุติธรรมมาตลอดชีวิต นางคิดว่าปานรูปดอกไม้ก็เป็นเพียงปานรูปดอกไม้ และชีวิตความเป็นอยู่ของนางและเหมิงหลิงหลงก็แตกต่างกันมาก
ตอนนี้เนื่องจากเย่ซิวตู๋มีปานรูปดอกไม้ นางจึงถูกขอร้องให้เลิกกับคนรัก และเข้าวังในฐานะนางบำเรอ แล้วนางจะยอมอยู่ในฐานะคนอื่น และเลี้ยงดูลูกชายของคนผู้นั้นได้อย่างไร นางจะยอมจำนนได้อย่างไร?
แต่ไม่มีใครอยู่ข้างนางเลย ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับเย่ซิวตู๋มากกว่า แม้แต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงในเวลานั้นก็เช่นกัน
เหมิงหลิงหลงได้รับอิทธิพลจากแม่ของนางตั้งแต่เด็ก นางจึงเป็นคนเจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยกลอุบาย หลังจากที่รู้ว่าเหมิงเสี่ยวขุยมีชายที่รักอยู่แล้ว นางก็จับชายคนนั้นไปขังไว้เพื่อข่มขู่เหมิงเสี่ยวขุย
เหมิงเสี่ยวขุยเกลียดชังและเคียดแค้นมาก แต่สุดท้ายก็ก้าวเข้ามาในวัง เพื่อผู้ชายคนเดียวในโลกที่เต็มใจปกป้องนาง รักนางและดูแลนาง
แม้ว่าเหมิงหลิงหลงจะป่วยหนัก แต่นางก็ยังสอนกฎมารยาทในวังให้ด้วยตัวเอง นางเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ซับซ้อน และวิกฤตการณ์ในวังให้เหมิงเสี่ยวขุยฟัง
นางเชื่อว่าเมื่อมีผู้ชายคนนั้นอยู่ในกำมือ เหมิงเสี่ยวขุยจะต้องจำยอมดูแลลูกชายของนางอย่างเต็มที่
หากเย่ซิวตู๋สูญเสียเส้นผมไปเพียงเส้นเดียว ชายผู้นั้นอาจไม่ได้มีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ
ทว่าเหมิงหลิงหลงลืมไปว่า นางกับเหมิงเสี่ยวขุยเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน
นางเป็นคนฉลาดและเจ้าเล่ห์เพทุบาย ซึ่งเหมิงเสี่ยวขุยก็ไม่ได้ด้อยกว่านางเลย นางตั้งหน้าตั้งตาซึมซับ อดทน และบ่มเพาะแผนการและกลอุบายเหล่านั้น
หลังจากที่เหมิงหลิงหลงเสียชีวิต นางก็เริ่มฝึกฝนกองกำลังและกุนซือของนางเอง เพื่อเตรียมเดินทางไปช่วยเหลือชายที่นางรัก
หลังจากที่นางช่วยเขาได้แล้ว นางก็ย้ายความเกลียดชังทั้งหมดที่มีต่อเหมิงหลิงหลงไปยังเย่ซิวตู๋ และเริ่มมุ่งสังหารเขาอย่างฉับไว
ตอนนั้นเย่ซิวตู๋ถูกผู้อาวุโสสกุลหมิงพาตัวกลับไปที่ดินแดนเหมิง และฝึกวิทยายุทธ์ให้ด้วยตัวเอง
เมื่อเขากลับมา เขาก็กลายเป็นยอดฝีมือตัวน้อยที่คล่องตัวมากแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทหารที่เหมิงเสี่ยวขุยส่งมา แต่ก่อนที่เหมิงหลิงหลงจะเสียชีวิต นางได้ฝากเย่ซิวตู๋ไว้กับคนกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้คอยปกป้องเขา
เมื่อเย่ซิวตู๋ถูกลอบสังหาร คนเหล่านี้ก็จัดการคนของเหมิงเสี่ยวขุยทีละคนจนหมดไป
พวกเขาคอยขัดขวางแผนการลอบสังหารของเหมิงเสี่ยวขุย และหลังจากที่เย่ซิวตู๋แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เหมิงเสี่ยวขุยก็ไม่สามารถเล่นงานเขาได้อีกต่อไป
อาจกล่าวได้ว่าเย่ซิวตู๋เติบโตขึ้นมาท่ามกลางการนองเลือด และโศกนาฏกรรมนับไม่ถ้วน ซึ่งค่อย ๆ หล่อหลอมให้ปัจจุบันเขาเป็นเช่นนี้
เรื่องซับซ้อนเหล่านี้อยู่เหนือความคาดหมายของอวี้ชิงลั่ว เมื่อได้สิ่งที่แม่นมเก๋อทิ้งไว้ให้แล้ว นางก็รู้สึกเวียนหัว
โทษทัณฑ์จากการหลอกลวงฮ่องเต้ ชาวเหมิงใช้กลอุบายดังกล่าวหลอกลวงฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชาง
หากฮ่องเต้รู้ หากคนนอกรู้ คงเป็นเรื่องน่าขายหน้าที่สุด
ฮ่องเต้จะต้านทานการโจมตีเช่นนี้ได้อย่างไร และชาวเหมิงจะเผชิญกับเพลิงพิโรธของฮ่องเต้อย่างไรบ้าง? สายสัมพันธ์ระหว่างดินแดนเหมิงและอาณาจักรเฟิงชางอาจแตกหักได้ทันทีเพราะเหตุนี้
เมื่อถึงเวลานั้น เย่ซิวตู๋จะจัดการกับตัวเองอย่างไร? ฮ่องเต้จะมองเย่ซิวตู๋อย่างไร? จะเกลียดชังเขาและแค้นเคืองจนอยากฆ่าเขา หรือจะยังเห็นคุณค่าของเขาเหมือนเดิม?
อดีตหัวหน้าดินแดนเหมิง ผู้อาวุโสสกุลหมิง และแม้แต่หมู่เฟยที่ตายไปแล้วของเย่ซิวตู๋ ฮ่องเต้จะแก้แค้นคนเหล่านี้อย่างไร?
ฮ่องเต้จะปล่อยให้พวกเขาย่ำยีศักดิ์ศรีของตนเองได้อย่างไร?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่า แม้ฮ่องเต้จะรู้ว่าองค์ชายเจ็ดลอบปลงพระชนม์เขา แต่เขาก็อาจไม่ได้รับผลกระทบเพราะเหตุการณ์นี้
และต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือเย่ซิวตู๋
“… ทั้งหมดนี้เป็นความจริงหรือ?” ห้องเงียบอยู่นาน ก่อนที่จะได้ยินเสียงของเย่ซิวตู๋พูดอย่างเชื่องช้า
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ตัวว่านางมาอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อใด นางทำให้เย่ซิวตู๋ถอยหลังหนีไปสองก้าว
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เย่ซิวตู๋ก้มหน้าลงเล็กน้อย และพูดเสียงเบาว่า “อย่าเข้ามาใกล้ข้า ตอนนี้ข้า… อารมณ์ไม่คงที่ และข้าอาจจะทำร้ายเจ้า”
อวี้ชิงลั่วหยุดอยู่กับที่ แล้วมองเขาอย่างเป็นกังวล “ข้ากำลังชั่งใจว่าจะบอกท่านดีหรือไม่ ว่าแม่นมเก๋อเป็นคนรับใช้เหมิงกุ้ยเฟย และนางถูกไล่ตามฆ่าเพราะนางรู้เรื่องนี้”
ตอนนี้ผู้อาวุโสสกุลหมิงยังคงไม่ได้สติ และอดีตประมุขดินแดนเหมิงก็เสียชีวิตไปแล้ว คนเดียวที่รู้เรื่องเหล่านี้คือเหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบัน
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจยาว ก่อนหันหน้านิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง
ห้องเงียบลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วยืนห่างจากเขาสามก้าว ไม่รู้จะเอ่ยคำใด
“ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก เจ้าออกไปก่อน” เสียงของเย่ซิวตู๋แหบแห้ง
อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “ได้”
นางรินน้ำใส่แก้วแล้ววางบนโต๊ะให้เขา จากนั้นเปิดประตูเดินออกไป
ดวงตะวันข้างนอกกำลังจะลับขอบฟ้าอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะคุยกันนานถึงเพียงนี้
อวี้ชิงลั่วก้าวไปข้างหน้า แล้วเสียงพูดคุยกันก็ดังมาไม่ไกล
เมื่อนางมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็พบว่าหนานหนานกับเย่หลานเฉิงกำลังกินผลไม้แช่อิ่มที่นางซื้อมาในศาลาเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล
นางหัวเราะ สายตาอันเฉียบคมของหนานหนานมองเห็นนางทันที เขาจึงรีบมาหานาง
“ท่านแม่ ท่านแม่ อร่อยมากเลยขอรับ ข้าคิดว่าจะนำไปให้เสด็จปู่เมื่อข้าเข้าวังพรุ่งนี้ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะเขา จากนั้นจูงมือเขาเดินไปที่ศาลาด้วยกัน เย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มเช่นกัน ดูเหมือนว่ายังมีผลไม้แช่อิ่มอยู่ในปากของเขา ราวกับว่าเขาทั้งอยากจะกลืนมันลงไปและอยากคุยกับนางด้วย
ช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาดูผ่อนคลายมากขึ้น อาจเป็นเพราะเขาเห็นว่าทัศนคติของฮ่องเต้ที่มีต่อเขายังคงเหมือนเดิม เขาจึงไม่ต้องกังวล
“เหตุใดพวกเจ้าถึงมานั่งที่นี่?” อวี้ชิงลั่วนั่งลงบนม้านั่งหิน
หนานหนานรีบดึงนางให้ลุกขึ้นทันที แล้วหยิบเบาะจากม้านั่งหินที่เขานั่งอยู่มาวาง แล้วดึงนางให้นั่งลงอีกครั้งด้วยความใส่ใจ
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขณะมองเขา รู้สึกว่าลูกชายของนางทำตัวดีมาก
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดเช่นนี้ได้ หนานหนานปีนขึ้นไปบนตักของนางแล้วนั่งลง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความจริงช่างโหดร้ายกับท่านอ๋องยิ่งนัก และเห็นใจเหมิงกุ้ยเฟยคนปัจจุบันอยู่เหมือนกัน พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมนางเกลียดคนที่มีปานรูปดอกไม้นักถึงต้องวางแผนกำจัดหมด
ไหหม่า(海馬)