อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 968 เหตุใดจึงทำเช่นนี้
ตอนที่ 968 เหตุใดจึงทำเช่นนี้
ตอนที่ 968 เหตุใดจึงทำเช่นนี้
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว ดึงอวี้ชิงลั่วให้นั่งลง “เจ้าให้เขารออยู่ที่โถงด้านหน้าครู่หนึ่ง บอกว่าข้ากำลังแต่งตัวอยู่ อีกเดี๋ยวจะออกไป”
“ขอรับ” โม่เสียนถอยออกไป
อวี้ชิงลั่วก้มหน้าลงงับอาหารสองคำ จากนั้นก็เงยหน้ามาถามเย่ซิวตู๋ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร เพียงแต่ข้าจัดทหารองครักษ์คอยเฝ้าอยู่ที่ห้องบรรทมของเสด็จพ่อ นอกจากเจ้ากับข้าแล้ว ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าไป”
อวี้ชิงลั่วชะงัก ถามอย่างสงสัย “ไม่ว่าใครก็ตามหรือ?”
“อืม”
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากสองครั้ง ก็เห็นเย่ซิวตู๋คีบเนื้อปลาที่แกะก้างแล้วขึ้นมาวางไว้ในชามของนาง
นางกินเข้าไปสองคำอย่างไม่ใส่ใจนัก เม้มปากแล้วกล่าว “ทำเช่นนี้จะทำให้คนเขาประณามเอานะ หากคนนอกหาว่าท่านมีแผนร้ายคิดจะควบคุมราชสำนักเล่าจะทำอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ก็เพราะอยากให้คนบางกลุ่มเข้าใจว่าข้ามีแผนชั่วร้าย คิดควบคุมราชสำนักอย่างไรล่ะ”
“ท่านคิดแผนร้ายอะไรอยู่กัน?” อวี้ชิงลั่วขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม มองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
เย่ซิวตู๋เห็นนางเข้ามาใกล้เพียงนี้ ก็โน้มตัวลงกัดริมฝีปากของนางอย่างแรง “อืม อร่อยจริงๆ”
เท้าของอวี้ชิงลั่วที่อยู่ใต้โต๊ะเริ่มเตะออกไปอย่างแรง “ข้ากำลังคุยกับท่านอย่างจริงจังอยู่นะ ท่านรีบกินให้เสร็จเถิด องค์ชายหกเขายังรอท่านอยู่”
สองวันก่อนยังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่เลย แต่ดูตอนนี้สิ ยังมีใจมาแกล้งนางอีกหรือ
“เฮอะ” เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา กินอย่างเงียบๆ สองคำ จนกระทั่งอิ่มประมาณหนึ่งแล้วก็เช็ดปากแล้วกล่าว “มีบางคนอดรนทนไม่ไหว แต่ตอนนี้ทำได้เพียงลงมืออย่างลับๆ เท่านั้น ลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ ข่มขู่องค์ชาย ข้าเบื่อเรื่องที่ไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้แล้ว จึงจะนำเขาออกมาสู่แสงสว่าง หากจะมาก็ให้มาเสียทีเดียว เพียงแต่พวกเขาไม่เคยหาข้ออ้างจะมาจัดการข้าซึ่งๆ หน้าได้เลย ตอนนี้ข้าจึงส่งข้ออ้างไปให้พวกเขาอย่างหนึ่ง รอดูเถิด อีกไม่นานก็คงมีคนใช้ข้อหาควบคุมราชสำนัก ควบคุมฝ่าบาท คุกคามขุนนางมาหาเรื่องฆ่าข้า”
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา หลังจากคนผู้นั้นฆ่าเย่ซิวตู๋แล้ว ก็จะสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่?
แต่ว่า…
อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างไม่เห็นด้วย “นี่ท่านกำลังใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อนะ”
“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะจับเสือได้อย่างไร ข้าเป็นเหยื่อล่อที่ใช้ได้ดีที่สุดแล้ว เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอะไรแน่ น้องเจ็ดไม่ได้มีคนชอบมากเท่าข้า เจ้าดูสิ น้องหกก็มาหาถึงที่แล้วไม่ใช่หรือ” เย่ซิวตู๋เห็นว่านางหงุดหงิดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปบีบหลังมือของนางเบาๆ
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว “นี่ท่านจะบอกว่า องค์ชายหกมาเพื่อช่วยท่านหรือ?”
“ครึ่งต่อครึ่งกระมัง” เย่ซิวตู๋ลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าเล็กน้อย “สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จริงๆ แล้วน้องหกฉลาดมาก เขารู้ว่าน้องเจ็ดใจแคบ หากเขาได้ครองบัลลังก์ น้องหกและหมู่เฟยของเขาก็จะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป ต้องมาเป็นแนวร่วมกับข้าเท่านั้น เขาจึงจะได้เป็นท่านอ๋องต่อไปได้”
เขากล่าวจบก็หมุนกายจะเดินจากไป
อวี้ชิงลั่วรีบรั้งเขาไว้ “ท่านกินอีกหน่อยเถิด ไม่ได้กินมาทั้งวันแล้ว ไม่รู้ว่าการพูดคุยกับองค์ชายหกจะต้องใช้เวลามากน้อยเท่าไร ยามหิวก็ออกมากินไม่ได้แล้ว หากต่อไปท้องไส้มีปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร”
เย่ซิวตู๋มองนางที่ขมวดคิ้วอย่างพึงพอใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่น้องหกมาในตอนนี้ ข้าจะให้เขามากินข้าวด้วย”
ดังนั้นเขายังกินต่อได้
“…” อวี้ชิงลั่วจ้องเขาเขม็ง “ดังนั้นท่านจึงมัวอยู่กินข้าวกับข้าที่นี่ตั้งนาน”
“ต่อไปข้าจะยุ่งมาก ข้ากลัวว่าจะมีเวลากินข้าวร่วมกับเจ้าน้อยนัก ตอนนี้จึงทนไม่ได้ที่จะไม่อยู่กับเจ้า”
อวี้ชิงลั่วไม่รู้เลยว่าเย่ซิวตู๋เวลาปากหวานแล้วจะร้ายกาจเพียงนี้ สามารถดึงดูดใจของนางได้ในทันที ทำให้แววตาของนางเปลี่ยนเป็นโหยหาอย่างมาก
ผู้ชายสารเลวคนนี้…นางหันตัวหนีอย่างแรง “ท่านรอเดี๋ยว”
นางกล่าวจบก็ไปค้นในตู้ จากนั้นก็นำเอาขวดยาออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา กล่าวขึ้น “ข้าได้ยินว่าช่วงนี้หมู่เฟยขององค์ชายหกไม่ค่อยมีชีวิตชีวานัก ท่านเอายานี้ให้เขาเถิด”
ดูเหมือนช่วงนี้หมิ่นเฟยจะลำบากอยู่เช่นกัน เหมิงกุ้ยเฟยจะไม่ปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างสบายใจเป็นแน่
เย่ซิวตู๋ยิ้มกว้าง รับขวดยาแล้วออกจากห้องไป
องค์ชายหกรออยู่ที่โถงด้านหน้าพักหนึ่งแล้ว เขาเองก็ไม่รีบร้อน เพียงแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ ไม่รู้ว่าคิดอันใดอยู่
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่มั่นคงเข้ามาใกล้ทีละนิด เขาจึงได้สติกลับมา มองไปยังร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากประตู
“พี่ห้า”
“นี่ให้เจ้า” เย่ซิวตู๋นำขวดยาในมือส่งให้เขา
องค์ชายหกยื่นมือไปรับเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจเท่าไรนัก “นี่คือ…”
ขวดยาหรือ?
“เป็นของที่ชิงเอ๋อร์มอบให้หมิ่นเฟยเหนียงเหนียง ได้ยินว่าช่วงนี้เหนียงเหนียงไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ยานี้จะช่วยให้ใจสงบและบำรุงชี่” เขากล่าวจบก็สั่งอีกหนึ่งประโยคด้วยท่าทางภาคภูมิใจยิ่ง “ยาของชิงเอ๋อร์หายากมาก หาได้ยากยิ่งจริงๆ ดีกว่ายาที่หมอหลวงจากไท่อีเยวี่ยนเหล่านั้นสั่งให้มากนัก”
องค์ชายหกอึ้งงันไป นิ้วของเขากำแน่นเล็กน้อย จนรู้สึกว่าขวดยาในฝ่ามือของเขาค่อยๆ ร้อนขึ้นมา ผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนจะตอบเสียงต่ำ “ขอบคุณมากขอรับ”
“เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?” เย่ซิวตู๋พาเขาเดินไปที่โถงบุปผา เดินไปไม่กี่ก้าวก็ให้คนไปนำอาหารมา “ตอนนี้ก็เย็นแล้ว อยู่กินข้าวเย็นที่นี่ก่อนค่อยกลับเถิด ที่นี่ไม่ค่อยได้รับแขกนัก”
องค์ชายหกเองก็ไม่ปฏิเสธ เดินตามเขาไปที่โถงบุปผา จนกระทั่งเย่ซิวตู๋โบกมือให้คนรับใช้ทั้งหมดออกไป เขาก็กล่าวออกมาอย่างหมดหนทางเป็นอย่างมาก “ที่ข้ามา แน่นอนว่ามาเพื่อพึ่งพาพี่ห้า”
“พึ่งพาหรือ?” เย่ซิวตู๋คิดหนักเกี่ยวกับคำนี้
“พี่ห้าไม่ต้องปิดบังข้าหรอก ทุกวันนี้หากไม่ใช่เพราะคนของพี่ห้าคอยปกป้องตำหนักของข้าอย่างลับๆ ข้าเองก็คงไม่สามารถมายืนต่อหน้าท่านได้อย่างไร้บาดแผลเช่นนี้”
แม้แต่หมิ่นเฟยเหนียงเหนียงที่อยู่ในวังก็ยังตกอยู่ในกับดัก นับประสาอะไรกับเขาเล่า
ผู้พิทักษ์ทมิฬของเขาเคยบอกเขาว่ามีคนหลายกลุ่มแอบเข้าไปในตำหนักกลางดึก คิดจะลอบสังหารเขา
เพียงแต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็มีคนมาจัดการมือสังหารให้อย่างลับๆ เสียแล้ว
เขาคิดไปคิดมา ก็คิดได้ว่าคนเดียวที่จะทำเช่นนี้ได้ก็มีเพียงพี่ห้าที่ไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับเขานักเท่านั้น
เย่ซิวตู๋รู้สึกว่าองค์ชายหกช่างเป็นคนที่ฉลาดมากจริงๆ ต่อให้เขาไม่ส่งคนไปปกป้อง เขาก็เชื่อว่าองค์ชายหกจะไม่เป็นอะไรไปแน่
“เหตุใดพี่ห้าต้องทำเช่นนี้ด้วยเล่า” องค์ชายหกไม่เข้าใจอย่างมาก “พี่ห้าน่าจะเข้าใจความตั้งใจของเสด็จพ่อ ทรงต้องการทดสอบความทะเยอทะยานของข้า ให้ได้รู้ว่าข้าเป็นคนประเภทที่จะทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของตนหรือไม่ ทดสอบดูว่าข้าสนใจตำแหน่งนั้นหรือไม่ พี่ห้าทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะทำให้เสด็จพ่อไม่บรรลุในสิ่งที่ต้องการหรอกหรือ เป็นการทำให้แผนของพระองค์ไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไม่ใช่หรือ?”
เขาไม่เชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์ของพี่ห้าและเสด็จพ่อแล้ว พี่ห้าจะทำลายแผนของเสด็จพ่อเช่นนี้ หรือว่า…เสด็จพ่อไม่ได้มีความตั้งใจจะทดสอบเขาอยู่แล้ว หรือว่าพี่ห้าไม่เห็นด้วยกับวิธีของเสด็จพ่อหรือ
เย่ซิวตู๋แปลกใจเล็กน้อย ที่เขากลับพูดได้อย่างขวานผ่าซากตรงไปตรงมาเช่นนี้
เขาหัวเราะออกมา นั่นสิ เหตุใดจึงทำเช่นนี้กันนะ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
องค์ชายหกน่าจะไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับการชิงบัลลังก์จริงๆ ล่ะ แค่โดนใช้เป็นหมากตัวหนึ่ง
ไหหม่า(海馬)