อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 991 เป่าเอ๋อร์ถูกลอบเคลื่อนย้าย
ตอนที่ 991 เป่าเอ๋อร์ถูกลอบเคลื่อนย้าย
ตอนที่ 991 เป่าเอ๋อร์ถูกลอบเคลื่อนย้าย
หนานหนานผงะไปครู่หนึ่ง แล้วมองชายแปลกหน้าด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
คนผู้นั้นน่าจะมาจากวังหลวงไม่ใช่หรือ ดูจากท่าทางแล้ว… ดูกระตุ้งกระติ้งชัดเจน
ท่าทางเหมือนขันทีในวังเลย หนานหนานคิด
ขณะคิดเรื่องนี้ เสิ่นอิงก็คุยกับคนผู้นั้นเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็หันหลังเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เมื่อเขาเห็นหนานหนานก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยืนนิ่งพร้อมมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก
“หนาน หนานหนาน เจ้าฟื้นแล้วหรือ?” เสิ่นอิงเข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าหนานหนาน แล้วแตะศีรษะของเขา “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเวียนหัวอยู่หรือไม่? มีอาการไม่สบายอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
หนานหนานส่ายหน้า “ท่านลุงเสิ่น คนเมื่อสักครู่นี้เป็นใครหรือขอรับ? ข้าไม่คิดว่าจะเคยเจอเขามาก่อน”
หัวใจของเสิ่นอิงเต้นไม่เป็นจังหวะ พลางหัวเราะแห้ง ๆ “ไม่ ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ เจ้าเพิ่งฟื้น ร่างกายจึงยังไม่ฟื้นตัว ควรกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ ดูหน้าของเจ้าสิ โทรมหมดแล้ว”
หนานหนานขมวดคิ้ว และยังต้องการถามอะไรบางอย่างต่อ แต่เขาก็เห็นเผิงอิงเดินเข้ามาจากระยะไกล
เผิงอิงมองหนานหนานแล้วขมวดคิ้ว “หนานหนาน สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยดีนัก ข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ เมื่อสักครู่นี้เจ้าเป็นลมหมดสติไป ทำให้พวกเราทุกคนตกใจหมด”
เสิ่นอิงมองเผิงอิงแล้วกะพริบตา ซึ่งหนานหนานเห็นชัดว่าเขากำลังขยิบตาให้เผิงอิง พวกเขาสองคนต้องมีบางอย่างปกปิดเขาอยู่แน่
หนานหนานคิดดังนั้นแล้วก็หัวเราะทันที “อืม ข้ารู้สึกปวดหัวและวิงเวียนเล็กน้อยด้วย เช่นนั้นข้าจะกลับไปพักผ่อนขอรับ”
“ดีมาก” เสิ่นอิงหัวเราะ เมื่อมองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปแล้ว ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจ
เผิงอิงหันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น เมื่อสักครู่นี้สีหน้าเจ้าดูเคร่งเครียดมาก มีอะไรเกิดขึ้นหรือ?”
เสิ่นอิงพยักหน้า และรีบดึงเขาไปด้านข้าง “ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า มากับข้าเถอะ”
ทั้งสองรีบเดินไปยังป่าเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล
หนานหนานหยุดชะงักเมื่อไปถึงทางเดิน ทันทีที่เขาแตะเท้า เขาก็มาถึงตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ทันที
เมื่อมองเห็นแผ่นหลังของเสิ่นอิงและเผิงอิงจากระยะไกล เขาก็เม้มปากแน่นและแอบเดินตามไปเงียบ ๆ
เสิ่นอิงดูกังวลมาก ทำให้เขาไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังเลย
เมื่อไปถึงที่ที่ไม่มีใครอยู่ เขาก็ปล่อยมือ ปาดเหงื่อที่ใบหน้า แล้วพูดละล่ำละลักว่า “แย่แล้ว เมื่อสักครู่นี้มีคนในวังมารายงานว่ามีความเคลื่อนไหวในตำหนักจิ่นหวาของคังเฟย”
เผิงอิงกะพริบตาอย่างสับสน “มีความเคลื่อนไหวในตำหนักของคังเฟย แล้วเจ้ากระสับกระส่ายเพราะอะไร?”
“โอ้ เจ้ายังไม่รู้สินะ ตอนที่หนานหนานกลับมา ข้าไปที่ตำหนักของแม่นางอวี้ ข้าได้ยินหนานหนานบอกแม่นางอวี้ว่า เป่าเอ๋อร์ถูกขังอยู่ในตำหนักของคังเฟย”
เผิงอิงตกตะลึง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่หนานหนานเป็นลมไป จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้?”
“นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ… แม่นางอวี้พาแม่นางซวนและคนอื่น ๆ ไปช่วยเป่าเอ๋อร์” เสิ่นอิงขัดจังหวะเขา แล้วพูดอย่างกระวนกระวาย “แต่เมื่อครู่นี้ขันทีในวังมารายงานว่า เขาจับตาดูความเคลื่อนไหวในตำหนักคังเฟยตามคำสั่งของเหมียวกงกง และเห็นว่าเมื่อครู่นี้คังเฟยสั่งให้คนแบกกล่องเหล็กออกมาใส่เกวียนออกจากวังไปแล้ว”
เผิงอิงอ้าปากค้างทันที “ดังนั้นแม่นางอวี้และคนอื่น ๆ… ก็ไปโดยไร้ประโยชน์ เพราะเป่าเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในวังแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“ไปกันเถิด รีบไปบอกแม่นางอวี้และคนอื่น ๆ”
“มันสายเกินไปแล้ว” เสิ่นอิงรีบคว้าร่างของเผิงอิงที่หันหลังเตรียมจากไป ก่อนส่ายหัวและพูดว่า “เมื่อครู่ข้าถามขันทีคนนั้นแล้ว และขันทีคนนั้นคงจะมาหาแม่นางอวี้ แต่ก็ไม่ได้เจอ หากพวกเราไปที่วังเพื่อรายงานตอนนี้ กว่าแม่นางอวี้จะออกมา ข้าเกรงว่าเป่าเอ๋อร์จะหายตัวไปนานแล้ว”
“แล้วเจ้าหมายความว่า…”
เสิ่นอิงสูดหายใจเข้าลึก สายตาของเขาจริงจังขึ้น “ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ที่นี่ ส่วนแม่นางอวี้และพรรคพวกของนางก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน ดังนั้นจึงมีแต่พวกเราเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้”
ใบหน้าของเผิงอิงเริ่มจริงจัง เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าช้า ๆ “เจ้าพูดถูก เราไม่มีเวลาไปบอกท่านอ๋องและแม่นางอวี้ให้ทันเวลา ถ้าเราไม่รีบไปช่วย ก็จะไม่รู้ว่าเป่าเอ๋อร์จะถูกพาตัวไปที่ใด และจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เอาล่ะ พวกเรารีบไปกันเถิด แล้ว… จะบอกเรื่องนี้กับหนานหนานหรือไม่?”
“อย่าทำอย่างนั้น” หัวใจของเสิ่นอิงเต้นแรงขึ้น เขารีบอธิบายว่า “หนานหนานเพิ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเรื่องเป่าเอ๋อร์ เขาเพิ่งฟื้นขึ้นมา จึงไม่อาจทนต่อการกระตุ้นได้อีกต่อไป มีแค่พวกเราสองคนก็พอแล้ว รีบไปกันเถิด”
“ตกลง” เผิงอิงพยักหน้า ทั้งสองตัดสินใจอย่างรวดเร็วและรีบออกจากป่า
แต่เมื่อพวกเขาเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ร่างเล็กก็มายืนจังก้าขวางหน้าพวกเขา
เสิ่นอิงและเผิงอิงอ้าปากค้างพร้อมกัน ก่อนจะมองหน้ากันขณะอุทานว่า ‘เฮ้ย’ อยู่ในใจ และคิดกับตัวเองว่า ‘มันจบแล้ว’
“แหะ แหะๆ หนานหนาน เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” เผิงอิงทักทายด้วยรอยยิ้มแห้ง “เจ้าไม่ได้บอกว่าจะไปพักผ่อนหรอกหรือ?”
หนานหนานเงยหน้าขึ้นทันใด ดวงตาของเขาแดงก่ำ ขณะจ้องมองเสิ่นอิงอย่างแน่วแน่ “ข้าจะไปด้วย”
“หนานหนาน เจ้า…”
“ข้าจะไป ท่านลุงเสิ่น ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล่องเหล็กที่ขังท่านน้าเป่าเอ๋อร์ไว้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร หากท่านเผลอไปแตะมั่วเข้าละก็ ท่านน้าเป่าเอ๋อร์อาจจะ…” หนานหนานกัดฟันแน่น
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ เสิ่นอิงก็รู้สึกสะเทือนใจมาก เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะตาย ในที่สุดก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาจับมือหนานหนานแล้วพูดว่า “ก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น แต่เจ้าต้องเชื่อฟังลุงเสิ่นตลอดทาง และไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“ตกลงขอรับ”
“เสิ่นอิง!!” เผิงอิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเห็นด้วย
“ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปกันเถิด” เสิ่นอิงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และเริ่มเดินไปข้างหน้า พวกเขารู้จักนิสัยของหนานหนานเป็นอย่างดี ต่อให้พวกเขาจะปฏิเสธ แต่หนานหนานก็ยังจะไป แม้ว่าเขาจะพยายามห้ามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม และพวกเขาไม่มีเวลาเกลี้ยกล่อมหนานหนานอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ในเมื่อเป็นความปรารถนาของหนานหนาน เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเลย “ฝีมือหนานหนานไม่ได้อ่อนด้อย บางทีเขาอาจมีบทบาทสำคัญ”
“ถ้าอย่างนั้น… ก็ได้” ในที่สุดเผิงอิงก็ยอมประนีประนอม เขายอมรับว่าแม้ว่าหนานหนานจะอายุน้อย แต่ทักษะของเขาไม่ได้อ่อนด้อยเลย
ความสามารถของเขานั้น ต่อให้เป็นหนึ่งต่อร้อยก็ชนะได้
เสิ่นอิงก้มลงอุ้มหนานหนาน แล้วเดินออกจากประตูตำหนักท่านอ๋องซิว
มีรถม้าจอดอยู่ข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ม่านรถม้าก็ถูกเปิดออก
หนานหนานมองดู และพบว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้าคือขันทีที่เพิ่งคุยกับเสิ่นอิง
ขันทีตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหนานหนาน
แต่เสิ่นอิงวางหนานหนานไว้ในรถม้าแล้ว และกระซิบว่า “นั่งลงให้ดี หากรู้สึกอึดอัด ก็ให้นอนลงสักพัก ประเดี๋ยวม้าจะวิ่งเร็ว และทางอาจจะเป็นหลุมเป็นบ่อมาก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าสบายดี” หนานหนานเม้มปากสีซีด แล้วยิ้มให้เขา
เสิ่นอิงยังคงกังวล แต่ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก เขาและเผิงอิงกระโดดขึ้นไปบนรถม้า
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะตามไปช่วยน้าเป่าเอ๋อร์ทันไหมนะ
ไหหม่า(海馬)