อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 992 เขาเป็นไส้ศึกหรือ
ตอนที่ 992 เขาเป็นไส้ศึกหรือ?
ตอนที่ 992 เขาเป็นไส้ศึกหรือ?
รถม้าคันไม่ใหญ่ แต่ม้าวิ่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อขันทีที่นั่งอยู่ในรถม้าเห็นว่าหนานหนานมาด้วย เขาก็ทำได้เพียงอธิบาย “เดิมทีเหมียวกงกงสั่งให้มาบอกเรื่องนี้แก่แม่นางอวี้ แต่แม่นางอวี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ กระหม่อมจึงทำได้เพียงบอกกับท่านเสิ่น เหมียวกงกงส่งคนไปแอบติดตามรถม้าของคังเฟย แล้วทำเครื่องหมายไว้ตลอดทาง กระหม่อมผู้ต่ำต้อยเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะช่วยบอกทางให้เสี่ยวซื่อจื่อได้พ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนั้นเองหนานหนานจึงเข้าใจว่า เหตุใดขันทีที่ไม่มีทักษะเช่นเขาจึงต้องการเดินทางไปกับพวกเขาด้วย
เป็นเช่นนี้เอง ขันทีคนนี้เป็นคนที่รู้เส้นทาง
รถม้าแล่นออกไปจนสุดเขตชานเมือง หนานหนานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย มือเล็ก ๆ ของเขากำแน่น เขากลัวว่าจะตามรถม้าของคังเฟยไม่ทัน และไปช่วยอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่ทันเวลา
นัยน์ตาของเขาแดงเล็กน้อย ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ถูกขังอยู่ในกล่องเหล็กนั้น ซึ่งเขาจะเจ็บมากถ้ากล่องได้รับการกระทบกระเทือน ไม่รู้ว่าเขาจะเจ็บปวดเพียงใด เมื่ออยู่บนรถม้าที่สะเทือนไปมา
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของเขา ขันทีที่อยู่ด้านข้างจึงรีบปลอบโยนเขา “ซื่อจื่อน้อยโปรดอย่ากังวลไปเลย พวกเราต้องตามทันแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
หนานหนานพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเอียงศีรษะพิงหน้าต่างรถม้า
ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันที และเริ่มกระสับกระส่าย
ดูเหมือนว่า… ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ใช่ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ
หนานหนานนั่งตัวตรงและพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ทันใดนั้นเอง เสียงอึกทึกก็มาจากข้างนอก ดูเหมือนจะเป็นเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง
“ท่าไม่ดีแล้ว มีคนไล่ตามมา” เสียงเย็นชาของเสิ่นอิงลอยแหวกม่านรถม้าเข้าหูของหนานหนาน
เขาเปิดม่านรถม้าในทันใด ก่อนที่เขาจะทันได้ส่งเสียง เขาก็ถูกเสิ่นอิงผลักกลับเข้าไป
“เผิงอิง เจ้าพาหนานหนานไปก่อน ข้าจะไปสกัดกั้นคนที่ไล่ตามมา”
“เสิ่นอิง เจ้าอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ” เผิงอิงไม่เห็นด้วย “จุดประสงค์หลักของเราตอนนี้คือการตามรถม้าของคังเฟย ไม่เหมาะที่จะไปต่อสู้กับคนที่ไล่ตามมา”
“ข้ารู้ แต่หากคนที่ไล่ตามมาเหล่านี้เข้าร่วมกับคนของคังเฟย เราก็จะช่วยคนได้ลำบากกว่าเดิม พูดสั้น ๆ ก็คือเจ้าพาหนานหนานหนีไปก่อน ข้าจะจัดการพวกมันให้เสร็จ แล้วจะตามไปให้ทัน” เมื่อเสิ่นอิงพูดจบ ดาบคู่กายของเขาก็ถูกชักออกจากฝักส่งเสียงดัง ‘ชิ้ง’
หนานหนานเปิดม่านรถม้าอีกครั้ง “ท่านลุงเสิ่น ท่าน…”
“หนานหนานเชื่อฟังเผิงอิง อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง เข้าใจหรือไม่?”
ก่อนที่หนานหนานจะพูดอะไรออกมา เสิ่นอิงก็ยกยิ้มให้เขา แล้วกระโดดลงจากรถม้า
รถม้ายังคงส่งเสียงดัง และแล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หนานหนานรีบไปเปิดม่านอีกครั้ง แล้วมองไปข้างหลัง
เสิ่นอิงกำลังต่อสู้กับคนที่ไล่ตามมา คนที่ตามมามีจำนวนไม่น้อยเลย เขาจึงตกอยู่ในภาวะชุลมุนทันที
“หนานหนานนั่งลง ไป” เผิงอิงกัดฟัน และทำได้เพียงตบก้นม้าอย่างแรง รถม้าจึงสะเทือนรุนแรง ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น
ร่างของหนานหนานสะเทือนอย่างแรง จนกลิ้งเข้าไปในรถม้า ขันทีที่อยู่ด้านข้างรีบพยุงเขา “ซื่อจื่อน้อย เป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่ ไม่เป็นไร.”
เผิงอิงที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงจากในรถ จึงรีบถามอย่างกระวนกระวายว่า “หนานหนาน ถูกกระแทกหรือ?”
“ข้าสบายดี”
“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ลุงเสิ่นของเจ้าฝีมือยอดเยี่ยมมาก เขาจะไม่เป็นอะไร ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับเราคือต้องช่วยเป่าเอ๋อร์ให้ได้”
“อืม”
หนานหนานสูดหายใจเข้าลึก ๆ และทำได้เพียงระงับความไม่สบายใจ และความกังวลในใจเอาไว้ ใจของเขาเฝ้าภาวนาขอให้เป่าเอ๋อร์ปลอดภัย
เขาหลับตาลง มือเล็กจิกเบาะรองนั่งบนรถม้าไว้ และหายใจเข้าลึก ๆ
ความเร็วของรถม้าเร็วขึ้นไปอีก หากเขาไม่จับขอบรถม้าไว้ ก็เกรงว่าอาจจะปลิวออกไปแล้ว
หนานหนานกัดริมฝีปากล่างด้วยสีหน้ากังวล
ทันใดนั้น รถม้าก็ส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ แปลก ๆ หนานหนานชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบลืมตาขึ้น
วินาทีต่อมา รถม้าก็หยุดกะทันหัน แล้วเสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นข้างหูเขา
รูม่านตาของหนานหนานหดตัว เป็นไปได้หรือไม่ว่า…โดนไล่ตามทันแล้ว?
เขารีบไปเปิดม่านรถม้าขึ้น ก่อนจะก้มมองไปยังเพลารถม้า และเห็นว่าไม่ไกลจากด้านหน้ารถม้า เผิงอิงกำลังถือดาบต่อสู้กับร่างที่เขาค่อนข้างคุ้นเคย
หนานหนานขมวดคิ้ว มือเล็กของเขากำเข้าหากันแน่น ก่อนจะดึงมีดสั้นในรองเท้าออกมา และกำลังจะพุ่งตัวออกไปช่วย
คาดไม่ถึงเลยว่าขณะที่เขาเพียงแค่เอนตัวไปข้างหน้า เขาก็ถูกใครคนหนึ่งสวมกอดไว้แน่น
หนานหนานต้องการขัดขืนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่รู้ว่ามีเข็มเงินสองสามเล่มปรากฏขึ้นที่ง่ามนิ้วของตนตั้งแต่เมื่อใด ขณะกำลังจะแทงผู้มาเยือน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านบน “ข้าเอง”
หนานหนานผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลดมือลง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เขามองคนตรงหน้าเขาด้วยความไม่เชื่อ แล้วตะโกนด้วยความตกใจ “ท่านน้าจิน?
จินหลิวหลีชำเลืองมองเขาด้วยรอยยิ้ม วินาทีต่อมา นางก็หรี่ตาเหยียดฝ่ามือออกไปอย่างเฉียบขาด โดยเล็งไปที่ด้านหลังของหนานหนาน…
“อั้ก…” มีเสียงร้องด้วยเจ็บปวดดังขึ้น เมื่อหนานหนานหันไปมอง ก็เห็นว่าขันทีที่อยู่ในรถม้ากับเขาถูกจินหลิวหลีใช้ฝ่ามือซัดจนลงไปนอนกับพื้น ร่างของเขากระตุกขณะดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะสิ้นใจตายตรงจุดนั้น
“ท่านน้าจิน ท่าน…” หนานหนานตกตะลึง
จินหลิวหลีถอนหายใจเบา ๆ แล้วลูบศีรษะของเขา “นั่นไม่ใช่คนดี เจ้าไม่ต้องกังวล”
หนานหนานเชื่อคำพูดของจินหลิวหลีเสมอ ถ้าท่านน้าจินบอกว่าไม่ใช่คนดี เขาก็ต้องไม่ใช่คนดี
วินาทีต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังต่อสู้กับเผิงอิง
เขาหรี่ตาลง และเอียงคอมองอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว และดึงแขนเสื้อของจินหลิวหลีอย่างกระตือรือร้น “ท่านน้าจิน ท่านน้าจิน เหตุใดท่านอาแปดถึงต่อสู้กับท่านลุงเผิงเล่าขอรับ? ท่านต้องรีบบอกให้พวกเขาหยุด! พวกเราต้องไปช่วยท่านน้าเป่าเอ๋อร์นะขอรับ”
แต่จินหลิวหลีกลับกอดเขาที่กำลังโน้มตัวไปข้างหน้า แล้วพูดเย้ยหยัน “ท่านลุงเผิงอะไรกัน นั่นคือไส้ศึกที่หว่านเฟยส่งมาไว้ข้างพ่อของเจ้าต่างหาก”
“…ไส้ศึกหรือ?” หนานหนานตกตะลึง “ท่านลุงเผิงเนี่ยนะ?”
“ใช่ ตอนนี้เขากำลังช่วยเหมิงกุ้ยเฟยทำเรื่องต่าง ๆ ฮึ่ม เกรงว่าวันนี้เขาจะสมคบคิดกับขันทีคนนี้ เพียงเพื่อหลอกพาตัวเจ้าไปหาเหมิงกุ้ยเฟย” นางกล่าวจบก็หันไปมองหนานหนานด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้า เจ้าประมาทเกินไป”
หนานหนานส่ายหน้า รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อย
ท่านลุงเผิง ท่านลุงเผิงเป็นไส้ศึกหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? ความจริงแล้วท่าลุงเผิง… เป็นไส้ศึก
“ท่าน ท่านน้าจินรู้ได้อย่างไรว่า… เขาเป็นคนเลว?”
“ก่อนที่หว่านเฟยจะเสียชีวิต นางได้ทิ้งกลุ่มทหารเดนตายไว้ปกป้องเย่ฮ่าวหราน มีทหารเดนตายคนหนึ่งที่เป็นคนสนิทที่สุดของหว่านเฟยรู้เรื่องนี้ เขาจึงบอกเรา หลังจากที่เรารู้ว่าเผิงอิงเป็นคนเลว พวกเราก็รีบมาโดยไม่หยุดพัก”
ใบหน้าของหนานหนานมืดมน เขาคิดว่าองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ที่อยู่กับพ่อของเขามาหลายปี…จะเป็นไส้ศึกไปได้อย่างไร
“… น่าแปลก” หนานหนานมองไปยังคนสองคนที่กำลังต่อสู้กันพัลวันจากระยะไกล แล้วขมวดคิ้วทันใด
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สรุปแล้วใครเป็นไส้ศึกกันแน่ ข่าวจริงใช่ไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)