อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 975 หนานหนานมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
ตอนที่ 975 หนานหนานมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
ตอนที่ 975 หนานหนานมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก
ไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่มาอย่างไม่รีบเร่ง ครั้งนี้องค์ชายหกมาด้วยสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่าดูมีความกังวลเล็กน้อย
เพียงเย่ซิวตู๋เข้ามาในห้องตำรา อีกฝ่ายก็รีบมาดึงเขาไว้อย่างรีบร้อนทันที นิ้วมือที่จับแขนของเขาไว้กำแน่นเล็กน้อย “พี่ห้า เมื่อครู่หมู่เฟยของข้าให้คนมาส่งข่าว บอกว่าเหมิงกุ้ยเฟยไม่อยู่ที่ตำหนักอี๋ซิ่ง เกรงว่าจะถูกน้องเจ็ดรับออกจากวังหลวงมาแล้ว”
“รับออกมาจากวังหลวงหรือ?” เย่ซิวตู๋หรี่ตา
สีหน้าขององค์ชายหกจริงจัง “ขอรับ ดูท่าเช่นนั้นแล้ว ในบรรดาทหารรักษาพระองค์ก็มีคนของน้องเจ็ดอยู่ไม่น้อย”
ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในวังหลวงเป็นคนของเย่ซิวตู๋ ไม่ว่าจะเป็นที่ห้องบรรทมของฮ่องเต้ หรือที่ตำหนักของเหมิงกุ้ยเฟย ล้วนถูกคุ้มกันเป็นจุดสำคัญ
คิดไม่ถึง ภายใต้สถานการณ์ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเช่นนี้ ยังจะให้เหมิงกุ้ยเฟยฉวยโอกาสหนีออกจากวังหลวงอีก
“เดิมทีผู้บัญชาการเว่ย อดีตทหารรักษาพระองค์ก็เป็นคนของหมู่เฟย ถึงแม้หลังจากการตายของผู้บัญชาการเว่ย บรรดาทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดก็ล้วนถูกล้างไพ่ครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังมีพวกที่ทำความผิดหลุดรอดมาได้” เช่นเดียวกับเหล่าคนที่ติดตามอวี๋จั้วหลินไปตามฆ่าเจียงอวิ๋นเซิงเหล่านั้น ก็เป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟยเช่นกัน
แต่เดิมทีทหารรักษาพระองค์ก็มีหลายกลุ่ม ฝ่ายในเองก็ไม่ได้สามัคคีกันอย่างเต็มที่เพียงนั้น ครั้งนี้ก็จะได้จัดการให้หมดจดเสียพอดี
“พี่ห้า ข้ายังได้ข่าวมาอีกว่าน้องเจ็ดได้ติดต่อกับแม่ทัพหลี่แห่งกองพันตะวันตกแล้ว เกรงว่าครั้งนี้จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แล้วจริงๆ ขอรับ” รับตัวเหมิงกุ้ยเฟยไปแล้ว ทั้งยังติดต่อกับแม่ทัพหลี่ที่มีกองกำลังทหารแข็งแกร่ง การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายครั้งนี้ คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
เย่ซิวตู๋พยักหน้า เรื่องนี้เขารู้ดี
“พี่ห้า ในใจท่านมีแผนอันใดกันแน่?” เห็นว่าเขาไม่กล่าวอันใดมาโดยตลอด องค์ชายหกก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลเล็กน้อย
แม่ทัพหลี่แห่งกองพันตะวันตกนั้นนำทัพอย่างกล้าหาญชาญชัยมาโดยตลอด หลายสิบปีก่อนหน้านี้เคยใช้กองกำลังเพียงน้อยนิดเอาชนะอาณาจักรจิงเหลย ตอนนี้เสด็จพ่อให้ความไว้วางใจให้ดูแลกองพันตะวันตก คิดไม่ถึงว่าจะมาร่วมมือกับองค์ชายเจ็ดเสียได้
นิ้วมือของเย่ซิวตู๋เริ่มเคาะโต๊ะตามปกติวิสัย เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างลึกล้ำเกินหยั่งถึง
“ทางตำหนักของพี่สามและพี่สี่มีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างหรือ?” เย่ซิวตู๋ถาม
องค์ชายหกตะลึงไป เม้มปาก “ช่วงนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดขอรับ”
“เกรงว่าอีกไม่นานก็จะมีแล้วล่ะ” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “หมู่เฟยถูกรับตัวไปแล้ว ต่อไปก็คงถึงคราวของพี่สามและพี่สี่”
“เหตุใดน้องเจ็ดจะต้องเข้าร่วมกับพี่สามพี่สี่ให้ได้ด้วยเล่า?” เท่าที่องค์ชายหกได้ใช้เวลากับองค์ชายสามและองค์ชายสี่ เขารู้เป็นอย่างดีว่านิสัยของสองคนนี้เป็นอย่างไร พวกเขาไม่ใช่คนที่เหมาะจะร่วมมือด้วยเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่มีความสามารถที่จะช่วยองค์ชายเจ็ดได้อีกด้วย
เย่ซิวตู๋หัวเราะอย่างเยือกเย็น “บรรพบุรุษทางฝั่งมารดาพี่สามนั้นเป็นนายพล พี่ชายทั้งสองคนของหลิวเฟยตอนนี้ยังคงประจำการอยู่ที่ชายแดน ถึงแม้จะเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย แต่บารมีของตระกูลหลิวในกองทัพนั้นก็เพียงพอให้น้องเจ็ดหวาดกลัวแล้ว หากเขาไม่ดึงพี่สามพี่สี่มาเข้าร่วม ตระกูลหลิวก็มีโอกาสสร้างปัญหาให้เขา และมาช่วยพวกเราได้ตลอดเวลา”
นั่นคือเหตุผลที่คนไม่ฉลาดอย่างองค์ชายสามเองก็กล้าที่จะมีความต้องการต่อสู้เพื่อตำแหน่งนี้อย่างหยิ่งยโสและใจร้อนเช่นนั้น
แต่ผู้สนับสนุนเบื้องหลังของเขานั้นกลับไม่สามารถเทียบได้กับหมู่เฟยขององค์ชายหกที่มาจากครอบครัวร่ำรวยผู้มีความรู้ความสามารถได้
“หากกล่าวเช่นนั้นแล้ว เราจะปล่อยให้น้องเจ็ดได้ตัวพี่สามพี่สี่ไปไม่ได้เด็ดขาด” องค์ชายหกได้สติขึ้นมาในทันใด รีบกล่าว
เย่ซิวตู๋พยักหน้า “เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าส่งคนไปที่ตำหนักเพื่อนำตัวเขาออกมาค่อยว่ากัน”
องค์ชายหกพยักหน้า เย่ซิวตู๋ก็ออกจากห้องตำราไปแล้ว
เมื่อเดินผ่านโถงทางเดินสองแห่ง เย่ซิวตู๋ก็เปิดห้องรับแขกหนึ่งในนั้นที่ดูเผินๆ แล้วธรรมดาอย่างมาก มีเสียงของฟ่านผิงอวิ๋นดังออกมาจากข้างในทันที “เข้ามาได้”
“เจ้าและพวกฉี่อวิ๋นไปที่ตำหนักองค์ชายสามที นำตัวครอบครัวองค์ชายสามออกมา ส่วนเรื่องสถานที่ที่ปลอดภัย เจ้าก็จัดการได้เลย”
ฟ่านผิงอวิ๋นรู้ว่าเรื่องราวอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้นิสัยของเขาจะสงบและโอนอ่อนผ่อนตาม แต่อย่างไรในฐานะหัวหน้ามือสังหาร ก็ไม่สามารถปกปิดความกระหายเลือดไว้ได้
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า ถามเขา “ซิวอวิ๋นยังตามหามือสังหารผู้นั้นอยู่หรือ?”
“ท่านก็รู้นิสัยของเขา คนผู้นั้นหนีรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้ ทั้งยังบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เขาจึงไม่พึงพอใจ”
“เจ้าบอกให้เขาตั้งใจเสียหน่อย ตอนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย อย่าไปตกอยู่ในกับดักของผู้อื่น”
“เข้าใจแล้วขอรับ” ฟ่านผิงอวิ๋นพยักหน้า
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็หมุนตัวออกจากห้องของเขา คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็บังเอิญพบกับหนานหนาน
เด็กน้อยแทบชนเข้ากับร่างของเขา “ท่านพ่อ เหตุใดท่านมาอยู่ตรงนี้?”
“เจ้ามาทำอะไร?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว
หนานหนานหัวเราะคิกคัก “ครั้งก่อนท่านอารองฟ่านบอกว่าเคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ของข้าเก่งกาจอย่างมากไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ท่านลุงเฟิงของข้ามาแล้ว เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ของท่านลุงเฟิงต่างหากที่เก่งกาจอย่างมาก ข้ามาหาท่านอารองฟ่านให้ไปรู้จักกับเขาขอรับ”
เย่ซิวตู๋ยิ้ม กล่าวกับเขา “ข้าให้ท่านอารองฟ่านของเจ้าไปทำธุระ เจ้ารอเขากลับมาก่อนค่อยมาหาเขาเถิด”
“ทำธุระหรือ? ธุระอะไรกัน? ท่านพ่อ มีอะไรที่ข้าช่วยได้หรือไม่? ข้าจะบอกให้นะ จริงๆ แล้วข้าเองก็มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก ท่านแม่มั่นใจในตัวข้าอย่างมาก ท่านจะทำกับข้าเหมือนเป็นคนอ่อนแอไม่ได้นะ”
เพียงไม่ให้เขาออกจากตำหนัก หนานหนานก็รู้สึกคันไปทั้งตัวแล้ว
เย่ซิวตู๋ก้มหน้าพลางครุ่นคิด พูดถูก จริงๆ แล้วพลังในการต่อสู้ของหนานหนานนั้นไม่ธรรมดา ครั้งก่อนที่ต่อสู้กับฟ่านฉี่อวิ๋นนั้นแทบจะแยกกันไม่ออกเลย เขาทั้งยังยืดหยุ่น ทั้งยังตัวเล็ก มีบางเรื่องที่ให้เขาไปทำจะเหมาะกว่า
อีกอย่าง… เดิมทีหนานหนานก็เป็นเด็กผู้ชาย เขาจะต้องเพิ่มประสบการณ์ในการต่อสู้เสียหน่อย
ในช่วงเวลาหลังจากนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะดูแลเขาและเย่หลานเฉิงได้ ต่อไปหน้าที่ของเขาไม่ได้มีเพียงปกป้องตัวเอง แต่ยังต้องปกป้องเย่หลานเฉิงด้วย
คิดถึงตรงนี้ เย่ซิวตู๋ก็พยักหน้ากล่าว “เจ้าก็ไปด้วยเถิด ไปที่ตำหนักขององค์ชายสาม พาเย่หลานเวยออกมา”
เย่หลานเวยหรือ? หนานหนานกะพริบตา คิดถึงครั้งก่อนที่เย่หลานเวยพุ่งออกมาในสภาพเต็มไปด้วยน้ำหูน้ำตา เนื้อตัวสกปรก คิ้วน้อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวด รีบดึงแขนเสื้อเย่ซิวตู๋แล้วถาม “ท่านพ่อ เย่หลานเวยผู้นั้นมีอันตรายใช่หรือไม่?”
“อืม”
หนานหนานปล่อยแขนเสื้อเขาโดยไม่กล่าวอันใด วิ่งตึงตังไปหาฟ่านผิงอวิ๋น
เย่ซิวตู๋จ้องมองแขนเสื้อที่ยังสั่นอยู่ ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เขายังนึกว่าด้วยนิสัยอาฆาตของบุตรชายแล้วคงจะไม่พอใจกับนิสัยชอบจับผิดของเย่หลานเวยอย่างมาก และไม่ชอบเขาเอามากๆ
อย่างไรเด็กก็ยังเป็นเด็ก แม้ทะเลาะกันรุนแรง แต่ก็ลืมเร็ว
ขณะที่เขากำลังคิด หนานหนานก็ดึงฟ่านผิงอวิ๋นออกมาแล้ว
“ท่านพ่อ เช่นนั้นข้าไปแล้วนะขอรับ”
“ตกลง” เย่ซิวตู๋และฟ่านผิงอวิ๋นสบตากัน จากนั้นก็เบี่ยงข้าง ปล่อยให้ผู้ใหญ่และเด็กเดินไปข้างหน้า
ภารกิจในครั้งนี้ สำหรับฟ่านผิงอวิ๋นแล้วไม่เป็นอันตรายอันใด ดังนั้นการพาหนานหนานไปด้วยจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
เขาเองก็คิดว่าหนานหนานมีฝีมือมาก เพียงแต่ยังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริง ซึ่งนี่ก็เป็นโอกาสที่ดี
ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตำหนักขององค์ชายสาม เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและอ้าปากค้างพร้อมกัน
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่าบอกนะว่าคนในตำหนักองค์ชายสามก็หายไปเหมือนกัน?
ไหหม่า(海馬)