อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 101 มารผจญ
ตอนพิเศษ 101 มารผจญ
ตอนพิเศษ 101 มารผจญ
ทันทีที่มีคำพูดเช่นนั้นออกมา ทั่วบริเวณก็เกิดความโกลาหลขึ้น
หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ พวกนางไม่อาจหาคำพูดมาแก้ตัวได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงบน ขณะที่เหงื่อเย็นไหลทั่วกาย ริมฝีปากทั้งคู่สั่นระริก แต่ก็ไม่อาจพูดอะไรได้สักคำ
เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนก็โจมตีทั้งสองทันที
“ปรากฏว่าทุกอย่างเกิดจากพวกนางแอบสมคบคิดกัน หน้าตาพวกนางออกจะน่ารักน่าเอ็นดู คาดไม่ถึงเลยว่าจะเจ้าเล่ห์และร้ายกาจถึงเพียงนี้”
“ใช่ อย่างไรเสียพวกนางทุกคนก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ แต่กลับใส่ร้ายพี่สาวตัวเอง ด้วยการคิดกลอุบายสกปรกเช่นนั้นได้”
“จุ๊ๆๆ สองพี่น้องสกุลหลานกำลังวางแผนอะไรกันแน่? หลังจากทำลายชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลานได้แล้ว พวกนางคิดว่าตัวเองจะได้ดีงั้นหรือ?”
“เจ้าไม่ได้ยินที่สาวใช้คนนั้นพูดหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของพวกนางเอง แสดงให้เห็นว่าพวกนางใจแคบเพียงใด”
“ใช่แล้ว เหตุใดเด็กสาวจากครอบครัวที่ดี ถึงได้ถามหายาแบบนั้นจากคนอื่น? ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
ที่ใดมีสตรี ที่นั่นย่อมมีคำพูดกระแนะกระแหนเช่นนี้ไม่เคยขาด
ใบหน้าของหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวบูดบึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ซีดลง
ใช่แล้ว ยาปลุกกำหนัดนั้นพวกนางเป็นคนเตรียมเผื่อไว้เอง
แต่ไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ตัดความหวังสุดท้ายของพวกนาง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเบา ๆ เมื่อทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ตวาดด้วยความโกรธว่า “พวกเจ้าน่ารังเกียจนัก ปฏิบัติต่อพี่สาวของตัวเองแบบนี้ จะมีอะไรในโลกนี้ที่พวกเจ้าทำไม่ได้บ้าง? คราวที่แล้วพวกเจ้าก็ดูถูกลูกสาวของข้า ข้าอุตส่าห์ไม่เอาความเจ้าเพราะเห็นแก่หน้าของสุ่ยชิง แต่ตอนนี้มันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก พวกเจ้าวางแผนใส่ร้ายลูกชายของข้า พวกเจ้าช่างเก่งกาจกันเสียเหลือเกิน”
ดูถูกบุตรสาวของซิวหวางเฟยงั้นหรือ?
ทุกคนประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ไม่เพียงแต่บรรดาคุณหนูที่ไม่รู้เท่านั้น แต่หวางเฟยสามและคนอื่น ๆ ก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
เนี่ยนเนี่ยนเป็นสตรีที่ทุกคนรักมาโดยตลอด แม้แต่พวกนางก็ไม่เต็มใจที่จะตำหนินาง คาดไม่ถึงเลยว่าสองพี่น้องตระกูลหลานจะบังอาจถึงเพียงนั้นจริง ๆ
เย่หลานเวยเป็นคนแรกที่ยืนขึ้น แล้วมองไปที่เนี่ยนเนี่ยนในฝูงชน “พวกนางด่าเจ้าหรือ?”
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง วันนี้จวิ้นจู่น้อยตำหนักอ๋องซิวก็มาปรากฏตัวด้วย
ทุกคนมองตามสายตาของเย่หลานเวย จากนั้นก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังดูความสนุกอยู่ที่ด้านข้าง
ซูเหยา เหลียงอวี่จือและหยางซานอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง จะเป็นนางได้อย่างไร?
ซูเหยารู้สึกเสียใจอยู่ครู่หนึ่ง เหตุใดตอนนั้นถึงไม่นึกถึงสถานะของนาง? ในเวลานั้น เมื่อเห็นว่านางแต่งกายด้วยชุดธรรมดา และไม่ยอมตอบตามตรงว่านางมาจากจวนไหน ซูเหยาจึงคิดว่านางเป็นเพียงอนุจากจวนข้าหลวงเล็ก ๆ เท่านั้น นางจึงอายที่จะเปิดเผยตัวตน
กลับกลายเป็นว่านางคือจวิ้นจู่น้อยแห่งตำหนักอ๋องซิว
ซูเหยาอดไม่ได้ที่จะก้าวไปหา แต่ถูกเหลียงอวี่จือดึงตัวกลับมา
นางผงะก่อนจะหันกลับไปมอง
เหลียงอวี่จือเม้มริมฝีปาก ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกระซิบว่า “อย่าไปเลย ไม่จำเป็นไม่ใช่หรือ?”
แม้ว่าซูเหยาจะดูเป็นมิตรกับทุกคน แต่ในใจนางก็ยังคงแบ่งชนชั้นวรรณะอยู่ นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าใกล้ใครก็ตามที่มีสถานะสูงส่ง ตัวอย่างเช่น เมื่อนางรู้ว่าหลานสุ่ยชิงคือว่าที่ฮูหยินของตำหนักอ๋องซิว แม้ว่าในใจนางจะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ยังทักทายนางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เหลียงอวี่จือไม่ได้ทุ่มใจทั้งหมดให้ซูเหยา แม้ว่าจะสนิทกันแต่ก็จะไม่เทใจให้ทั้งหมด ครอบครัวของพวกนางทั้งสองมีความสัมพันธ์กันผ่านการแต่งงาน จึงต้องผูกพันกันไว้ นางจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซูเหยามาโดยตลอด และบางครั้งนางก็สามารถช่วยเตือนสติได้บ้าง
ซูเหยากัดริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะแสดงความกรุณา
เนี่ยนเนี่ยนเดินไปอยู่ข้างอวี้ชิงลั่วแล้ว หวางเฟยสามเห็นเช่นนั้นก็ถามว่า “เนี่ยนเนี่ยน นางดูถูกเจ้าจริงหรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองอวี้ชิงลั่วที่ไม่ได้เอ่ยคำใด หากท่านแม่จะจัดการพวกนางก็ไม่เป็นอะไร เหตุใดต้องลากนางออกมาด้วย? “ช่างเถิดเจ้าค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
นี่คือการยอมรับว่าสองพี่น้องจากตระกูลหลานดูถูกนางจริง ๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของหวางเฟยสามก็บึ้งตึงทันที ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น กระทั่งเป่าหวางเฟยและหวางเฟยหกก็จ้องมองหลานสุ่ยหยวนด้วยความโกรธ
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ พวกนางทุกคนเป็นลูกสาวจากตระกูลหลาน แล้วเหตุใดถึงมีความแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้? สุ่ยชิงฉลาดและสุภาพ แล้วพวกเจ้าล่ะ? เย่อหยิ่ง เลวทรามและไร้ยางอาย”
ทั้งกายของหลานสุ่ยหยวนสั่นสะท้าน ขณะนี้ทุกคนกำลังรุมประณามพวกนางอย่างหนัก นางอยากจะเป็นลม แต่มีใครบางคนเร็วกว่านาง
ดูเหมือนหลานสุ่ยเถียนจะทนแรงกดดันไม่ไหวแล้ว นางกลอกตาแล้วล้มลงกับพื้น
ทุกคนตกใจมาก จวิ้นจู่จิ่นซิ่วเห็นว่านี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เหล่าหวางเฟยต่างก็ร่วมประณามด้วย พลังนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก
ทุกคนต่างแสดงความเห็น ดูเหมือนว่าสองพี่น้องจะแสร้งทำตัวน่าสงสาร เพื่อให้ผู้คนรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ไร้ผล
นางจึงตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที “มีคนร้ายติดสินบนสาวใช้ให้เป็นสายลับ เพื่อแอบฟังการสนทนาของคนอื่น ซ้ำยังซื้อยาปลุกกำหนัด ตอนนี้เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป มันช่างน่าละอายจริง ๆ ท่านน้าสาม เวลานี้มีหลักฐานและได้ข้อสรุปแล้ว การวางแผนใส่ร้ายซื่อจื่อเป็นโทษร้ายแรง จึงควรรายงานเรื่องนี้ต่อฝ่าบาทเพคะ”
คราวนี้หลานสุ่ยหยวนถึงกับเป็นลม
ครั้งนี้นางกลัวจนสลบไปจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองทั้งสองที่ล้มลงบนพื้นด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม แล้วพูดกับเย่หลานเวยว่า “ให้คนพาพวกนางออกไปพักผ่อน เราจะพูดเรื่องนี้กันภายหลัง”
“ขอรับ” เย่หลานเวยโบกมือสั่งให้แม่นมที่อยู่ข้าง ๆ เขาช่วยกันแบกทั้งสองออกไป
หลังจากที่พวกนางถูกพาจากไปแล้ว ก็ยังคงมีการถกเถียงกันในหมู่ฝูงชน
บางคนพูดอย่างตรงไปตรงมา และอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงเล็กน้อย “สุดท้ายพวกนางก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยอนุ เทียบไม่ได้กับฮูหยินที่เข้มงวดอย่างหลานฮูหยิน ลูกสาวที่เติบโตมาด้วยกันจึงแตกต่างกันมาก”
คำพูดนี้ถูกใจทุกคน อวี้ชิงลั่วพอใจมาก แล้วมองหนานหนานพร้อมกับเลิกคิ้ว
หนานหนานแสร้งทำเป็นไม่รู้เห็นอะไรทั้งสิ้น แล้วจากไปพร้อมหลานสุ่ยชิงเงียบ ๆ
ในที่สุดงานเลี้ยงที่อยู่ได้ไม่นานก็เลิกราไป
ใช้เวลาไม่นาน เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักองค์ชายสามก็ลอยเข้าหูรองเจ้ากรมหลาน ประโยคที่ว่าถูกเลี้ยงดูมาโดยอนุ แทงเข้าไปในหูของเขาราวกับเข็ม
ตอนนี้รองเจ้ากรมหลานอยากจะบีบคอพี่น้องจินซื่อจริง ๆ เห็นหรือไม่ว่าพวกนางเลี้ยงดูลูกสาวมาเช่นไร? มันเป็นความอัปยศสำหรับเขายิ่งนัก
ช่างบังอาจยิ่งนัก บังอาจใส่ร้ายซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว
แล้ว แล้วยาปลุกกำหนัดล่ะ? คุณหนูที่ยังไม่ได้ออกเรือน ย่อมไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องสิ่งนั้น
สุดท้ายสุ่ยชิงก็เป็นพี่สาวของพวกนางเช่นกัน แม้ว่าพวกนางจะไม่นับว่านางเป็นญาติ แต่พวกนางไม่คิดถึงตระกูลหลานบ้างเลยหรือ? สองมารผจญจอมเห็นแก่ตัวพวกนี้
เมื่อไท่ฮูหยินรู้ข่าว นางก็ถลึงตาด้วยความโกรธ โดยเฉพาะเมื่อนางได้ยินว่า รองเจ้ากรมหลานถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าวัง นางก็เป็นลมหมดสติไปทันที
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โทษนี้ต้องชดใช้ยังไงล่ะเนี่ย ลบหลู่เบื้องสูงขนาดนี้ คิดเมนูอาหารที่อยากกินมาแล้วกันนะคะพี่น้องสุ่ยหยวนสุ่ยเถียนว่าอาหารมื้อสุดท้ายอยากกินอะไร
ไหหม่า(海馬)