อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 1 มีคนในใจแล้ว
ตอนพิเศษ 1 มีคนในใจแล้ว
ตอนพิเศษ 1 มีคนในใจแล้ว
สิบสองปีต่อมา
วังหลวง อุทยานอวี้ฮวา
อวี้ชิงลั่วรับถ้วยชาที่นางข้าหลวงยื่นให้ จิบเบาๆ “อืม ฝีมือคนของท่านนั้นดีขึ้นทุกวัน ทุกครั้งที่ข้ามาที่นี่ การดื่มชาก็เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง”
สวีโหรวยิ้มออกมา “หากเจ้าชอบก็มาที่วังหลวงบ่อยๆ มาคุยเป็นเพื่อนข้าเป็นใช้ได้”
“ข้านึกว่าท่านจะบอกว่า ให้ข้าพาคนกลับไปได้เสียอีก”
“เช่นนั้นไม่ได้หรอก หากเจ้าพาตัวคนกลับไป ก็ยิ่งไม่ยอมเข้าวัง ข้าคงเหงาแทบตาย”
ตอนนี้เย่หลานเฉิงครองราชย์ด้วยตนเองแล้ว เมื่อตอนอายุสิบแปดปี ก็กลายเป็นฮ่องเต้คนใหม่ของอาณาจักรเฟิงชาง ส่วนสวีโหรวเองก็เป็นไทเฮาสูงสูดในวังหลวง
เดิมทีฮ่องเต้องค์เดิมนั้นก็มีสุขภาพดีขึ้นเกินคาด ภายใต้การติดตามอาการของอวี้ชิงลั่ว รวมไปถึงการไม่สนใจเรื่องการเมืองต่างๆ ทุกวันอยู่แต่ในวังอย่างสบายๆ บางครั้งก็จะพาฮองเฮาออกจากวังไปเดินเล่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จิตใจสงบเงียบ เล่นหมากรุกและชื่นชมดอกไม้ ทั้งยังถูกอวี้ชิงลั่วขอให้ออกกำลังกายบ้าง ตอนนี้ดูแล้วสุขภาพดีเสียยิ่งกว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมาเสียอีก
หลังจากมอบอาณาจักรเฟิงชางให้แก่หลานเฉิงแล้ว เขาก็เป็นไท่ซ่างหวงอย่างสงบ อาศัยอยู่ในมุมหนึ่งของวังหลวงผู้เดียว ไม่ต้องคอยไปทักทายเย่หลานเฉิงตอนเช้าทุกวัน เพียงใช้ชีวิตอย่างสงบและปลอดภัยของตนไปเท่านั้น
เพียงแต่เย่หลานเฉิงเป็นคนกตัญญู จะยอมเมินเฉยต่อกฎการทักทายยามเช้าได้อย่างไร
ไท่ซ่างหวงเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ก็ย้ายไปอยู่พระราชวังนอกเมืองหลวงเดือนกว่าด้วยความโมโห ทั้งยังขู่ว่าถ้าหากเขาทำเช่นนั้นอีก ต่อไปเขาก็จะไม่กลับเข้าวังอีกต่อไป เย่หลานเฉิงจึงได้ยอมเชื่อฟังอย่างจนปัญญา เพียงแต่สั่งให้คนในวังหลวงคอยรับใช้ให้ดีๆ ส่วนตนเองก็ไม่ไปรบกวนชีวิตอิสระของเขาอีก
ส่วนเรื่องการเมืองของอาณาจักรเฟิงชาง ด้วยความช่วยเหลือของเย่ซิวตู๋ เขาก็ยิ่งจัดการได้อย่างราบรื่นขึ้น
การสั่งสอนเย่หลานเฉิงของเย่ซิวตู๋ ต้องใช้ความพยายามยิ่งกว่ากับหนานหนานเสียอีก ปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็จะให้เย่หลานเฉิงตัดสินใจเอง ถึงแม้ในใจตนจะมีวิธีที่สะดวกและรวดเร็วกว่า แต่ขอเพียงวิธีของเย่หลานเฉิงนำไปใช้ได้ เขาก็ล้วนปล่อยให้เขาตัดสินใจ ถึงแม้จะเป็นทางที่อ้อมหน่อยก็ไม่เป็นไร
เย่หลานเฉิงเองก็พยายามอย่างหนัก ถึงแม้อายุเขาจะยังน้อย แต่วิธีการคิดกลับเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก นอกจากนี้หากในทุกๆ เรื่องที่เขาจัดการเป็นทางอ้อมและเสียกำลังคนและทรัพยากรไปอย่างสิ้นเปลือง หลังจากจบเรื่องแล้วเขาก็จะมาพิจารณาตนเอง เข้มงวดกับตนเองอย่างมาก
ดังนั้นแล้ว เขาก็ยิ่งมีความสามารถในการจัดการบ้านเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าก็เคยมีเหล่าขุนนางที่ไม่ถูกชะตาเพราะเขาอายุน้อย มักจะทำให้เขาต้องลำบากทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถึงขนาดมีขุนนางผู้หนึ่งพูดขวานผ่าซากบอกว่าตำแหน่งฮ่องเต้ของเขานั้นมีเย่ซิวตู๋ที่มอบให้
คำพูดดูถูกเช่นนี้กลับกล้าเอามากล่าวต่อหน้าฮ่องเต้ แต่คนมากมายกลับรู้สึกว่าเย่หลานเฉิงไม่กล้าจัดการขุนนางผู้นี้
อย่างไรขุนนางผู้นี้ก็เป็นคนฝั่งองค์ชาย ถือว่าเป็นคนของเย่ซิวตู๋ เย่ซิวตู๋เป็นผู้สำเร็จราชการ มีอำนาจยิ่งใหญ่ ต่อให้เย่หลานเฉิงเป็นฮ่องเต้ ก็ไม่สามารถจัดการคนของเขาก่อนที่จะครองราชย์ด้วยตนเองได้
แต่เย่หลานเฉิงก็ออกคำสั่งทันที ให้ขุนนางผู้นั้นไปดูแลเรื่องการคุมขัง ใช้ไม้แข็งจัดการส่งเขาไปไกลๆ
ทั้งฝ่ายราชสำนักและราษฎรส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันใด ผู้ที่เป็นขุนนางสนับสนุนเย่ซิวตู๋กลับยิ้มพลางพยักหน้า พึงพอใจกับวิธีจัดการของเย่หลานเฉิงอย่างมาก
จากนั้นทุกคนจึงได้เข้าใจ ฮ่องเต้น้อยผู้นี้ไม่มีผู้สนับสนุนเสียที่ไหน? ผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ขุนนางผู้เป็นที่ไว้วางใจและเก่งกาจมากที่สุดก็คือผู้สำเร็จราชการเย่ซิวตู๋นั่นเอง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเย่หลานเฉิงอีก บัลลังก์ของเขาก็มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่เย่หลานเฉิงขยันขันแข็งอยู่ในราชสำนัก ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น แต่ในวังหลังนั้น…
“ท่านรู้สึกเหงา ก็เป็นเพราะในวังหลวงนี้ไม่มีใครคอยคุยเป็นเพื่อนท่าน” อวี้ชิงลั่ววางถ้วยชาลง เงยหน้ามองออกไปนอกประตู ก็เห็นร่างสูงโปร่งสองร่างเดินเข้ามาจากด้านนอก ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา กล่าว “จะว่าไป หลานเฉิงเองก็ได้เวลาหาภรรยา และแต่งตั้งฮองเฮาแล้ว”
เย่หลานเฉิงอ้างเหตุผลว่าตนต้องจัดการราชสำนัก บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเลือกผู้ใดเข้าวังเพื่อแต่งตั้งเป็นฮองเฮามาโดยตลอด
เรื่องนี้ไม่รู้ว่าขุนนางในราชสำนักเสนอมากี่ครั้งแล้ว ถึงขนาดมีการร่วมลงนามยื่นคำร้อง
แต่เย่หลานเฉิงก็เมินเฉยมาโดยตลอด มองดูครู่เดียวก็วางทิ้งไว้ แม้แต่เย่ซิวตู๋ที่มีฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการก็แสดงออกราวกับว่าสนับสนุนเขาอย่างมาก ไม่เคยพูดออกมาเลยสักคำว่าจะให้เขาแต่งตั้ง ถึงขนาดยังบอกว่าเรื่องส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ ให้ไทเฮาเป็นผู้ตัดสินใจจะดีที่สุด
แต่สวีโหรวที่เป็นไทเฮานั้นเป็นเหยื่อในเรื่องความรัก ชั่วชีวิตก่อนหน้านี้ของนางก็สูญเสียไปกับอดีตองค์รัชทายาท นางจะมีใจขอให้หลานเฉิงแต่งงานกับหญิงที่ไม่มีความรู้สึกให้แม้แต่นิดได้อย่างไร
อีกอย่างความจริงแล้วนางก็อิจฉาความสัมพันธ์ของเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วอย่างมาก สิบปีราวกับหนึ่งวัน ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
ความรักอย่างดูดดื่มที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ทำให้นางเองก็หวังว่าบุตรชายของตนเองจะมีความรู้สึกที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงบ้างเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ ความรู้สึกเช่นนี้แทบจะถือเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย แต่นางเองก็ไม่เต็มใจจะไปบังคับบุตรชายตน
และด้วยเหตุนี้ ในวังหลังนั้น นอกจากไท่ซ่างหวงและเหล่าสนมของเขา ผู้ที่เป็นเจ้านายก็มีแต่นางเพียงคนเดียว
ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วนางก็จะให้อวี้ชิงลั่วเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อน หรือบางครั้งก็จะปลอมตัวออกจากวังผู้เดียว เพื่อไปหานางหรือพระชายาสามและคนอื่นๆ เพื่อออกไปเที่ยวเล่นกัน
แต่ตอนนี้หลานเฉิงเองก็อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ได้เวลาหาภรรยาแล้ว
“จะว่าไปก็จริง เขาไม่ออกจากวังเลย และไม่รู้จักหญิงสาวที่ไหน นี่ช่าง…”
“เสด็จแม่” เย่หลานเฉิงที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงพูดคุยของทั้งสองคน ไม่กล่าวอันใดก็ยกเท้าเดินเข้ามาทันที สีหน้าฉายแววกระอักกระอ่วน “เสด็จแม่ เหตุใดพวกท่านเองก็พูดเรื่องนี้ด้วยเล่า?”
หนานหนานที่เดินตามเข้ามา มองสองสามคนในตำหนักแวบหนึ่ง จากนั้นก็โบกมือแล้วให้คนรับใช้ที่คอยรับใช้ออกไปให้หมด
จากนั้นก็เดินหน้ามาทักทายอวี้ชิงลั่วและสวีโหรว
อวี้ชิงลั่วมองเขาแวบหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้ม “หนานหนาน เจ้านี่นานวันไปก็ยิ่งสุภาพขึ้นจริงๆ แล้วหรือ?” นิสัยของเขายิ่งนานวันยิ่งไม่ชวนให้คนชื่นชอบแล้ว อยู่ที่อวี้เฟิงถังนานๆ นิสัยก็ยิ่งเหมือนเย่ซิวตู๋ขึ้นทุกวัน มักจะปั้นสีหน้าเย็นชา ไม่ได้น่ารักกินเก่งเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว
หนานหนานกระตุกมุมปาก “ท่านแม่ พวกท่านคุยอะไรกันอยู่หรือ?”
“กำลังคุยเรื่องการแต่งงานของหลานเฉิงน่ะ” สวีโหรวตอบ มองร่างสูงใหญ่ดูดีที่คล้ายคลึงกันของทั้งสองคน สีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ
หนานหนานมองกลับไปที่เย่หลานเฉิงอีกครั้ง อีกฝ่ายหันหน้ามาจ้องมองเขาด้วยสายตาดุดัน
หนานหนานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เดินไปลูบศีรษะของเนี่ยนเนี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตั้งใจศึกษาใบพืชสีดำคล้ำโดยไม่สนใจใคร
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว หันหน้ากลับมามองเขาแวบหนึ่ง เรียกออกมา “พี่ใหญ่ พี่ฮ่องเต้”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจสองพี่น้องคู่นี้ เพียงแต่ขมวดคิ้วมองเย่หลานเฉิง เอ่ยถาม “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า… อะไรหรือ ขุนนางเหล่านั้นกล่าวเรื่องนั้นออกมาอีกแล้วหรือ?”
เย่หลานเฉิงไม่พอใจเล็กน้อย “ไม่เพียงแต่ขุนนางเหล่านั้นขอรับ วันนี้ท่านอาห้าเองก็กล่าวถึงแล้ว ท่านน้าชิง พวกท่านคงคุยกันมาแล้วกระมังขอรับ จึงได้พูดเรื่องนี้ในวันเดียวกัน”
สวีโหรวยิ้มออกมา “เช่นนั้นแล้ว เจ้าเองก็ควรหาคนมาดูแลเจ้าจริงๆ ในเมื่อท่านอาห้าของเจ้าเอ่ยออกมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ควรจัดการได้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จัดงานเลี้ยงในวัง ให้เหล่าคุณหนูที่ถึงวัยสมควรเหล่านั้นเข้ามา ถึงตอนนั้นเจ้าก็ลองพิจารณาเสียหน่อย”
“ข้า…”
“ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่ฮ่องเต้มีคนในใจอยู่แล้ว” เย่หลานเฉิงยังไม่ทันได้เอ่ยคัดค้าน เนี่ยนเนี่ยนที่อยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามาแล้วกล่าวเสียงต่ำประโยคหนึ่ง “เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลท่านรองเจ้ากรมหลาน แห่งกรมราชทัณฑ์เจ้าค่ะ”
ทุกคนในตำหนักตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เย่หลานเฉิงแทบจะหยุดหายใจ
ส่วนหนานหนานที่ยืนอยู่ด้านหลังเนี่ยนเนี่ยนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา จ้องมองไปทางเย่หลานเฉิงด้วยสายตาเฉียบคม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลังจากนี้คงเป็นเรื่องราวของรุ่นลูกแล้วสินะ
โอ้ ไปจีบกันตอนไหน ไวจริงๆ หลานเฉิง แม่นางคนนั้นเป็นคนตระกูลหลานที่อยู่เขากูซูหรือเปล่า เย้ย ผิดเรื่อง
ไหหม่า(海馬)