อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 99 ตะเภาเดียวกันจำพวกนี้
ตอนที่ 99 ตะเภาเดียวกันจำพวกนี้
เย่หลานผิงมองไปตามตำแหน่งนิ้วมือของหนานหนาน ก็พบ ‘ศพ’ กองหนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นห่างออกไปไม่ไกลจริง ๆ
มีว่าว มีระฆัง มีหน้ากาก มีน้ำตาลปั้น มีขวดกระเบื้องเคลือบเล็ก ๆ
เย่หลานผิงและหยวนสือที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาถึงกับมุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ จู่ ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียงน่าสงสารของหนานหนานดังขึ้นอีกหน “ของพวกนี้เป็นของที่หนานหนานชอบมาก พี่ชาย ท่านชอบหรือไม่?”
เย่หลานผิงลอบหัวเราะแห้ง ของราคาถูกสำหรับชาวบ้านเหล่านี้ เขาย่อมไม่เหลียวมอง
ทว่าหนานหนานเป็นเด็ก เด็กอายุเท่านี้ชอบของแปลก ๆ เหล่านี้ย่อมเป็นเรื่องปกติ ต่อให้มีความคิดอยากจะมอบให้เขา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย
หลังจากชะงักไป เขาจึงหันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ว่าหนานหนานจะให้อะไร พี่ก็ชอบทั้งนั้น”
“แต่มันพังหมดแล้ว ข้าเลือกตั้งนาน” หนานหนานสะอึกสะอื้น จิตใจหดหู่อย่างมาก
เหวินเทียนตบบ่าเขาราวกับรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก บอกเย่หลานผิงโดยไม่ได้ตั้งใจไปว่า “หนานหนานลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าบอกว่าจะจัดเตรียมของขวัญให้ผิงซื่อจื่อ เขาใส่ใจมาก ไม่ว่าจะซื้อของไปเท่าไรก็ยังรู้สึกไม่มากพอ เพราะกลัวว่าจะไม่ถูกใจผิงซื่อจื่อ”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?” เย่หลานผิงรีบปลอบใจเขา “ของขวัญเหล่านี้พี่ชอบทั้งหมดเลย” ระหว่างที่พูด ก็หันไปสั่งองครักษ์ของตนเองด้วยสีหน้าจริงจัง “ทหาร นำของเหล่านี้ไปทำให้เรียบร้อย แล้วนำไปวางไว้ในรถม้าของเรา”
“ขอรับ” องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังรีบหอบของที่กองอยู่บนพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะเดินไปยังรถม้า
หนานหนานชะงัก รีบตะโกนเสียงดัง “แต่ของเหล่านั้นพังหมดแล้วนะ ข้าไม่สามารถให้ของที่พังแล้วกับพี่ชายได้” หลังจากชะงักไป เขาก็หันไปถลึงตามองสองแม่ลูกที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาดุดัน ตะโกนด้วยความโกรธว่า “เป็นเพราะพวกนาง หากไม่ใช่เพราะพวกนาง วันพรุ่งข้าคงบอกใหท่านลุงพาข้าไปหาพี่ชาย เพื่อนำของขวัญไปมอบให้แล้ว พวกเจ้าต้องชดใช้มาให้ข้า ชดใช้มาให้หมดเลย”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวร่างสั่นสะท้าน สละเวลามองดูของเหล่านั้น จึงค้นพบว่าไม่ใช่ของที่มีราคาแพงเป็นพิเศษอะไร การที่จวนอวี้ของพวกนางจะชดใช้สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็ก สามารถนำเงินออกมาได้
หากเรื่องนี้ให้ความเป็นธรรมกับเด็กคนนี้ ด้วยการให้เงินก็สามารถแก้ปัญหาได้ เช่นนั้นก็ย่อมง่ายขึ้นมาก
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหันสบตากัน รีบพยักหน้ารัว ๆ “เจ้าค่ะ เป็นความผิดของพวกเราเอง ของขวัญของคุณชายน้อย พวกเราจะชดใช้ให้เจ้าค่ะ ของขวัญเหล่านั้น พวกเราจะชดใช้ให้คุณชายน้อยในราคาสองเท่า ได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เย่หลานผิงแค่นเสียงเย็นยืนอยู่ข้าง ๆ “อะไรกัน พวกเจ้าคิดว่าของขวัญที่หนานหนานมอบให้เรา มีราคาแค่ไม่กี่เหรียญหรือ? หรือเจ้าจะบอกว่า ชดใช้เงินนิดหน่อยก็ทำให้เรื่องคลี่คลายแล้ว?”
“นั่นสิ” หนานหนานคล้อยตามเสียงดัง “พวกเจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่ ตกใจจนขวัญแทบกระเจิง ท่านแม่บอกว่าคนที่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิงจะต้องตาย ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่สบายอย่างมาก ต่อให้ขวัญยังไม่กระเจิงเพราะตกใจ แต่ก็คงเกิดรอยร้าวหลายเส้น มีผลกระทบต่อการแต่งงานและมีลูกของข้าหลังจากนี้ เจ้ารู้หรือไม่? เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสุขตลอดทั้งชีวิตของข้าเชียวนะ พวกเจ้าทำลายชีวิตของข้า เงินแค่ไม่กี่เหรียญจะแก้ไขได้หรือ?”
เหวินเทียนพยายามดึงหน้าตัวเอง เพื่อไม่ให้หลุดขำออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ร้าวหลายเส้น ร้าวหลายเส้น? พรืด…
เย่หลานผิงและหยวนสือไม่ได้มีความมุ่งมั่นเหมือนกับเขาเช่นนั้น แม้ว่าจะไม่ได้หัวเราะส่งเสียงออกมา แต่สีหน้าบนใบหน้านั้น ก็เป็นรูปลักษณ์ที่ทำให้เขาขบขันอย่างห้ามไม่อยู่
ทว่าเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวกลับคิดว่าเรื่องนี้ทำให้พวกนางลำบากใจและซับซ้อนมากขึ้นแล้ว นี่เป็นการเรียกร้องที่ไม่มีมูลอะไรเลย แต่ต่อให้เป็นการเรียกร้องที่ไม่มีมูล มีผิงซื่อจื่อยืนอยู่ข้าง ๆ เขา คำพูดของเขาจึงมีเหตุผล ต้องเป็นเรื่องที่ได้รับการพิจารณา
เย่หลานผิงขบขันกับคำพูดของหนานหนานจนความโกรธหายไปมากแล้ว จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นหนานหนานตัดสินใจจะจัดการอย่างไร?”
“เงินที่ข้าซื้อของขวัญ เมื่อครู่พวกนางบอกว่าจะชดใช้ให้หนานหนานสองเท่า พี่ชายก็ได้ยินแล้ว”
เย่หลานผิงพยักหน้า “ได้ยินแล้ว”
หนานหนานหันกลับไป มองเหวินเทียน “ท่านลุงเหวิน ท่านช่วยคำนวณให้ข้าหน่อยว่าของขวัญเหล่านั้นจ่ายไปเท่าไร”
เหวินเทียนสบตากับเขาที่กะพริบตาจนแทบจะเป็นตะคริว จึงพูดอย่างจริงจังว่า “หากปัดเศษแล้ว ทั้งหมดเป็นเงิน หกสิบเก้าตำลึง”
หกสิบเก้าตำลึง? ไม่เพียงแค่เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรว แม้แต่ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูต่างก็คิดว่าเขากำลังพูดเรื่อยเปื่อย
เงินหกสิบเก้าตำลึง จำนวนเงินเท่านั้นสามารถซื้อของบนแผงลอยเหล่านั้นหมดแผงได้เลย ในนั้นหากบวกลบทั้งหมดดูแล้ว ก็น่าจะมีราคาไม่ถึงสองตำลึง
เหวินเทียนยังคงพูดอย่างจริงจังมากว่า “ใช่ หกสิบเก้าตำลึง เพราะเป็นของขวัญที่จะมอบให้ผิงซื่อจื่อ ดังนั้นหนานหนานจึงเลือกของที่ดีที่สุด และแพงที่สุด พ่อค้ารายย่อยเหล่านั้นเห็นหนานหนานเป็นเช่นนี้ จึงเพิ่มราคาหลายเท่า แม้ว่าข้าน้อยจะโน้มน้าวใจคุณชายน้อยแล้ว แต่คุณชายน้อยก็ยังยืนกราน คิดว่าของขวัญแพงคือสิ่งที่ดีที่สุด จึงจะมอบให้ผิงซื่อจื่อได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ฟังคำโน้มน้าวใจของข้าน้อย”
ใช้ชื่อของเย่หลานผิง ให้ความรู้สึกดีกว่าใช้ชื่อของเย่ซิวตู๋
เย่หลานผิงหันกลับไป พูดกับสองแม่ลูกเฉินจีซิน “หกสิบเก้าตำลึง ยึดจากราคาสองเท่า ก็เท่ากับหนึ่งร้อยสามสิบแปดตำลึง ปัดเศษให้เต็มจำนวน เช่นนั้นก็เป็นเงินหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึง”
เงินส่วนนี้ เสินจีซินและอวี้ชิงโหรวยังนำมาออกมาได้ ด้วยเหตุนี้จึงรีบพยักหน้าตอบตกลง
หนานหนานรู้สึกพึงพอใจมาก เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์จริง ๆ ได้เงินเพิ่มขึ้นตั้งหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึงโดยไม่มีเหตุและผล
“แล้วก็ ข้าบอกไปแล้ว พวกเจ้าทำร้ายขวัญกำลังใจของข้า ก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน ต้องจ่ายชดใช้ค่ายาให้ด้วย อืม เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ค่ายาข้าจะคิดแบบถูก ๆ สักหน่อย หนึ่งพันตำลึงก็แล้วกัน ข้าต้องไปหาหมอที่ดีที่สุดเพื่อให้ช่วยรักษาให้ แล้วก็เอ่ยร้องยอมจำนนหนึ่งบทด้วย แบบนี้จึงจะทำให้ข้าอารมณ์ดี โรคคงจะหายดีด้วย”
เงินหนึ่งพันตำลึง…แม้ว่าพวกนางจะสามารถจ่ายได้ แต่ยอมจำนนอะไรนี่ มันคืออะไรกัน?
“คุณ คุณชายน้อย พวกเราร้องไม่เป็นนะเจ้าคะ”
“ร้องไม่เป็น? เหตุใดพวกเจ้าถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้ อะ เอาแบบนี้ ข้าร้องหนึ่งประโยค แล้วพวกเจ้าร้องตามหนึ่งประโยค” หนานหนานมั่นใจในเสียงของตัวเองมาก โดยเฉพาะตอนนี้มีผู้ชมมากขนาดนั้น เขาจะไม่อวดให้ทุกคนได้เห็นสักหน่อยได้อย่างไรกัน?
เพลงยอมจำนนเป็นเพลงที่ท่านแม่สอนให้เขาร้อง แม้เขาจะจำได้แค่ประโยคเดียว แต่ก็เพียงพอแล้ว
“ข้าขอยอมจำนนต่อท่าน…ร้อง”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหันสบตากัน ใบหน้าของพวกนางทั้งคู่แดงผิดปกติ อับอายจนเกือบจะมุดธรณีหนี ภายในใจก็ยิ่งเกลียดหนานหนานเข้ากระดูกดำ
ทว่าเมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเย่หลานผิงที่กำลังมองพวกนางจากที่สูง ทั้งสองจึงเนื้อตัวสั่นเทา อ้าปาก เปล่งเสียงแผ่วเบาว่า “ข้าขอยอมจำนนต่อท่าน”
“ข้าไม่ได้ยิน” เย่หลานผิงคิดว่าวิธีการลงโทษของเด็กคนนี้น่าสนใจมาก เขาจึงเกิดความเบิกบานใจไปด้วย
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวจนปัญญา จึงได้แต่ปิดตา ร้องออกมาเสียงดัง
หนานหนานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ ร้องแบบนี้ยี่สิบรอบก็แล้วกัน”
หนานหนานรู้สึกสบายใจแล้ว ใบหน้าจึงบานเป็นกระด้ง
ทุกคนที่อยู่ทางนี้มองดูอย่างสนุกสนาน ต่างก็คิดว่าสองแม่ลูกคู่นี้สมควรแล้ว เด็กผู้ชายคนนั้นไม่ได้กลั่นแกล้งด้วยการบอกให้ผิงซื่อจื่อจับพวกนางไปขังก็นับว่าไม่เลวแล้ว
เพียงแต่ มีสายตาที่เย็นชาคู่หนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกล หลังจากออกมาจากโรงหมอซิ่งเซิง ก็เอาแต่จ้องมองมาทางนี้ตลอด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงสะบัดหน้าหมุนกายเดินออกไป
เหอะ ตระกูลของอวี้ชิงลั่วก็มาตะเภาเดียวกันกับนาง โชคดีที่สตรีผู้นั้นตายไปเมื่อหกปีก่อนแล้ว มิเช่นนั้นในวันนี้ตระกูลอวี๋ของพวกเขาคงได้โชคร้ายไปด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นอกจากไร้ยางอายแล้วยังเจ้าเล่ห์อีกนะเจ้าเด็ก ได้เงินก้อนใหญ่ไปฟรี ๆ เลย
อย่าเพิ่งได้ใจไปอวี๋กระจั๊วหลิน ชิงลั่วแค่เปลี่ยนวิญญาณใหม่
ไหหม่า(海馬)