อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 105 จุดจบ
ตอนพิเศษ 105 จุดจบ
ตอนพิเศษ 105 จุดจบ
แม้ว่ารองเจ้ากรมหลานจะยังไม่ทันได้สืบสาวราวเรื่อง แต่จากสายตาของท่านหมอ เขาก็รับรู้ได้ว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายมาก
ชั่วขณะหนึ่ง เขากระวนกระวายมากจนได้แต่ยืนเม้มปากมองอยู่ข้างเตียง ก่อนจะถามแม่นมซ่งว่าเกิดอะไรขึ้น
แม่นมซ่งลำบากใจ แต่นางก็ยังเล่าเรื่องทั้งหมดโดยละเอียด
“… นายท่าน ไท่ฮูหยินก็หมดหนทางแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ คุณหนูรองและคุณหนูสามทำลายชื่อเสียงตัวเองจนป่นปี้หมด เหล่าขุนนางและเจ้าหน้าที่ในเมืองหลวงแห่งนี้ จึงไม่กล้ามาขอแต่งงาน แม้แต่พวกแม่สื่อก็ยังพยายามอยู่ให้ห่างจากจวนหลาน แต่อย่างไรเสีย ทั้งสองก็เป็นคุณหนูของจวนหลาน เป็นหลานสาวของไท่ฮูหยิน จึงไม่สามารถอยู่เป็นสาวแก่ขึ้นคานอยู่ในจวนตลอดชีวิตได้ ไท่ฮูหยินจึงต้องการให้ทั้งสองแต่งงานกับคนที่อยู่ไกลออกไป เพราะคนเหล่านั้นไม่รู้ว่าคุณหนูทั้งสองเคยทำอะไรลงไปบ้าง แม้แต่ในจวนหลานเอง ก็ต้องรักษาหน้าของจวนที่กำลังเป็นดองกับตำหนักอ๋องซิวด้วย มันเป็นการช่วยคุณหนูทั้งสอง แต่พวกนางกลับเข้าใจ แล้วก็…”
ยิ่งรองเจ้ากรมหลานฟังมากเท่าใด ใบหน้าของเขาก็ยิ่งบูดบึ้งมากขึ้นเท่านั้น คนที่เขาเคารพมากที่สุดในชีวิตคือไท่ฮูหยิน เขาเชื่อฟังไท่ฮูหยินมาตลอดชีวิต ไม่เช่นนั้นตอนที่หลานสุ่ยชิงเกิด แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในใจ แต่เขาก็ยังเก็บสองแม่ลูกไว้ในระยะที่อยู่ภายใต้อำนาจของไท่ฮูหยิน
ตอนนี้แม่ที่เลี้ยงดูเขามาตลอดชีวิตถูกพี่น้องจินซื่อทำให้โกรธจนกระอักเลือด และตอนนี้นางก็โกรธลูกสาวสองคนของพวกนางมากจนเป็นลม เมื่อเขาคิดเรื่องนี้ ก็รู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ลูกสาวสองคนของเขาเกิดมา
เลี้ยงดูลูกสาวที่ชั่วร้ายสองคนเช่นนี้ ทำให้จมน้ำตายไปตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า
ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้น เขากำหมัดแน่น หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ตบโต๊ะเสียงดัง ‘ปัง’
แม่นมซ่งตกใจ แล้วมองรองเจ้ากรมหลานอย่างระมัดระวัง
“ทำตามความประสงค์ของไท่ฮูหยิน บอกให้แม่สื่อซูจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ห้ามเปลี่ยนแปลง” ลูกสาวสองคนนั้นโง่เขลาเกินไป ไท่ฮูหยินพูดถูก หากให้พวกนางอยู่ในจวนหลานต่อไป ก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก
ยามนึกถึงตอนที่ฮ่องเต้เรียกตัวเขาไปเมื่อสองวันก่อน แล้วได้เห็นสีพระพักตร์เกรี้ยวกราดของฮ่องเต้ เหงื่อเย็นก็พลันผุดขึ้นทั่วกายเขา
ลูกสาวสองคนของเขาทำให้ตำหนักอ๋องซิวขุ่นเคืองมากกว่าหนึ่งครั้ง เขาไม่คิดว่าตำหนักอ๋องซิวจะทนต่อความโง่เขลาของพวกนางในครั้งต่อไปได้
ตอนนี้เขาเห็นว่าหากทั้งสองแต่งงานออกเรือนไป ก็จะเป็นประโยชน์ของจวนหลาน และยังเป็นประโยชน์ของทั้งคู่ด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่นมซ่งก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
ตกกลางคืน ไท่ฮูหยินตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย
แต่ว่า…
“โรคอัมพาตหรือ???” รองเจ้ากรมหลานผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที ขณะมองหมอที่กำลังส่ายหัวและถอนหายใจต่อหน้าเขา และเกือบจะล้มทั้งยืน
หมอพยักหน้า “ขอรับ”
ทันใดนั้นรองเจ้ากรมหลานก็หันไปมองไท่ฮูหยิน ตอนนี้ไท่ฮูหยินกำลังพยายามพูด แต่ไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใด นางก็ไม่อาจเปล่งคำใดออกมาได้แม้แต่คำเดียว มีเพียงน้ำลายไหลออกมาจากมุมของนางตลอดเวลา
นางส่งเสียงคร่ำครวญ สีหน้าเริ่มดุร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ
รองเจ้ากรมหลานเห็นเช่นนั้นก็เสียใจมาก เขารีบไปที่ข้างเตียง จับมือไท่ฮูหยินแล้วกลั้นสะอื้น “ท่านแม่… ทั้งหมดเป็นความผิดของลูกเองขอรับ ที่ลูกได้ให้กำเนิดมารผจญทั้งสองนั่น”
“อา… อา…” ดวงตาของไท่ฮูหยินเบิกกว้าง มุมปากบิดเบี้ยวเหมือนกำลังเจ็บปวดมาก
ยิ่งรองเจ้ากรมหลานมอง เขาก็ยิ่งทนไม่ได้ เขาจึงได้แต่ปลอบโยนนาง “ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลยขอรับ มารผจญทั้งสองนั้นจะไม่ปรากฏต่อหน้าท่านอีก หากท่านต้องการให้นางแต่งงานออกไป ลูกก็จะจับพวกนางแต่งงาน ประเดี๋ยวจะเรียกแม่สื่อซูมาอีกครั้งขอรับ”
ไท่ฮูหยินกะพริบตา อ้าปาก แล้วน้ำลายก็ไหลออกมาอีก
สีหน้าของรองเจ้ากรมหลานหดหู่ หลังจากบอกแม่นมซ่งให้ดูแลไท่ฮูหยินให้ดี เขาก็รีบวิ่งออกไป
ทันทีที่ออกมาแล้ว เขาก็เห็นอู๋ซื่อกับหลานสุ่ยชิงกำลังเดินมาทางเขา
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง หลานสุ่ยชิงทำความเคารพ แล้วบอกว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่กับข้าได้ยินว่าไท่ฮูหยินป่วย จึงมาดู…”
“เฮ้อ” รองเจ้ากรมหลานถอนหายใจ รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย “เจ้ามีน้ำใจ โชคดีที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ ลองเข้าไปดูข้างในเถิด แต่อย่าอยู่นานเกินไป ให้ไท่ฮูหยินได้พักผ่อน”
หลานสุ่ยชิงมองดวงตาแดงก่ำของเขา ดูเหมือนว่าคราวนี้ไท่ฮูหยินจะป่วยหนักมาก
นางกับอู๋ซื่อมองหน้ากัน จากนั้นเดินเข้าไปในเรือนโยวหราน
ตามที่คาดไว้ ไท่ฮูหยินขยับตัวไม่ได้อีกต่อไป ส่วนแม่นมซ่งกำลังยืนอยู่ข้างเตียง ภายในห้องเงียบสงัดจนน่าขนลุก
หลานสุ่ยชิงเดินเข้าไปหา และทันใดนั้นก็ได้กลิ่นเหม็น
แม่นมซ่งก็ได้กลิ่นเช่นกัน ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้และมองไท่ฮูหยินอีกครั้ง จึงเห็นว่าใบหน้าของนางแดงก่ำ และดูหงุดหงิดมาก จากนั้นก็ส่งเสียงร้อง “อ๊ากกก…” ออกมา
แม่นมซ่งเข้าใจว่านางคงจะอับอาย นางจึงรีบเชิญหลานสุ่ยชิงกับอู๋ซื่อออกไปก่อนด้วยเสียงที่นุ่มนวล จากนั้นจึงเปลี่ยนกางเกงและเครื่องนอนของไท่ฮูหยิน
ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร?
หลานสุ่ยชิงออกจากประตูเรือนด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ไท่ฮูหยินป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เป็นอัมพาตครึ่งซีก นางคาดไม่ถึงเลย
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวก็ช่างเก่งกาจนัก ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ พวกนางยังรนหาที่ตาย
นางลอบส่ายหน้า จากนั้นประคองอู๋ซื่อกลับไปที่เรือน
อู๋ซื่อสะเทือนใจมาก “คาดไม่ถึงเลย ไท่ฮูหยินแข็งแกร่งมาตลอดชีวิต แต่ตอนนี้นางโกรธแค้นหลานสาวคนโปรดของนางมาก พี่น้องจินซื่อ… เกรงว่าคงจะไม่รอดแน่”
“หืม?” หลานสุ่ยชิงงุนงง
อู๋ซื่อเพียงแค่ลูบหลังมือของนาง แล้วพูดด้วยเสียงเบา “พ่อของเจ้าเคารพไท่ฮูหยินมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ลงมือ”
นางกับเขาเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปีแล้ว อู๋ซื่อจึงรู้นิสัยเขาดี
แน่นอนว่าในคืนนั้น รองเจ้ากรมหลานไปเรือนที่พี่น้องจินซื่ออาศัยอยู่ จากนั้นก็มีเสียงด่าทอสาปแช่งดังมาจากข้างใน เพราะเมื่อพี่น้องจินซื่อได้ยินว่าการแต่งงานของลูกสาวของพวกนางตกไปอยู่ในกำมือของแม่สื่อซู พวกนางก็ไม่อาจทนได้ จึงได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญและสาปแช่ง ทำให้โทสะของรองเจ้ากรมหลานยิ่งเพิ่มทวีขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น…รองเจ้ากรมหลานก็ให้คนพาสองคนนั้น…ออกไป
ก่อนออกประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่าพวกนางป่วยหนัก และเสียชีวิตด้วยอาการป่วย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
เมื่อหลานสุ่ยชิงได้ยินข่าว นางก็รู้สึกสะเทือนใจจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
แม้ว่านางจะหวังไว้นานแล้วว่าพี่น้องจินซื่อจะต้องมีจุดจบไม่ดี แต่ตอนนี้พวกนางได้จากไปแล้วจริง ๆ นางจึงรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนั้น อู๋ซื่อก็ส่ายหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก วันแต่งงานถูกกำหนดไว้แล้ว เจ้ายังทุกข์ร้อนกับผลได้ผลเสียของตนอยู่อีก”
“ท่านแม่…” ซิวหวางเฟยมาจวนหลานเมื่อวันก่อน ส่วนไท่ฮูหยินก็กลายเป็นเช่นนั้นไปแล้ว ดังนั้นอู๋ซื่อจึงได้จัดการเรื่องการแต่งงานของนาง
แน่นอนว่าเวลาถูกกำหนดไว้ในวันที่สองของเดือนถัดไป เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งจวนจะเริ่มเตรียมการอย่างเต็มรูปแบบทันที
ช่วงนี้รองเจ้ากรมหลานประสบโชคร้ายมามากมาย เมื่อเขาได้ยินว่าตอนนี้การแต่งงานของหลานสุ่ยชิงมีข้อสรุปแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดเขาก็มีรอยยิ้มบนใบหน้า และจวนหลานก็มีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สุขภาพของอู๋ซื่อกลับมาแข็งแรงแล้ว และนางจะจัดการเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวด้วยตัวเอง
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กำจัดมะเร็งร้ายของบ้านออกไปได้เสียที ต้องรอให้ไท่ฮูหยินเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตก่อนเนาะถึงจะจัดการเรื่องในจวนตัวเองได้น่ะนายท่าน
ไหหม่า(海馬)