อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 981 เรื่องที่สาม
ตอนที่ 981 เรื่องที่สาม
ตอนที่ 981 เรื่องที่สาม
ทันทีที่อวี้ชิงลั่วกล่าวออกมา ก็เห็นหนานหนานปรากฏตัวในห้องตำรา น้ำเสียงของนางหยุดลงโดยไม่รู้ตัว
แววตาของทุกคนจับจ้องมายังหนานหนาน ต่อจากนั้นก็พากันลุกจากเก้าอี้ทีละคนสองคน พากันสาวเท้าก้าวใหญ่มาหยุดตรงหน้าหนานหนาน
หนานหนานยังคงไม่สนใจและอยากจะดูให้ชัดจนว่าทุกคนที่นี่คือใคร แต่ก็มีคนอุ้มเขาขึ้นมา ลูบศีรษะของเขาแรงๆ “เด็กน้อย ในที่สุดก็ได้พบเจ้าแล้ว”
“…ท่านพี่อัน เหตุใดท่านก็มาด้วยเล่า? ท่านงานยุ่งมาก มีเรื่องต้องทำเยอะมากเลยไม่ใช่หรือ” อันฝูซือเป็นเจ้าเมืองแห่งเมืองที่รุ่งเรืองเมืองหนึ่งแถบชายแดนของอาณาจักรหลิวอวิ๋น เพิ่งได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองได้ไม่ถึงปีก็ต้องเผชิญกับการจลาจล ทั้งยังต้องคอยป้องกันความทะเยอทะยานของราชวงศ์แห่งอาณาจักรหลิวอวิ๋นที่ต้องการจะยึดเมือง เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายเป็นที่สุด
ไม่คิดเลยว่าคนที่ยุ่งถึงเพียงนี้ก็มาปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน
อันฝูซือถอนหายใจ แสร้งส่ายหน้าถอนหายใจ “จะทำอย่างไรได้เล่า? ใครใช้ให้ท่านพี่อันของเจ้าได้รับการช่วยชีวิตจากท่านแม่เจ้า บุญคุณในการช่วยชีวิตนี้จะต้องตอบแทน ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ท่านแม่ของเจ้ายังใช้หงหลินเยียนอีกด้วย”
“จะว่าไปก็จริงขอรับ” หนานหนานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจัง “ถึงแม้ท่านจะอุทิศชีวิตให้ไม่ได้ แต่ก็ยังต้องบุกน้ำลุยไฟอยู่”
“…” อันฝูซือรู้สึกเหมือนตนขุดหลุมให้ตัวเองตกลงไปอย่างไรอย่างนั้น เหตุใดเขาจึงลืมไปเสียได้ ว่าเด็กคนนี้ปกป้องท่านแม่ตนอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วทำหน้าดูถูกอยู่ด้านข้าง “หนานหนาน เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดจาไร้สาระ เขาก็เพียงมาทำธุระที่อาณาจักรเฟิงชางพอดีก็เท่านั้น”
“พี่ใหญ่อวี้ จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้นะ ข้ามาทำธุระที่อาณาจักรเฟิงชางก็จริง แต่การที่ข้ามาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่นะขอรับ แต่ท่านดูสิ เพียงเห็นหงหลินเยียนของท่าน ข้าก็ทิ้งธุระสำคัญแล้วรีบมาทันที เห็นได้ชัดว่าข้าให้ความสำคัญกับท่านมากกว่า”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะน้ำชาด้านข้างอย่างแรงจนเกิดเสียงปัง
คนในห้องตำราล้วนถอยเท้าไปสองก้าวโดยอัตโนมัติ ไม่อย่างนั้นก็ก้มหน้า จิบชา หรือเล่นแขนเสื้อของตน แสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงขุ่นมัวของอวี้ชิงลั่วดังขึ้น “อันฝูซือ เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
“พี่ใหญ่… พี่อวี้ เมื่อครู่ข้าเรียกท่านว่าพี่อวี้อย่างไรเล่า ท่านดูสิ ถึงแม้ท่านจะอายุมากกว่าข้าเพียงครึ่งปี แต่ข้าก็เรียกท่านว่าพี่สาว ก็แสดงให้เห็นว่าข้ารักและเคารพท่านอย่างมากไม่ใช่หรือ?”
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด “ท่านพี่อันช่างไร้ศักดิ์ศรีจริงๆ”
อันฝูซือกัดฟัน “หุบปากน่า หากยังเอ่ยปากอีก ข้าจะโยนเจ้าลงเสีย”
หนานหนานตะลึง รีบยื่นมือไปโอบคอของเขา สองมือกอดรัดเอาไว้แน่น ป้องกันไม่ให้ตนหล่นลงไปตอนที่เขาปล่อยมือ
อันฝูซือถูกเขารัดจนแทบจะหายใจไม่ออก รีบดึงมือเล็กๆ ของเขาอย่างแรง “หนานหนานๆ รีบปล่อยมือ หายใจไม่ออกแล้ว รีบปล่อยมือเสีย รีบ…”
สองมือของหนานหนานถูกเขาดึงออกแล้วลื่นลง ดวงตาเห็นว่าใกล้จะหล่นลงกับพื้น ทันใดนั้นซ้ายมือก็มีร่างหนึ่งไถลตัวเข้ามา กอดเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนทันที
คนผู้นั้นจ้องมองอันฝูซืออย่างคาดโทษ “เจ้าเมืองอัน ถ้าหากเจ้ายังอายุน้อยเสียจนอุ้มเด็กไว้ไม่ได้ ก็อย่ามาแย่งไปเป็นคนแรกสิ ถ้าหากทำหนานหนานที่รักของข้าหล่นพื้น ข้าจะไม่เกรงใจล่ะนะ”
อันฝูซือเดินไปไออยู่ด้านข้างอย่างกระวนกระวาย สนใจว่านางกล่าวอันใดเสียที่ไหนกัน
ส่วนหนานหนานกลับกอดคอของนางพร้อมรอยยิ้มคิกคัก “ท่านยายฮ่วน เหตุใดท่านเองก็อยู่เมืองหลวงด้วยเล่าขอรับ?”
“ได้ยินว่าช่วงนี้แม่ของเจ้ากำลังตกที่นั่งลำบาก จึงได้มาร่วมสนุกด้วยน่ะสิ” ท่านยายฮ่วนเหลือบมองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มหนานหนานมานั่งตรงเก้าอี้ด้านข้าง “คิดไม่ถึงว่าเพียงมาถึงก็จะได้เห็นหงหลินเยียน” ท่าทางของนางดูเหยียดหยามและดูถูกอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแต่แค่นหัวเราะเบาๆ แล้วกลอกตา
หนานหนานมองซ้ายมองขวา ท่านยายฮ่วนและท่านแม่ไม่ถูกชะตากันมาโดยตลอด ท่านแม่เคยบอกว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านยายฮ่วนไม่ได้มีฝีมือการลักขโมยที่เก่งกาจอย่างมาก ตอนนั้นนางแทบจะไม่อยากสนใจนางเลย
หนานหนานคิดว่าใจของสตรีนั้นช่างคาดเดายากจริงๆ เขาถูกบีบอยู่ตรงกลาง ช่างน่าลำบากใจเหลือเกิน
“หนานหนาน ที่เมืองหลวงนี้อันตรายเกินไปแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะกลับไปที่อาณาจักรจิงเหลยกับท่านยายฮ่วนเล่า ท่านยายฮ่วนจะสอนความสามารถที่มีทั้งหมดให้เจ้า ว่าอย่างไรล่ะ?”
หนานหนานผงะไป “หา?”
เขามองไปยังแม่ของตนอย่างอ่อนแรง อวี้ชิงลั่วตบโต๊ะอย่างแรง “ไม่ได้ ความสามารถนั้นของท่านเก็บเอาไว้กับตัวเถิด หนานหนานไม่เรียนหรอก”
“จะบอกให้นะแม่นางอวี้ เจ้าเองก็เผด็จการเกินไปแล้ว หนานหนานจะเรียนอะไร มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าหรือ?”
“เหตุใดจึงไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้าเล่า เขาเป็นลูกข้านะ” อวี้ชิงลั่วแค่นหัวเราะ
“เป็นลูกของเจ้า เจ้าเลยจะควบคุมชีวิตของเขาหรือ? เขามีอิสระในการชอบสิ่งใด เรียนสิ่งใด เจ้าคิดว่าเจ้าจะควบคุมเขาไปได้ตลอดชีวิตหรือ?”
“ข้าควบคุมเขาตลอดชีวิตไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านต้องมายุ่ง ขาข้างหนึ่งของท่านเข้าไปอยู่ในโลงแล้ว ยังจะอยากมายุ่งกับลูกของข้า ท่านยุ่งเรื่องคนอื่นเกินไปแล้วกระมัง”
“เจ้า อวี้ชิงลั่ว เจ้ามันนางตัวร้าย…” ถึงแม้ปกติแล้วท่านยายฮ่วนจะดุร้าย แต่หากอวี้ชิงลั่วจะปากร้ายขึ้นมาจริงๆ นางจะมาต่อกรได้อย่างไร
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะทะเลาะกันขึ้นมา หนานหนานก็รีบส่งสายตาให้สามสี่ห้าหกคนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
ท่านลุงฉิน ท่านน้าเฟิง ท่านน้าหย่า ท่านปู่ฮวา ท่านตาถู ท่านน้าเฟยช่างไร้ยางอายเสียจริง ทำได้เพียงอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ แสร้งว่าไม่รู้เรื่องอันใด ไม่เห็นหรือว่าเขาจะถูกลากเข้าไปรับกรรมด้วยแล้ว?
พวกเขามาที่นี่ทำไมกันแน่?
หนานหนานมุ่ยปาก เห็นว่าท่านแม่ของตนยืนขึ้นในทันทีแล้วก็รีบเงยหน้าขึ้น
“เจ้าเกี๊ยวฉิน เจ้าเท้าลู่ เอาตัวท่านยายฮ่วนออกไปเสีย”
ฉินเจี่ยวเพียวและลู่หลานเฟิงที่ถูกเรียกชื่อผงะไป ลูบจมูกมองไปยังอวี้ชิงลั่ว
หนานหนานเห็นว่าท่านยายฮ่วนเริ่มโกรธจนตัวสั่นแล้ว รีบกล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ๆ” เขากล่าวพลางออกมาจากอ้อมอกของท่านยายฮ่วน รีบวิ่งไปข้างกายอวี้ชิงลั่ว ดึงมือของนางแล้วกล่าว “ท่านแม่ เมื่อครู่ตอนข้าเข้ามา ได้ยินว่าท่านให้พวกท่านลุงฉินช่วยท่านกระทำการสามอย่าง เป็นสามอย่างไหนกันแน่หรือ?”
“นั่นสิๆ เป็นสามสิ่งใดกันแน่หรือ?” ฉินเจี่ยวเพียวถามอย่างเห็นด้วยทันที เพื่อจะได้ไม่ต้องโยนท่านยายฮ่วนออกไปจริงๆ ในอีกสักครู่
ท่านยายฮ่วนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างมาก แต่ฝีมือการขโมยของนั้นเก่งกาจเกินไป เขาเองก็เคยตกหลุมพรางของนางมาแล้ว ดึงนั้นไม่ควรทำนางขุ่นเคืองจะดีกว่า
อวี้ชิงลั่วได้ยินดังนั้น สีหน้าก็จริงจัง ความโกรธสงบลงอย่างสมบูรณ์
จริงสิ เรื่องนี้เร่งด่วนกว่า การทะเลาะกันควรเก็บเอาไว้ก่อน อีกเดี๋ยวจะเป็นปัญหาของท่านยายฮ่วน
ท่านยายฮ่วนกลับทำเหมือนตนชนะอย่างไรอย่างนั้น เชิดคางขึ้นเล็กน้อย มองอวี้ชิงลั่วอย่างเหยียดหยาม
อวี้ชิงลั่วดวงตาแข็งทื่อ หันหน้ามองพวกฉินเจี่ยวเพียวและลู่หลานเฟิง กล่าว “น้องชายของข้า อวี้เป่าเอ๋อร์ถูกคนจับตัวไป ดังนั้นเรื่องแรกที่ต้องทำ คือต้องหาที่อยู่ของเขาและช่วยเขาออกมา”
“ส่วนเรื่องที่สอง ข้าอยากตาต่อตาฟันต่อฟัน พวกเจ้าต้องจับเหมิงกุ้ยเฟยมาให้ข้า”
“ส่วนเรื่องที่สามนั้น” ความร้ายกาจฉายออกมาในใบหน้าของอวี้ชิงลั่วทันที รอยยิ้มเย็นชาอย่างมาก
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรื่องที่สามที่ชิงลั่วสั่งให้ไปทำคือเรื่องอะไรหนอ?
ไหหม่า(海馬)