อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 986 หาพบแล้ว
ตอนที่ 986 หาพบแล้ว
ตอนที่ 986 หาพบแล้ว
หนานหนานยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ คังเฟยถือกล่องอาหารกล่องหนึ่งเข้าไปในห้องห้องหนึ่งหรือ?
ไทเฮาสมกับเป็นไทเฮา ในช่วงเวลาอันสั้นนี้กลับพบความผิดปกติของคังเฟยเสียแล้ว
“ข้าเองก็คิดอยู่ว่าจะส่งคนไปค้นหาอย่างเปิดเผย แต่ก็เกรงว่าจะไปแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วคังเฟยจะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ดี” ไทเฮาลูบหลังของเขา ทั้งยังกดให้เขานั่งลง “หลังจากนั้นข้าก็เลยคิด เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ ทั้งยังตัวเล็ก ด้วยความสามารถของเจ้าแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะพบอะไรบ้างก็ได้”
ถึงอย่างไรหนานหนานก็สามารถออกจากตำหนักนางทางด้านนี้ไปถึงตำหนักบรรทมของฝ่าบาทได้อย่างง่ายดายมาก ไม่มีใครพบเห็นเลย
หนานหนานพยักหน้าในทันใด คังเฟยผู้นี้ไม่ใช่คนดี คนอย่างองค์ชายสี่นั้น น่ากลัวเสียยิ่งกว่าองค์ชายสาม
ดังนั้นด้วยฐานะหมู่เฟยขององค์ชายสี่ ก็ย่อมเป็นคนชั่วกลุ่มเดียวกับองค์ชายสี่ ไม่แน่ว่าอาจจะก่อเรื่องอันใดขึ้นมาก็ได้
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของท่านพ่อและท่านแม่ ดังนั้น นางต้องรู้ว่าคังเฟยมีแผนร้ายอันใดกันแน่
“หนานหนาน ไม่อย่างนั้นก็นำเรื่องนี้ไปบอกพ่อของเจ้าเถิด ให้พ่อของเจ้าหาคนมาตรวจสอบดูดีหรือไม่?” ไทเฮาก็ยังทนไม่ได้ที่จะให้หนานหนานที่อายุยังน้อยไปทำเรื่องที่อันตรายเพียงนี้ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น นางคงจะเสียกับการกระทำของตนจนตายจริงๆ
แต่ผู้พิทักษ์ทมิฬของนางบอกเอาไว้ว่าหากต้องการเคลื่อนไหวภายใต้จมูกคนของคังเฟย เกรงว่าทางเดียวที่จะทำได้ ก็คือใช้เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่
เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่เป็นที่เลื่องลือ หากใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญก็จะเหมือนเป็นเพียงลมพัดเท่านั้น การจะมีใครพบเห็นนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ไทเฮาไม่รู้ว่าที่ตำหนักอ๋องซิวยังมีคนตระกูลลู่มาอีกสองคน ดังนั้นนางจึงคิดออกเพียงหนานหนาน
ถึงหนานหนานจะเป็นเด็ก แต่ในช่วงเวลาพิเศษและเร่งด่วนเช่นนี้ การกระทำของคังเฟยก็ไม่แน่ว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั้งหมด นางจึงไม่มีทางเลือก
หนานหนานส่ายหน้า “ไม่ล่ะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านพ่อเองก็ยุ่งมาก อีกทั้งถึงแม้วิชาต่อสู้ของท่านพ่อจะเก่งกาจ แต่ว่า… แต่ว่า… เขาตัวใหญ่เกินไปพ่ะย่ะค่ะ”
“…” ตัวใหญ่เกินไปหรือ????
ไทเฮาเบือนพระพักตร์หนีอย่างเงียบๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าปิดโอษฐ์แล้วกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง ผ่านไปสักพักก็หมุนตัวกลับมา กล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย”
หนานหนานพยักหน้าอย่างหนัก “ไทเฮาวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ เคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ของกระหม่อมมาถึงจุดที่เชี่ยวชาญแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮิๆๆ”
ช่วงสองสามวันนี้ลู่หลานเฟิงอยู่ตำหนักอ๋องซิว ภายใต้การชี้แนะของเขา รวมไปถึงพรสวรรค์ในการลงมือทำของหนานหนาน รวมไปถึงความกระตือรือร้นของเขาที่ต้องการให้ตนแข็งแกร่งและมีประโยชน์เพื่อจะได้ช่วยธุระของท่านพ่อท่านแม่ได้ ดังนั้นการที่เขาถูกขังอยู่ในตำหนักสองสามวัน ฝีมือการต่อสู้กลับพัฒนาเสียมากกว่าช่วงเวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนก่อนที่ผ่านมามากนัก
โดยเฉพาะเคล็ดวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ ถึงแม้ยังไม่เท่าลู่หลานเฟิง แต่ก็ใกล้จะเสมอกันได้แล้ว
ดังนั้นการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของคังเฟยในครั้งนี้ เขาจึงมั่นใจในตัวเองอย่างมาก
หนานหนานกำหมัดแน่น ใส่ชุดกลางคืนที่ไทเฮาเตรียมเอาไว้ให้เขา จากนั้นก็ปิดใบหน้าทั้งหน้า เหลือไว้เพียงดวงตาหนึ่งคู่
ท้องฟ้ามืดลง ราวกับว่าสวรรค์เองก็ช่วยเขาเป็นพิเศษ ลมในค่ำคืนนี้ก็แรงกว่าปกติเล็กน้อย
ดังนั้นระหว่างที่เขาเคลื่อนไหว ถึงแม้ร่างเล็กๆ จะผ่านตัวใครไป คนก็เข้าใจไปว่าเป็นเพียงลมพัดผ่านไปเท่านั้น
หนานหนานไปถึงตำหนักจิ่นหวาที่คังเฟยพำนักอยู่อย่างรวดเร็ว นอกตำหนักเงียบสงบ มีเพียงขันทีสองคนที่คอยยืนเฝ้าประตูอย่างระแวดระวังอยู่ตรงนั้น
หนานหนานสอดส่องอยู่ข้างนอกครู่หนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ก็หยิบเอาหินก้อนหนึ่งแล้วขว้างใส่หนึ่งในขันทีอย่างแรง
หินก้อนนั้นมีขนาดเล็ก โดนร่างกายไม่เจ็บอันใด
ขันทีผู้นั้นร้อง ‘โอ๊ย’ ทันใดนั้นก็หันหน้ามา “ใคร นั่นใคร?”
ขันทีอีกคนหนึ่งถามเขาอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ?”
“เหมือนว่ามีคนมาทำร้ายข้า”
“ใครทำร้ายเจ้ากัน? ดึกดื่นเช่นนี้อย่ามาพูดจามั่วซั่ว ในใจข้ารู้สึกขนลุกไปหมดแล้ว ตอนนี้ลมแรง ไม่ใข่ว่าเจ้าถูกลมพัดอะไรมาโดนกระมัง”
ขันทีผู้นั้นมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นใครเลยจริงๆ ทำได้เพียงเอียงคอ พึมพาว่า “คงอย่างนั้นกระมัง”
หนานหนานเงยหน้าขึ้นแล้ว รู้สึกได้อย่างเฉียบคมถึงร่างหนึ่งที่แวบผ่านไปด้านหลังประตู อีกทั้งบนต้นไม้ใหญ่ด้านซ้าย รวมไปถึงหลังคาทางด้านขวาด้วย
คนของคังเฟยที่นี่มีไม่น้อยจริงๆ
หนานหนานเบ้ปาก นึกถึงสิ่งที่ไทเฮาบอกเขา
กลางคืนดึกดื่นเช่นนี้ คังเฟยจะต้องพักผ่อนไปแล้วเป็นแน่ ดังนั้นในห้องเล็กนั้น เขาทำได้เพียงหาทางไปด้วยตัวเอง
หนานหนานเม้มปาก ขยับเท้าแล้วเข้าไปในตำหนักจิ่นหวาอย่างรวดเร็ว ซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคาแห่งหนึ่ง
ดวงตากลมเล็กกวามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ไทเฮาบอกเอาไว้ว่าห้องที่คังเฟยไปนั้นอยู่ทางด้านซ้ายของโถงหลัก
เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ไถลตัวไปทางด้านซ้าย
หนานหนานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการเฝ้ายามทางด้านซ้ายนั้นดูเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมมาก ดูท่าแล้วห้องนี้น่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ
เขารีบขยับไปด้านข้างเล็กน้อย ก้อนหินในมือถูกเขวี้ยงไปอีกครั้ง
ในโอกาสที่ผู้พิทักษ์ทมิฬนั้นหันเหความสนใจไปชั่วพริบตา หนานหนานก็รีบไปยืนอยู่ใต้หน้าต่างของห้องที่ไทเฮาบรรยายถึงอย่างรวดเร็วแล้ว
แต่ตอนนี้ปัญหาก็คือ เขาจะเข้าห้องไปได้อย่างไรเล่า?
หนานหนานถอนหายใจ ดูท่าคงทำได้เพียงคาดหวังกับคนของไทเฮาแล้ว ตอนนั้นไทเฮาบอกว่าจะช่วยเขา เขายังคิดอยู่ว่าไม่จำเป็น คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้
หนานหนานเม้มปาก นำเสี่ยวไป๋เหอวางไว้บนพื้น
เสี่ยวไป๋เหอคลานดุ๊กดิ๊กไปข้างหน้า ไม่นานนักก็ไปหยุดอยู่หน้าคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนขันที ขันทีผู้นั้นเข้าใจได้ ก้มหน้าลงนำเอาสิ่งของที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อมาโดยตลอดวางลงที่ห้องบรรทมของคังเฟย หนานหนานซ่อนร่างของตนในความมืดอย่างเงียบๆ แล้วกลั้นหายใจ
ไม่นานนัก จู่ๆ ในห้องบรรทมของคังเฟยก็มีเสียงความเคลื่อนไหว เสียงกรีดร้องของคังเฟยดังไปทั่วตำหนัก “มีงูๆ”
ทั่วทั้งตำหนักจิ่นหวาตื่นตระหนก ตะเกียงในห้องถูกจุดทีละดวง ขันทีและนางข้าหลวงก็พากันลุกขึ้น
ผู้พิทักษ์ทมิฬที่เฝ้าตำหนักอยู่ก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ห้องของคังเฟย ทั่วทั้งตำหนักจิ่นหวาตกอยู่ในความอลหม่าน มีเสียงดังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนานหนานหัวเราะฮิๆ เปิดบานหน้าต่างอย่างเงียบๆ ม้วนตัวหนึ่งครั้ง แล้วคนก็เข้าไปในห้อง
การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นชั่วพริบตา บานหน้าต่างนั้นเกิดเสียงดังเล็กน้อย จากนั้นก็กลับสู่สภาพเดิม
สายตาของหนานหนานกวาดไปรอบๆ ห้อง สุดท้ายก็มองไปยังกล่องเหล็กสูงใหญ่ตรงมุมห้อง
กล่องเหล็กหรือ?
หนานหนานเดินหน้าไปสองสามก้าว นิ้วมือแตะไปยังกล่องเหล็ก
ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กๆ ดังมาจากข้างใน หนานหนานตะลึง รีบเก็บมือกลับมา
“พวกเจ้าขังข้าไว้ก็ไร้ประโยชน์ ข้าไม่มีทางรับปากพวกเจ้า ช่วยพวกเจ้าทำร้ายพี่สาวข้าหรอก ฆ่าข้าเสียเถิด”
หนานหนานเปลี่ยนสีหน้าไปทันที เสียงนี้ เสียงนี้…
ไม่ผิดแน่ เขาฟังไม่ผิดแน่ ต่อให้จะมีกล่องเหล็กขวางอยู่ ต่อให้เสียงจะอู้อี้ แต่เขาฟังไม่ผิดเป็นแน่
หนานหนานรู้สึกราวกับว่าหัวใจเต้นจนแทบจะหลุดออกมา เขาหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงยังคงสั่น
“เป่าเอ๋อร์ ท่านน้าเป่าเอ๋อร์หรือ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใช่ไหมนะ จะใช่ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ของหนานหนานไหมนะ?
ไหหม่า(海馬)