อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 104 หญิงชั่ว
ตอนพิเศษ 104 หญิงชั่ว
ตอนพิเศษ 104 หญิงชั่ว
ทันใดนั้นหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้พวกนางกำลังโกรธจัด พวกนางแค่อยากมาหาไท่ฮูหยินเพื่อชี้แจงเหตุผล แต่เมื่อพวกนางมาถึงก็ถูกขวางไว้
สาวใช้ที่ขวางทางพวกนางเหล่านั้นมองด้วยสายตาเหยียดหยาม และแอบหยิกพวกนางหลายครั้งด้วย
พวกนางเป็นถึงคุณหนูของจวนหลาน แต่ทำตัวตกต่ำจนแม้แต่ทำร้ายสาวใช้ผู้ต่ำต้อย กล้าโจมตีพวกนางตั้งแต่เมื่อใด?
ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวและความอับอายในเวลานั้น พวกนางจึงไม่สนใจอะไรเลย รู้สึกแค่อยากจะฆ่าสาวใช้เหล่านั้น
เมื่อพวกนางวิ่งมาอยู่ตรงหน้าไท่ฮูหยิน พวกนางก็รีบขว้างก้อนหินและปิ่นปักผมทิ้งไป ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นดัง แล้วร้องไห้ขณะตะโกนว่า “ท่านย่า ท่านย่าช่วยพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าพวกนางไม่มีอาวุธในมืออีกต่อไป ไท่ฮูหยินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหันไปขยิบตาให้แม่นมซ่ง
แม่นมซ่งฉวยโอกาสทันทีที่พวกนางสองคนไม่สนใจ ด้วยการรีบไปเตะก้อนหินและปิ่นปักผมออกไปให้พ้นทาง
จากนั้นไท่ฮูหยินก็มองพวกนางด้วยสายตาเย็นชา “ช่วยพวกเจ้าหรือ พวกเจ้าก็สบายดี จะต้องให้ช่วยอะไร? ไม่ได้บอกว่าป่วยกันหรอกหรือ? ดูเหมือนจะหายดีแล้ว แล้วจะให้ย่าช่วยอะไรอีก?”
“ท่านย่า เราได้ยินมาว่าท่านสั่งให้แม่สื่อซูหาคู่ให้เราใช่หรือไม่? ท่านย่ารู้หรือไม่ว่าแม่สื่อซูคือใคร คนที่แม่สื่อซูหาให้เราต้องเป็นคนร้ายกาจเป็นแน่ ถ้าเราแต่งงานไป แล้วเราจะยังมีชีวิตที่ดีอยู่หรือเจ้าคะ? นั่นมันเป็นการผลักพวกเราเข้ากองไฟไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
ไท่ฮูหยินหรี่ตามองแม่นมซ่ง
สีหน้าของแม่นมซ่งจริงจัง นางเข้าใจแล้วว่าเรือนโยวหรานมีสายลับ
“มันจะเป็นเรื่องเลวร้ายได้อย่างไร? พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร ทำอย่างกับย่าจะผลักพวกเจ้าเข้ากองไฟ เจ้าต้องรู้ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของพวกเจ้าในเมืองหลวง ถูกทำลายจนป่นปี้ไปหมดแล้ว ย่ากำลังทำเพื่อประโยชน์ของพวกเจ้าเอง จึงต้องหาคนที่อยู่ไกลออกไปมาแต่งงานกับพวกเจ้า พวกเจ้าสองคนไม่ต้องห่วง ย่าจะไม่ทำร้ายเจ้า แม่สื่อซูคนนั้นก็เคยจัดหาคู่ดี ๆ มาตั้งมากมายแล้ว”
จัดหาคู่ดี ๆ มาตั้งมากมายงั้นหรือ? นั่นเป็นเพียงเรื่องหายากที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญต่างหาก
ใครก็ตามที่รู้เรื่องวงใน มีใครไม่รู้บ้างว่าแม่สื่อซูเป็นคนอย่างไร? ลูกชายและลูกสาวของตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อเสียงไม่ดีหลายคนจะมองหาแม่สื่อซู
หากการแต่งงานของทั้งสองตกอยู่ในกำมือของแม่สื่อซู แล้วมันจะดีได้อย่างไร?
“ท่านย่า เหตุใดท่านพูดเช่นนั้น” ทุกวันนี้พวกนางทั้งสองคับข้องใจมาก หัวใจของพวกนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นมานานแล้ว ตอนนี้ไท่ฮูหยินยังจะมาพูดประชดประชันในถ้อยคำที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยอีก ทำให้ทั้งสองรู้สึกหนาวเหน็บในใจ และอดไม่ได้ที่จะรีบพูดว่า “ท่านย่า ตอนแรกท่านมองหาแม่สื่อซู เพราะต้องการหาคนมาแต่งงานกับหลานสุ่ยชิงไม่ใช่หรือ? แต่ตอนนี้ท่านกลับนำวิธีนี้มาใช้กับพวกเรา เพราะท่านเห็นได้ชัดว่าหลานสุ่ยชิงกำลังจะมีอำนาจ ท่านจึงพยายามเอาอกเอาใจนาง”
ใบหน้าของไท่ฮูหยินเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำทันทีเพราะวาจาสามหาวเช่นนั้น ทำให้นางเกือบจะล้มลงด้วยความโกรธ
“เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย? ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูพวกเจ้า แล้วนี่คือวิธีตอบแทนข้างั้นหรือ? ข้าตามใจพวกเจ้ามาโดยตลอด แต่ก็ยังทำให้พวกเจ้ากลายเป็นคนร้ายกาจ พวกเจ้ายังเห็นข้าเป็นย่าอยู่หรือไม่? ทำอย่างไรถึงจะถูกใจ? ข้าเอาใจหลานสาวมาโดยตลอด แต่พวกเจ้ากลับไปทำลายชื่อเสียงของตัวเอง พอถึงตอนนี้ พวกเจ้ากลับโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับย่างั้นหรือ? ที่ข้าวางแผนให้พวกเจ้าก็นับว่าบุญแล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่ใช่หลานสาวของข้า ข้าก็คงไม่สนใจดูแลเรื่องการแต่งงานของพวกเจ้าหรอก ข้าคงไล่พวกเจ้าไปอยู่สำนักแม่ชีให้ขึ้นคานไปแล้ว เจ้าไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้อีก ถึงวันที่กำหนดเมื่อใด พวกเจ้าต้องแต่งงาน”
นางโกรธจัด ทันใดนั้นก็ตบโต๊ะน้ำชา
แต่ตอนนี้นางกำลังอ่อนแอ การตบนั้นจึงเบามากเพราะนางไม่มีแรงเลย ทำให้ไม่เกิดการสั่นสะเทือนแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หลานสุ่ยหยวนก็ยิ่งโกรธมากขึ้น “ท่านย่าดุเราหรือ? ท่านย่าใช้เราเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ท่านก็แค่ต้องการฟังคำพูดประจบสอพลอ เราสองพี่น้องเคยรับใช้ท่านมามากแล้ว ท่านแม่ก็ไม่เคยขัดคำสั่งท่าน ตอนที่ท่านอารมณ์ดีก็ปฏิบัติต่อเราเหมือนหลานรัก แต่ตอนนี้เราหมดอำนาจแล้ว ท่านกลับหันมาทำร้ายเราเพื่อเอาใจหลานสุ่ยชิง ขึ้นคานงั้นหรือ? ถ้าเราสองพี่น้องขึ้นคานจริง เกรงว่าท่านย่าเองนั่นแหละที่ต้องอับอายขายขี้หน้า”
“เจ้าหุบปาก หุบปาก” เส้นเลือดบนหน้าผากของไท่ฮูหยินเริ่มกระตุกอีกครั้ง ดวงตาของนางบวมแดง และดูเหมือนกำลังจะตกเตียง
หลานสุ่ยหยวนยังคงพูดต่อ เมื่อนางได้ฟังคำพูดของไท่ฮูหยินแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว ทำให้นางไม่มีแม้แต่ความเคารพแม้แต่น้อย นางจึงลุกขึ้นยืน “พวกเราพูดอะไรผิดไปหรือ? ท่านเป็นแค่หญิงแก่เคร่งศาสนาจอมเผด็จการ ใช้อำนาจรังแกข่มเหงคนอ่อนแอกว่า ใจคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่เคยคิดถึงใจคนอื่นบ้างเลย ท่านมันเป็นคนเห็นแก่ตัว”
รูม่านตาของไท่ฮูหยินหดลงทันที นางกำลังจะคว้าบางอย่างบนโต๊ะ หมายจะปาใส่หัวของทั้งสอง แต่ขณะที่นางยื่นมือออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง ‘ป๊อบ’ แล้วร่างของนางก็อ่อนระทวยจนล้มลงไปด้านข้าง
“หุบปาก!” ทันใดนั้นเสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดก็ดังมาจากนอกประตู
ทันทีหลังจากนั้น รองเจ้ากรมหลานก็รีบเข้ามา
ทันทีที่ม่านเปิดออก เขาก็เห็นแม่ของเขาที่หน้าซีดเผือดกำลังกระอักเลือด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก ขณะรีบวิ่งเข้าไปหา
“… นังเด็กบ้า นังเด็กบ้า นี่คือลูกสาวที่ดีของเจ้า ลูกสาวที่ดีของเจ้า” ไท่ฮูหยินพยายามกลั้นหายใจ พูดตะกุกตะกัก แต่ก็เห็นได้ว่านางโกรธสุดขีดแล้ว
ทันทีที่นางพูดจบก็หมดสติไป
รองเจ้ากรมหลานรีบสั่งให้แม่นมซ่งไปตามหมอด้วยความกังวลสุดขีด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ประคองไท่ฮูหยินให้นอนลงอย่างระมัดระวัง
เมื่อเขามองย้อนกลับไป สายตาของเขาก็เย็นชาจนแทบจะแช่แข็งคนที่ถูกจ้องมองได้
เขามองหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว ด้วยสายตาปานจะกินเลือดกินเนื้อ และไม่ลังเลที่จะก้าวเข้าไปถีบอกพวกนางทีละคนอย่างแรงจนแทบจะกระอักเลือด
“ลูกอกตัญญู เจ้าทำให้ตระกูลหลานของข้าต้องอับอายขายหน้า ข้าขอบอกไว้เลยว่าหากย่าของพวกเจ้าเป็นอะไรไป พวกเจ้าได้เจอดีแน่ ใครก็ได้มาลากพวกนางไปขังไว้ในโรงเก็บของที แล้วให้อดอาหารสองวัน”
ทันทีที่เขาพูดจบ องครักษ์ผู้เกรี้ยวกราดก็เข้ามา
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวไม่มีอาวุธที่ใช้โจมตีได้อีกต่อไป ทั้งยังมีเหล่าองครักษ์ในจวนหลานอยู่ด้วย หากพวกนางรอดไปได้ก็คงเป็นปาฏิหาริย์
คนหนึ่งกรีดร้อง อีกคนร้องขอความเมตตา แต่รองเจ้ากรมหลานรีบเดินกลับไปที่เตียงด้วยท่าทางกระวนกระวาย
ไม่นานหมอก็มาถึง หลังจากตรวจชีพจรของไท่ฮูหยินแล้ว สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่มาก
รองเจ้ากรมหลานกังวลมาก “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ใต้เท้าหลาน คราวก่อนข้าบอกแล้วว่าไท่ฮูหยินไม่อาจทนต่อการกระตุ้นได้อีกต่อไป จึงต้องดูแลนางให้ดี แต่ตอนนี้…”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของรองเจ้ากรมหลานก็เต้นไม่เป็นจังหวะ “ตอนนี้เป็นอย่างไร?”
“เฮ้อ…” หมอหายถอนใจแล้วพูดเสียงเบา “ไว้ค่อยคุยกันหลังจากไท่ฮูหยินตื่นเถิดขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จับขังสองวันน้อยไปมั้ง สักสามสี่วันน่าจะเห็นผลกว่านี้
ไหหม่า(海馬)