อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 980 กระทำการสามสิ่ง
ตอนที่ 980 กระทำการสามสิ่ง
ตอนที่ 980 กระทำการสามสิ่ง
หนานหนานเงยหน้าขึ้นอย่างขัดใจ ดึงมวยผมบนศีรษะอย่างแรง
สตรีที่นั่งอยู่บนพระที่นั่งรีบห้ามไว้ “ค่อยๆ เถิด ไม่ต้องดึงแล้ว ลวี่ฝู รีบห้ามเขาเสีย ระวังเขาจะดึงผมจนหมดหัว”
นางข้าหลวงผู้งดงามที่นำพวกเขาเข้ามาเมื่อครู่รีบก้าวมาข้างหน้า จับมือของหนานหนานเอาไว้อย่างระมัดระวัง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซื่อจื่อน้อย อย่าขยับวุ่นวายเช่นนั้นเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวผมจะพันกัน ท่านจะเจ็บตัวเอานะเจ้าคะ”
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด เงยหน้ามองหญิงที่นั่งอยู่ตรงพระที่นั่งด้วยความขุ่นเคือง “ใครให้ไทเฮาทรงหัวเราะข้าเล่า ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก ยังจะทรงหัวเราะข้าอีก”
“เอาเถิดๆๆ เป็นข้าเองที่ไม่ดี ข้าจะไม่หัวเราะเจ้าแล้ว” ไทเฮายิ้มพลางส่ายหน้า กวักมือเรียกเขา “มา มานี่ ให้ข้าดูหน่อยว่าดึงผมจนเลือดซิบแล้วหรือไม่”
หนานหนานวางมือลงทันที วิ่งขลุกๆ ไปนั่งลงข้างกายของไทเฮา
ไทเฮาเมื่อได้เห็นเขาก็ชอบใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเขาที่มาในครั้งนี้และยังมาในสภาพเช่นนี้ ช่างกลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆ
แต่เมื่อคิดได้ว่าเมื่อครู่เขาดึงผมตนเองอย่างแรง สุดท้ายก็อดทนเอาไว้ ให้เขาก้มหน้าดูว่าบนศีรษะบาดเจ็บหรือไม่
ไม่มีรอยเลือด แต่ก็มีผมร่วงลงมาสองสามเส้น ไทเฮาหยิบมาตรงหน้าเขา กล่าวอย่างไม่พอใจนัก “ดูสิ ผมร่วงหมดแล้ว ออกแรงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวเจ็บเสียเลย”
หนานหนานลูบหัว “ก็เจ็บอยู่นิดหน่อยจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาทรงนวดให้กระหม่อมก็ใช้ได้แล้ว”
ไทเฮาหัวเราะออกมา เจ้าเด็กคนนี้ช่างน่ารักนัก
แต่นางกลับนวดศีรษะให้เขาจริงๆ นวดไปพลางถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแต่งตัวเช่นนี้ ทั้งยังแอบอ้อมมาที่ตำหนักของข้า ต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่?”
“ฮิๆ ไทเฮาทรงฉลาดเพียงนี้ จะต้องทรงเดาออกแล้วเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่บอก ข้าจะเดาได้อย่างไรเล่า?” ไทเฮาบีบจมูกกลมๆ ของเขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “รีบบอกมาเถิด ที่นี่ไม่มีคนนอก หากเจ้าอยากให้ข้าช่วย ก็ต้องอธิบายเหตุและผลให้ข้าเข้าใจนะ”
“จริงๆ ก็เรียบง่ายมากพ่ะย่ะค่ะ เย่หลานเวยกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนมุ่งร้ายกับเขา แต่เขาไม่สามารถไปที่ตำหนักอ๋องซิวได้ กระหม่อมคิดว่าทางด้านไทเฮานี้เหมาะที่สุดแล้ว จึงพาคนมาส่งถึงที่นี่ ไทเฮาทรงใจดีมีเมตตา เย่หลานเวยเองก็เป็นพระนัดดาแท้ๆ ของไทเฮา ไทเฮาจะต้องทรงช่วยเขาใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ไทเฮาเลิกพระขนง จากนั้นก็มองไปยังเย่หลานเวยที่ยืนอยู่ด้านล่างและแต่งตัวแบบเดียวกับหนานหนาน
เห็นเขามองตนด้วยสีหน้าโศกเศร้า แววตาอิจฉาอย่างยากจะปกปิด ก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ
เด็กคนนี้… ยโสและเป็นอันธพาลจนเกินไป เดิมทีนางก็ไม่พึงใจ
แต่ตอนนี้เห็นท่าทางระมัดระวังของเขา สุดท้ายก็ทนไม่ได้ นางกวักมือเรียก “เจ้าคือหลานเวยใช่หรือไม่ มาหาข้าสิ”
เย่หลานเวยไม่ได้ใช้เวลากับไทเฮามากนัก ถึงขนาดว่ามีโอกาสได้พบกันเพียงสองสามครั้ง สำหรับเขาแล้ว ไทเฮาเป็นคนที่แปลกหน้าแต่ก็คุ้นเคยเช่นกัน
แต่นางเป็นคนระดับสูง แม้แต่ท่านพ่อของเขาได้พบก็ยังต้องคำนับ เขาย่อมไม่กล้าทำอะไรมากเกินไปนัก
จนกระทั่งไทเฮากวักมือเรียกเขาไป เขาจึงเดินไปอย่างระมัดระวัง แล้วคำนับไทเฮา
“ต่อไปเจ้าก็อยู่กับข้าทางด้านนี้ เจ้าวางใจเถิด ถึงแม้ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องอื่นใด แต่หากต้องปกป้องเด็กคนหนึ่งที่นี่ ก็ยังพอทำได้อยู่”
“ขอบพระทัยไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นหนานหนานก็ดึงเย่หลานเวยมาทางตน “ไทเฮาทรงใจดีมาก ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง ไม่ก่อเรื่อง ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาเป็นแน่”
หนานหนานคิดมาแล้ว ในวังหลวงตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นตำหนักบรรทมของฝ่าบาท หรือตำหนักของเหล่าคนที่มีบุตรชายอย่างหลิวเฟย ซูเฟย หรือหมิ่นเฟย จะต้องกลายเป็นหนามในสายตาของผู้อื่นเป็นแน่
แต่ไทเฮานั้นไม่เหมือนกัน ไทเฮามีสถานะสูงส่ง ในวังหลวงนี้ไม่มีใครเทียบนางได้ ทั้งยังไม่สนใจโลกภายนอกมาหลายปี ราวกับว่าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอันใดก็ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นอกจากที่ฝ่าบาทถูกลอบสังหารครั้งก่อน หลังจากที่ไทเฮาออกมาสั่งห้ามทุกคนมารบกวนการพักผ่อนของฝ่าบาท นางจะอยู่ในตำหนักของตนไม่ออกไปไหน
ดังนั้นการมีอยู่ของไทเฮาในวังหลวงนี้จึงไม่ดึงดูดสายตาคนเป็นที่สุด
อีกทั้งไทเฮามีเล่ห์กลและมีความสามารถ สามารถซ่อนตัวเด็กคนหนึ่งไว้ได้อย่างแนบเนียน
จริงๆ แล้วเย่หลานเวยยังกลัวไทเฮาเล็กน้อย แต่เรื่องมาถึงตรงนี้ เขาก็ทำได้เพียงอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง
“เอาล่ะ นี่ก็มืดแล้ว พวกเจ้าต้องลำบากกันมามากก็คงเหนื่อยแล้ว ลวี่ฝู เจ้าพาพวกเขาสองคนไปพักผ่อนเถิด”
“เพคะ”
หนานหนานและเย่หลานเวยบอกลาไทเฮา ตามลวี่ฝูไปอย่างเงียบๆ
ตู้กงกงเข้ามาอย่างระมัดระวัง ช่วยนวดไหล่ให้ไทเฮา กล่าวเบาๆ “ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงคิดว่า องค์ชายสามทรงเกิดเรื่องแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“คงใช่แล้วกระมัง” ไทเฮาลอบถอนหายใจ ถึงแม้นางจะไม่สนใจเรื่องอื่นใด แต่ก็รับรู้ถึงสถานการณ์ในวังหลวงเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่จู่ๆ เย่ซิวตู๋ก็เปลี่ยนองครักษ์ที่เฝ้าตำหนักบรรทมของฮ่องเต้และห้ามใครก็ตามเข้าไป นางก็รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้สามารถเกิดเรื่องขึ้นได้ทุกเมื่อ
แม้แต่นางเอง เย่ซิวตู๋ก็ยังห้ามเข้าใกล้ตำหนักบรรทมของฝ่าบาท ใช่ว่าในใจนางจะไม่โกรธ
เพียงแต่เหมียวกงกงมาหาแล้วบอกว่าเป็นความตั้งใจของฝ่าบาท ฝ่าบาทขอให้นางทำเหมือนว่าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งนั้น ตามน้ำไปกับซิวเอ๋อร์เป็นใช้ได้
นางจึงได้อยู่แต่ในตำหนักของตน ไม่ออกไปไหน แต่เรื่องที่เหมิงกุ้ยเฟยออกจากตำหนักอี๋ซิ่งไป นางเองก็รู้
ตอนนี้หนานหนานเองก็ส่งตัวเย่หลานเวยมากลางดึกเช่นนี้ เกรงว่าข้างนอกก็คงมีการเคลื่อนไหวแล้ว
ลวี่ฝูดูแลให้เด็กทั้งสองคนพักผ่อน ไม่นานก็กลับมา “ไทเฮาเพคะ เมื่อครู่ซื่อจื่อน้อยให้หม่อมฉันมาทูลไทเฮาประโยคหนึ่งเพคะ”
“ว่าอย่างไรหรือ?” ไทเฮาเบิกพระเนตรกว้าง
“ซื่อจื่อน้อยบอกว่า องค์ชายสี่ไม่ใช่คนดี อยากให้ไทเฮาทรงส่งคนไปจับตาดูคังเฟยเหนียงเหนียงเพคะ” เหมิงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว แต่คังเฟย หมู่เฟยขององค์ชายสี่ยังคงอยู่ในวังหลวง
ไทเฮาครุ่นคิด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็พยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
คืนนั้นไทเฮาแทบไม่ได้บรรทมเลย
หนานหนานถูกเย่หลานเวยกอดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน
ดังนั้นเช้าวันต่อมาเขาจึงดุด่าเย่หลานเวยอย่างดุร้ายชุดหนึ่ง จากนั้นก็บอกลาไทเฮาอย่างโกรธเกรี้ยว
เพียงแต่เมื่อเขาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ก็ทำเป็นเดินกรีดกรายออกจากตำหนักของฮ่องเต้
เมื่อไม่มีเย่หลานเวยแล้ว หนานหนานอยากจะหลบสายตาคนออกจากตำหนักไทเฮาไปยังตำหนักบรรทมของฮ่องเต้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด
ฟ่านผิงอวิ๋นรอเขาอยู่นอกวังหลวงแล้ว เพียงหนานหนานขึ้นรถม้า ก็เอียงคอหลับไปในทันที
จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็มาถึงประตูใหญ่ของตำหนักอ๋องซิวแล้ว
ตอนที่ฟ่านผิงอวิ๋นอุ้มเขาลง ก็บอกเขาด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนนี้มีอีกสองสามคนนำกระเป๋าใบเล็กมาที่ตำหนักอีกแล้ว”
“เอ๋?” หนานหนานที่เดิมทียังงัวเงียอยู่ก็ตื่นเต็มตาในทันใด “ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนหรือขอรับ?”
“น่าจะอยู่ในห้องตำราของท่านอ๋องนะ”
หนานหนานสะบัดมือฟ่านผิงอวิ๋นทันที รีบวิ่งกระวนกระวายไปยังห้องตำราของเย่ซิวตู๋ เมื่อลู่หลานอวิ๋นที่เดิมทีเฝ้าอยู่นอกห้องตำราเห็นเขาก็เลิกคิ้ว ปล่อยให้เขาเข้าไป
เพียงหนานหนานผลักประตูห้องตำราให้เปิดออก ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของท่านแม่ตน “ครั้งนี้ที่ข้าให้พวกเจ้ามา ก็ด้วยต้องการให้พวกเจ้ากระทำการสามสิ่งแทนข้า”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วสั่งให้คนไปทำอะไรบ้างนะตั้งสามอย่าง
ไหหม่า(海馬)