อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 97 เจ้านี่เอง ข้าจำได้แล้ว
ตอนที่ 97 เจ้านี่เอง ข้าจำได้แล้ว
หนานหนานโอบรอบลำคอของเหวินเทียนด้วยความไม่พอใจอย่างมาก ออกไป? เหตุใดเขาต้องออกไป? ของกองนั้นของเขายังไม่มีผู้ใดชดใช้ให้เลย
“ท่านลุงเหวิน ไม่ไปนะ ข้าต้องให้พวกนางชดใช้ให้ข้าให้ได้” หากไม่ชดใช้ เขาจะให้ท่านแม่กลายเป็นแม่เสือมาฆ่าพวกนางซะ
เหวินเทียนมุมปากกระตุก ช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ เขาย่อมไม่ออกไปอยู่แล้ว หากหนีออกไปเช่นนี้ ก็กลายเป็นจวนอ๋องซิวของพวกเขาที่เสียหน้า
หากเย่หลานผิงดื้อดึงอยากจะให้ความเป็นธรรมแก่อวี้ชิงโหรว ต่อให้ต้องฉีกหน้า เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หนานหนานได้รับความอยุติธรรมแม้แต่นิดเดียว
เฉินจีซินที่อยู่ข้าง ๆ ยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ายอมคุกเข่าโขกศีรษะให้ข้าแต่โดยดี จ่ายเงินชดเชยอีกสักหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้ว ป้องกันไม่ให้พวกเจ้าต้องตายโดยไม่ทราบสาเหตุ”
บุตรีของนางเก่งกาจนัก รู้ว่าลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ รู้ว่าใช้ความอ่อนแอจะได้รับความเห็นใจ
องครักษ์เหล่านั้นของจวนอ๋องเป่า แต่ละคนต่างก็ใช้สายตาไม่เป็นมิตรมองสองนายบ่าวนี้มิใช่หรือ?
เย่หลานผิงได้ฟังจนจบ ก็อดเลิกคิ้วขึ้นมิได้ น้ำเสียงแฝงด้วยความสงสาร “แม่นางลุกขึ้นเถิด ข้ารับรู้ได้ถึงความอยุติธรรมที่เจ้าได้รับแล้ว หึ ฆ่าม้าของเสนาบดีฝ่ายขวา กล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง ๆ”
อวี้ชิงโหรวค่อย ๆ ยืดตัวตรง ระหว่างที่ซับน้ำตาก็กระซิบเสียงเบา “โปรดท่านให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่าเย่หลานผิงจะเพลิดเพลินที่นางเรียกเขาว่า ‘ท่าน’ อย่างมาก แม้เขาจะดูเหมือนคนอายุ 13-14 ปี แต่การใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนเช่นนี้ ทั้งยังมีคนเสเพลเกเรกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างกาย ร่างกายและจิตใจของเขาจึงโตเต็มวัยมานานแล้ว
บัดนี้ได้ยินสตรีน้อยผู้นี้เรียกเขาว่า ‘ท่าน’ ก็รู้สึกจั๊กจี้ในใจ จึงตัดสินใจได้ว่าเขาจะให้ความเป็นธรรมกับนาง
“ทหาร ไปจับตัวนายบ่าวคู่นั้นมา ข้าอยากเห็นเสียเหลือเกิน เป็นใครกันถึงได้เหิมเกริมเช่นนี้”
เย่หลานผิงเปลี่ยนอิริยาบถ พิงเข้ากับหมอนอิงที่อยู่ด้านหลังด้วยท่าทางเกียจคร้าน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจอยู่เสมอ
ครั้นกล่าวออกมาเช่นนี้ จู่ ๆ ข้างกายก็เกิดเสียงอีกหนึ่งเสียงดังขึ้น “ช้าก่อน”
องครักษ์ที่เดิมทีกำลังจะเข้าไปจับตัวจู่ ๆ ก็หยุดการย่างก้าวทันใด ทั้งยังรอคนที่อยู่ในรถม้าพูดด้วยท่าทางลังเล
เย่หลานผิงเหลือบมองหยวนสือที่นั่งอยู่ในรถเช่นเดียวกันอย่างไม่มีความสุข กระตุกยิ้มเย็นชา “อะไรกัน องครักษ์ของข้าให้เจ้าดูแลตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
หยวนสือใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาทราบดีว่าคำพูดที่หลุดออกไปเมื่อครู่ยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่พอใจ จึงรีบโน้มตัวไปด้านหน้า กระซิบข้างหูของเขาว่า “พี่รอง นายบ่าวคู่นั้น…เด็กที่แม่นางผู้นั้นพูดถึง ก็คือเด็กคนนั้นที่ท่านอ๋องซิวพาไปที่โรงเตี๊ยมหลินสุ่ยเมื่อสองวันก่อน”
เมื่อครู่เขาว่างไม่มีอะไรต้องทำ ระหว่างที่ฟังแม่นางที่อยู่ด้านนอกร้องทุกข์เคล้าน้ำตา ระหว่างนั้นก็แหวกม่านดูด้านนอกด้วยความเบื่อหน่าย จึงได้เห็นเหวินเทียนและหนานหนานที่ถูกองครักษ์ขวางไว้ จากนั้นก็มองไปยังเด็กคนนั้นอีกหนหนึ่ง นี่คือเด็กที่กินอาหารแบบฟ้าหม่นแผ่นดินมืดทั้งยังเป็นคนที่ท่านอ๋องซิวรักและทะนุถนอมเมื่อวันนั้นมิใช่หรือ?
สุดยอด จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องซิวและเด็กคนนี้คืออะไรกันแน่ หากทำให้ขุ่นเคือง ท่านอ๋องซิวคงไม่ยอมยุติเรื่องราวเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงพูดแทรกคำสั่งของเย่หลานผิงขึ้นมาอย่างไร้มารยาทด้วยความร้อนใจ
ครั้นเย่หลานผิงได้ยิน ร่างกายที่เอนไปด้านหลังเล็กน้อยพลันแข็งทื่อ เขาเงยหน้าถามราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“พี่รอง ดูสิ” หยวนสือชี้ออกไปด้านนอกรถม้า เพื่อให้อีกฝ่ายมองได้อย่างชัดเจนขึ้นอีกหน่อย
เย่หลานผิงถึงกับอดไม่ได้ที่จะสูดลมเย็นเข้าปาก “เด็กคนนั้นจริง ๆ ด้วย องครักษ์คนนั้น…นั่นมัน…นั่นมันองครักษ์ที่อยู่ข้างกายลุงห้ามาโดยตลอดมิใช่หรือ?”
บัดซบ คนของลุงห้า เขากล้าแตะต้องเสียที่ไหนกัน?
ชาตินี้เขาไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แม้แต่เสด็จพ่อก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่เขากลับกลัวเย่ซิวตู๋ แค่อีกฝ่ายใช้สายตาจ้องมองมา ก็รู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น
อวี้ชิงโหรวที่อยู่ด้านนอกรถม้าชะงักงัน เดิมทีตอนที่ได้ยินคำสั่งของเขาก็แอบภาคภูมิใจอยู่ ทว่าเหตุใดจู่ ๆ กลับไม่มีเสียงใดดังออกมา ท่านซื่อจื่อผู้นี้ไม่ได้สั่งให้คนไปจับตัวสองคนนั้นหรอกหรือ?
อวี้ชิงโหรวเกิดความสงสัย รอซ้ายก็ไม่ได้ รอขวาก็ไม่มีความเคลื่อนไหว นางอ้าปากค้างและตัดสินใจจะเอ่ยปากพูดเตือนคนที่อยู่ด้านใน
ในเวลานี้เอง ม่านรถที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็ถูกคนที่อยู่ด้านในออกแรงแหวกออก ตามมาติด ๆ ด้วยร่างของบุรุษหนุ่มสองคนที่กระโดดลงมาจากด้านในรถ พวกเขาไม่ได้มองนาง แต่กลับวิ่งไปทางหนานหนานภายในพริบตาเดียว
เฉินจีซินตกใจมาก รีบคุกเข่าลงตามจิตใต้สำนึก
หนานหนานก็ตกใจกับอาการของพวกเขาเช่นกัน เหวินเทียนขมวดคิ้วถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวเล็ก ใบหน้าไร้อารมณ์ในทันที แต่ยังคงพยักหน้าเล็กน้อยอย่างสุภาพและรอบคอบ “คารวะผิงซื่อจื่อ”
“ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ๆ” เย่หลานผิงโบกมือ หันหน้าจ้องมองหนานหนาน
เฉินจีซินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นคิดว่าคำพูดนี้อีกฝ่ายกำลังพูดกับนาง จึงทำท่าจะลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้คิดอะไร ใครจะไปคิดว่าตอนที่นางลุกขึ้นยืนได้ครึ่งหนึ่ง หยวนสือที่ปรี่ตัวเข้ามาจากด้านหลังจะกดนางลงไปอีกหน
“ยังไม่ได้บอกให้เจ้าลุกขึ้น คุกเข่าลงไป”
หยวนสือไม่พอใจกับเฉินจีซินและบุตรีของนาง เป็นเพราะสตรีสองนางนี้ ทำให้พวกเขาเกือบสร้างความขุ่นเคืองให้ท่านอ๋องซิวจนเกือบกลายเป็นหายนะ
เย่หลานผิงขยับเข้าใกล้ หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง บุคคลผู้นี้ บุคคลผู้นี้คิดจะทำอะไร? สายตาของเขาร้อนระอุถึงขั้นนั้น สีหน้าดูลามกอนาจารขนาดนั้น หรือว่า หรือว่าจะชอบเขาเข้าแล้ว?
เช่นนั้นไม่ได้ เขาเป็นบุรุษ หลังจากนี้ยังต้องแต่งงานกับภรรยา มิอาจเป็นคนของเฒ่าหัวงูได้
แม้ว่า แม้ว่าเขาจะหน้าตาน่ารักไปสักหน่อย ทำให้คนจิตใจฟุ้งซ่านไปเล็กน้อย ใครเห็นก็ต้องรักไปสักหน่อย แต่เขาก็ยังมีหลักการอย่างมากนะ
หนานหนานยกมือกอดอก ดวงตากลมโตจ้องมองอีกฝ่ายตาปริบ ๆ ด้วยท่าทางตื่นตัว ราวกับว่าหากเย่หลานผิงกล้าเข้าใกล้อีกเพียงนิดเดียว เขาจะพุ่งตัวเข้าไปกัดเขาให้ตายอย่างไรอย่างนั้น
“หนานหนาน ยังจำข้าได้หรือไม่?” เย่หลานผิงยิ้มตาหยี อารมณ์จากสายตาคู่นั้น เหตุใดได้ชัดมีความเป็นมิตรแฝงอยู่จาง ๆ
เหวินเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง ผิงซื่อจื่อรู้จักหนานหนาน?
เด็กน้อยขมวดคิ้ว ใช้มือจับคางครุ่นคิดด้วยท่าทางจริงจัง บุคคลผู้นี้ เขาเคยเห็นมาก่อนงั้นหรือ? จำไม่ได้แฮะ เคยเห็นหรือ? ดูเหมือนว่าจะคุ้นหน้านิดหน่อย
หรือว่าจะเป็นบุตรชายของอ๋องเฒ่าข้างจวน? ไม่สิ บุตรชายผู้นั้นหน้าตาอัปลักษณ์จะตายไป และไม่ได้มีเงินเหมือนคนผู้นี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วย
หยวนสือมุมปากกระตุก ไม่หรอกกระมัง พี่รองของเขาหน้าตาก็ไม่ได้เลวร้าย ไม่มีใครที่เคยเจอเขาและได้กินข้าวร่วมกับเขาหนึ่งมื้อแล้วจะลืมรูปร่างหน้าตาของเขาไปจนหมดสิ้น
ต่อให้เด็กน้อยคนนี้จะความจำแย่ แต่พวกเขาเพิ่งเจอหน้ากันเมื่อสองวันก่อน คงไม่ได้ลืมเร็วขนาดนี้กระมัง
เพื่อไม่ให้พี่รองต้องอับอาย หยวนสือจึงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว กระซิบเตือนความจำ “วันนั้นไง คนที่กินข้าวในโรงเตี๊ยมหลินสุ่ยน่ะ?”
หนานหนานมองหยวนสืออย่างละเอียด เขาจำคนผู้นี้ได้ ตอนนั้นเหิมเกริมมาก ส่วนอีกคนหนึ่ง…
หนานหนานสำรวจเย่หลานผิงอย่างละเอียดอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงนึกขึ้นได้โดยพลัน “เอ๋ ท่านนี่เอง ๆ ข้าจำได้แล้ว”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นตัวเล็กตัวน้อยทำมาข่ม ดีนะที่ยังไม่เจอกับเย่ซิวตู๋
หนานหนานจะหลงตัวเองขนาดนี้ไม่ได้นะหนู
ไหหม่า(海馬)