อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 982 ต้องการชีวิตของนาง
ตอนที่ 982 ต้องการชีวิตของนาง
ตอนที่ 982 ต้องการชีวิตของนาง
หนานหนานที่ยืนอยู่ข้างกายนางถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย นี่ท่านแม่ต้องการที่จะ… เปิดฉากสังหารแล้วหรือ
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ข้าอยากให้พวกเจ้าฆ่ามารดาของอวี๋จั้วหลิน ข้าต้องการชีวิตของฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลอวี๋!!”
อวี้ชิงลั่วถือว่าเป็นคนมีใจกรุณาอย่างมากแล้ว หกปีก่อนฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋ขังอวี้ชิงลั่วตัวจริงไว้ในห้องเก็บฟืน เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าเป็นความเกลียดชังลึกซึ้ง ดังนั้นนางจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะแก้แค้นอย่างไรดี
จุดประสงค์หลักของนางคือวางกับดักใส่ตน นอกจากนี้ยังมีอวี๋จั้วหลินที่คอยไล่ฆ่าอย่างไม่หยุดยั้งและไร้ความปรานีอีกด้วย
สำหรับฮูหยินใหญ่แล้ว หากนางอยู่ที่จวนอวี๋อย่างสงบหลังจากอวี๋จั้วหลินตาย เช่นนั้นนางก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของนางได้แล้ว
แต่นางกลับออกมาสร้างเรื่องอีก อวี้เป่าเอ๋อร์ถูกคนจับตัวไป ตอนที่นางและโม่เสียนรีบไปยังจุดเกิดเหตุก็คลาดกันไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น
และในเวลาชั่วครู่นั้นก็เป็นตอนที่นางได้พบฮูหยินใหญ่ระหว่างทางและถูกขวางเอาไว้
อวี๋จั้วหลินตายแล้ว นางกลับยังเต็มใจลงแรงเพื่อคนอื่นอีก เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่านางโหดร้ายก็แล้วกัน
คนในห้องตำรามองหน้ากัน จากนั้นครู่ใหญ่ก็มีเสียงหวานเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากมุมห้อง “เรื่องฆ่าฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋ ยกให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด ข้าเริ่มตื่นเต้นเล็กน้อยแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้สิ”
“ท่านน้าหย่า ข้าจะบอกให้นะ ฮูหยินใหญ่ผู้นั้นช่างน่ารังเกียจอย่างมาก หากท่านไปที่จวนอวี๋แล้วเห็นหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาน่าเกลียดเป็นพิเศษ ก็ย่อมเป็นนาง” หนานหนานไม่มีความรู้สึกดีๆ กับมารดาของอวี๋จั้วหลินเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขา คนที่จิตใจชั่วร้ายล้วนหน้าตาน่าเกลียดทั้งนั้น
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขา “เจ้าอย่าไปทำให้นางเข้าใจผิด หากนางฆ่าผิดคนเล่า?”
“ขอรับ” หนานหนานหลบไปที่ด้านหลังนางอย่างเชื่อฟัง
ซวนหย่าหัวเราะออกมา ท่าทางอ่อนแอราวกับไร้กระดูกเช่นนั้น ใครจะไปคิดถึงวิธีการที่เหี้ยมโหดของนางได้
อวี้ชิงลั่วนั่งลง หันหน้าไปมองคนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้น ลูบคางพลางครุ่นคิด
“ว่าอย่างไร เจ้ามีเรื่องลำบากใจอันใดหรือ” ผู้เฒ่าถูถาม
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแล้วกล่าว “เย่ซิวตู๋ส่งคนไปสืบหาที่อยู่ของเป่าเอ๋อร์แล้ว นี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว กลับยังไม่สามารถสืบได้เลยว่าเขาอยู่ที่ใดกันแน่”
“เรื่องนี้ง่ายมาก เจ้าวาดภาพเหมือนให้ข้าสิ เรื่องการตามหาเบาะแสของคนนั้น ข้าเชี่ยวชาญนัก” ฮวาเฟิงลูบเคราสีเทาของตน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หันหน้ามองไปยังท่านยายฮ่วน ท่านยายฮ่วนนั้นเป็นยอดฝีมือในด้านการวาดภาพ ถึงแม้นางจะอายุมากแล้ว แต่สองมือของนางกลับชำนาญอย่างมาก
ท่านยายฮ่วนเหมือนลืมการทะเลาะกันเมื่อครู่ไปในทันที หยิบพู่กัน แท่งหมึก กระดาษ และหินฝนหมึกทันที ให้อวี้ชิงลั่วอธิบายลักษณะของอวี้เป่าเอ๋อร์
ภาพเหมือนที่นางวาดออกมาช่างเหมือนกับตัวจริงอย่างมากจริงๆ เมื่อนางเก็บพู่กัน อวี้ชิงลั่วก็เหมือนกับได้เห็นภาพถ่ายของอวี้เป่าเอ๋อร์ ช่างเหมือนตัวจริงอย่างมาก
หนานหนานมองอยู่ด้านข้างพลางจิ๊ปากอย่างประหลาดใจ “ท่านยายฮ่วน อีกเดี๋ยวท่านวาดให้ข้าสักแผ่นเถิดขอรับ ข้าอยากเอาไปติดกระดาษแข็งแล้วแขวนไว้ที่ผนังห้องขอรับ”
ท่านยายฮ่วนรักและตามใจหนานหนานอย่างมาก “ได้สิ อีกเดี๋ยวเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะวาดให้เจ้าสักสิบแผ่นแปดแผ่นเลย”
แววตาของหนานหนานเป็นประกายทันที เปล่งประกายวาววับราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยง
อวี้ชิงลั่วนำภาพเหมือนมอบให้ฮวาเฟิง ฮวาเฟิงลูบเคราขาวของตนด้วยความเคยชิน หันหน้าไปกล่าว “เรื่องแรกนี้ ยกให้เป็นหน้าที่ข้ากับเจ้าเมืองอันเถิด ที่เหลือให้ท่านยายฮ่วนไปจัดการ”
“รบกวนด้วยเจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วเคารพฮวาเฟิงอย่างมาก ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาอายุมากที่สุด แต่เป็นเพราะเขานั้นมีทัศนคติอย่างผู้อาวุโส เป็นชายชราที่ชวนให้คนเคารพคนหนึ่ง
เพียงแต่แม้ฮวาเฟิงจะเก่งกาจในด้านการตามสังหารและสืบหาเบาะแสอย่างมาก แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่ซิวตู๋เองก็ไม่ได้อ่อนแอ
คนที่ฟ่านผิงอวิ๋นฝึกฝนมาล้วนเป็นมือสังหารมืออาชีพ พวกเขาตามสืบหากันมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ก็ยังไม่พบเบาะแส เห็นได้ชัดว่าอวี้เป่าเอ๋อร์ถูกพวกเขาซ่อนเอาไว้ในสถานที่ลับเฉพาะอย่างมาก
นางเป็นกังวลอย่างมาก ฮวาเฟิงไม่เข้าใจภูมิประเทศของเมืองหลวง เกรงว่าคงจะกลับมามือเปล่า
ส่วนอวี้เป่าเอ๋อร์นั้น หากไม่พบหนึ่งวัน ก็จะเป็นอันตรายไปอีกหนึ่งวัน
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจพลางส่ายหน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก
นางสูดหายใจลึกๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “ส่วนเรื่องที่สองนั้น…. หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้เหมิงกุ้ยเฟยน่าจะอยู่ที่กองพันตะวันตก รอบตัวนางมีคนเก่งกาจมากมาย หากอยากจัดการนาง เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงนั้น”
คนที่ลอบสังหารฝ่าบาทครั้งก่อน และประมือกับฟ่านซิวอวิ๋น ก็เกรงว่าจะอยู่ที่นั่นด้วย
“ข้างกายท่านก็มีคนเก่งกาจไม่น้อยกระมัง” ลู่หลานเฟิงเลิกคิ้ว ท่าทางราวกับจะบอกว่า ‘ข้าก็คือคนเก่งกาจที่เจ้าพูดถึง ข้าแข็งแกร่งมาก ข้าร้ายกาจมาก รีบชมข้าสิ แล้วข้าจะช่วยเจ้า’
อวี้ชิงลั่วมองแล้วก็กระตุกมุมปาก ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพบเสียงของตนเอง หัวเราะฮิๆ “อืม ไม่น้อย”
“ชิงลั่ว ซวนหย่าไปจัดการฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋ ส่วนท่านตาฮวา ท่านยายฮ่วนแล้วก็เจ้าเมืองอันไปช่วยน้องชายเจ้า คนที่เหลือก็ไปนำตัวเหมิงกุ้ยเฟยที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงมาให้เจ้า คงไม่มีปัญหากระมัง” ฉินเจี่ยวเพียวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวี้ชิงลั่วมองไปรอบๆ แล้วครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็รบกวนพวกท่านด้วย”
หลายๆ คนคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็ออกจากห้องตำรา แต่ละคนกลับห้องของตนเองไป
เย่ซิวตู๋กลับไม่ได้กลับมาทั้งคืน อวี้ชิงลั่วรู้ว่าองค์ชายเจ็ดเริ่มรวมกองกำลังแล้ว เย่ซิวตู๋ที่ไม่อยากนั่งรอโชคชะตาก็ต้องรวบรวมกองกำลังให้เร็วที่สุดเช่นกัน อย่างน้อยก็จะได้มีกำลังพอที่จะต่อกรกับองค์ชายเจ็ดได้
ตอนนี้ราชสำนักเองก็แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน ขุนนางผู้ไหนที่สนับสนุนองค์ชายเจ็ด ก็ค่อยๆ ถูกเย่ซิวตู๋ตามจับออกมาแล้ว
คนเหล่านี้เป็นเนื้อร้าย หากปล่อยไว้เรื่อยๆ ก็ยากจะรับรองว่าต่อไปจะไม่มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ครั้งนี้เย่ซิวตู๋ดำเนินการครั้งใหญ่ เพียงแต่… เกรงว่าทางด้านเขานี้ก็จะเสียหายหนักเช่นกัน
ครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เกี่ยวข้องกับคนมากมายและมีอิทธิพลในวงกว้าง ดังนั้นอวี้ชิงลั่วจึงไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด
เช้าวันต่อมา ข่าวฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลอวี๋ถูกฆ่านั้นมาถึงหูของอวี้ชิงลั่วแล้ว
ในตอนนั้นอวี้ชิงลั่วกำลังดื่มชาอยู่กับซวนหย่า ครั้นมองซวนหย่าที่มีรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นเอนกายอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างงดงาม อวี้ชิงลั่วก็อดจะลอบส่ายหัวไม่ได้ “เจ้าลงมือไวเสียจริง”
“ข้าชอบจัดการให้เสร็จอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด เพียงแต่การฆ่าคนเช่นนั้นเพียงคนเดียว ช่างไม่ให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จเอาเสียเลย” ซวนหย่านึกถึงท่าทางร้องห่มร้องไห้ขับถ่ายออกมา ณ ตรงนั้นของฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋เมื่อเห็นกระบี่อ่อนของนาง นางก็รู้สึกขยะแขยงอย่างพูดไม่ออก การเลือกจะไปฆ่านางช่างเป็นตัวเลือกที่ไม่ฉลาดที่สุดในชีวิตของนางแล้ว
แต่นางเองก็ถือว่าใจดีแล้ว ก่อนหน้าที่ฮูหยินใหญ่อวี๋จะตาย ก็บอกนางด้วยความหวังดีว่าคนที่ทำให้นางขุ่นเคืองจริงๆ แล้วเป็นใคร เพื่อที่ว่าหากนางกลายเป็นผีไปแล้ว จะได้ไปแก้แค้นกับผู้ร้ายตัวจริง นางน่ะบริสุทธิ์
อวี้ชิงลั่วหลุดหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง “ได้รับผลประโยชน์แล้วยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอีก”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เย่ซิวตู๋ก็กลับมาแล้ว เพียงเข้าประตูก็เห็นซวนหย่าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาว อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เมื่อซวนหย่าเห็นเขา แววตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาวแล้วรีบเดินไปหาเย่ซิวตู๋
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซวนหย่าคนนี้มีอะไรบางอย่างกับเย่ซิวตู่หรือเปล่นะ
ไหหม่า(海馬)