อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 106 ทายาทสืบสกุล
ตอนพิเศษ 106 ทายาทสืบสกุล
ตอนพิเศษ 106 ทายาทสืบสกุล
ไท่ฮูหยินขยับตัวไม่ได้แล้ว นางทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากพยายามจะพูดทุกวัน แต่นอกจากส่งเสียงคำรามในลำคอแล้ว นางก็ไม่อาจเปล่งเสียงอื่นออกมาได้
มีเพียงแม่นมซ่งเท่านั้นที่คอยดูแลรับใช้นางอย่างสุดหัวใจ ขณะที่คนอื่นให้ความเคารพเพียงเล็กน้อย และอยู่ให้ห่าง
ลูกสะใภ้อย่างอู๋ซื่อควรจะดูแลคนป่วย แต่นางมีสุขภาพไม่ค่อยดี และช่วงนี้นางก็ยุ่งกับการแต่งงานของหลานสุ่ยชิง รองเจ้ากรมหลานจึงไม่ได้ขอให้นางดูแลไท่ฮูหยิน
อีกทั้งไท่ฮูหยินก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อีกต่อไป จึงไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ทำให้ในห้องมีกลิ่นไม่พึงประสงค์อยู่ตลอดเวลา ตัวนางเองก็รู้สึกละอายใจ ซ้ำอู๋ซื่อยังเคยมีความแค้นเคืองกับนางด้วย แม้แต่รองเจ้ากรมหลาน นางก็ไม่อยากเจอเขา เมื่อใดก็ตามที่นางเห็นพวกเขา นางจะตื่นตระหนก อับอายและขุ่นเคืองมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ รองเจ้ากรมหลานก็ทำได้เพียงปล่อยให้แม่นมซ่ง และสาวใช้ในเรือนโยวหรานทำอย่างเต็มที่ ส่วนตัวเขากับฮูหยินและอนุอยู่ข้างนอกก็ได้แต่มาเยี่ยมอยู่ข้างนอก และไม่เคยเข้าไปอีกเลย
เมื่อเวลาผ่านไป เรือนโยวหรานก็ถูกทิ้งร้างให้วังเวง
ครึ่งเดือนก่อนงานแต่งงานของหลานสุ่ยชิง หน้าที่ของแม่สื่อซูได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ใช้เวลาเพียงสิบวันนับจากการหารือ จนถึงการกำหนดวันแต่งงาน รองเจ้ากรมหลานก็คร้านเกินกว่าจะดูแลลูกสาวสองคนนี้อีกต่อไป
ช่วงนี้หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวก็หาเรื่องทะเลาะวิวาทโดยไม่มีเหตุผล แต่สุดท้ายพวกนางก็ยังคงเป็นหญิงสองคนที่ไร้ซึ่งอำนาจ ทำให้ไม่มีใครสนับสนุนพวกนาง คนรับใช้ในบ้านต่างเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน จึงไม่กล้าติดต่อกับพวกนางอีกต่อไป
จินสยงลุงของทั้งสอง ล่าสุดเข้าไปพัวพันกับคดีลักลอบนำเข้าเกลือ เขาจึงยุ่งเกินกว่าจะดูแลตัวเองมานานแล้ว แล้วเขาจะสนใจเรื่องการแต่งงานของหลานสาวทั้งสองได้อย่างไร เขาไม่แม้แต่จะถามถึงการตายของน้องสาวทั้งสองด้วยซ้ำ
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวร้องไห้ และทะเลาะกันหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์
หลานสุ่ยชิงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก หลังจากรู้ตอนจบแล้ว เรื่องบางอย่างก็สมควรยกมาพูดถึง
วันนี้หลานสุ่ยชิงมาที่เรือนโยวหรานอีกครั้ง นางเลือกมาที่นี่ตอนที่เจ้ากรมหลานมาเยี่ยมไท่ฮูหยิน
เมื่อเห็นหลานสุ่ยชิง รองเจ้ากรมหลานก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่? เจ้าต้องเตรียมตัวแต่งงานอยู่ที่เรือนสุ่ยสี ไม่ต้องมาที่นี่อีก”
คิดดูแล้วมันเป็นสถานที่ที่ไม่เป็นมงคลเลย
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามาที่นี่เพื่อจะบอกอะไรบางอย่างกับท่านและท่านย่าเจ้าค่ะ”
รองเจ้ากรมหลานรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของนาง เขาขมวดคิ้วอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็พยักหน้า และสั่งให้แม่นมซ่งช่วยจัดการไท่ฮูหยินให้เรียบร้อย หลังจากที่ห้องอบอวลไปด้วยควันธูป เขาก็แหวกม่านเดินเข้าไป
ไท่ฮูหยินอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก ผ่านมาหลายวัน ไท่ฮูหยินยอมรับสภาพที่เป็นอยู่ของตัวเองแล้ว แต่การไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดได้ ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงทั้งวันเหมือนตายทั้งเป็น ทำให้นางรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย
หลานสุ่ยชิงนั่งพิงขอบเตียง เม้มปากและถอนหายใจ จากนั้นพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านย่า ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะข้ามีเรื่องจะบอกท่านเจ้าค่ะ”
นางพูดพลางจัดมุมผ้าห่มให้ไท่ฮูหยิน เสียงของนางเบาลงเล็กน้อย “ตระกูลหลานของเรายังไม่มีทายาทสืบสกุล ข้ารู้ว่าท่านอยากได้หลานชายมาตลอด แต่ตอนนั้น…”
ใช่ ไท่ฮูหยินอยากได้หลานชายมาตลอด แต่น่าเสียดายที่รองเจ้ากรมหลานมีลูกสาวสามคนติดกัน แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะได้ลูกชายเลย
ไท่ฮูหยินเคร่งศาสนาพุทธมาก นางจึงไปวัดเพื่ออธิษฐานขอหลานชายเมื่อหลายปีก่อน แต่ผลก็คือทำให้นางต้องอดทนรอ
ต่อมาจินซื่อจ้างนักต้มตุ๋นมาหารองเจ้ากรมหลาน แล้วทำนายว่ารองเจ้ากรมหลานจะมีลูกชายในวัยกลางคน และอย่างน้อยเขาจะไม่มีลูกชายจนกว่าเขาจะอายุสี่สิบปี
ไท่ฮูหยินเชื่อเรื่องนี้มาก หลังจากนั้นจินซื่อก็ไปติดสินบนพระชรารูปหนึ่ง ให้รออยู่ที่วัดแล้วพูดแบบเดียวกัน ไท่ฮูหยินจึงยิ่งปักใจเชื่อเรื่องนี้มากกว่าเดิม ดังนั้นแม้ว่านางจะเฝ้ารอสิ่งนี้อยู่ในใจ แต่นางก็ไม่ได้บังคับให้รองเจ้ากรมหลานให้มีอนุเพิ่มเพื่อให้มีบุตรชาย
ด้วยเหตุนี้ นางจึงรักจินซื่อที่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกชายมาตลอดหลายปี และมอบความคาดหวังและความรักทั้งหมดที่นางมีต่อหลานชาย ให้กับหลานสุ่ยหยวนและน้องสาว
หลานสุ่ยชิงคิดว่าจินซื่อได้โจมตีจุดอ่อนของไท่ฮูหยินได้จริง ๆ
แต่ตอนนี้…
“ท่านย่า ความจริงแล้วพวกนักต้มตุ๋นที่มาทำนายในตอนนั้น ถูกพี่น้องจินซื่อจ้างมาเจ้าค่ะ พวกเขาหลอกลวงท่านย่า นอกเหนือจากเรื่องทำนายโชคชะตาแล้ว เรื่องทายาทสืบสกุลก็เป็นเรื่องไม่จริงเช่นกันเจ้าค่ะ” หลานสุ่ยชิงเม้มปาก แล้วพูดอย่างชัดเจน
ไท่ฮูหยินตกตะลึง รองเจ้ากรมหลานที่นั่งข้างนางก็งุนงงเช่นกัน “สุ่ยชิง หมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านพ่อ ท่านยังจำได้หรือไม่เจ้าคะ ว่าท่านไปที่ห้องของอนุฉีเมื่อสองปีที่แล้ว”
ใบหน้าของรองเจ้ากรมหลานเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะพูดคุยเรื่องแบบนี้ง่าย ๆ ได้อย่างไร?
“ที่จริงหลังจากนั้น อนุฉีได้ตั้งครรภ์เจ้าค่ะ”
รองเจ้ากรมหลานเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าว่าอะไรนะ?”
ไท่ฮูหยินก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มองหลานสุ่ยชิงด้วยความไม่เชื่อสายตา
หลานสุ่ยชิงยิ้ม “ในตอนนั้นอนุฉีตั้งท้องแล้ว แต่เนื่องจากลูกของอนุหลัวถูกจินซื่อฆ่าตายไปก่อนหน้านี้ อนุฉีจึงหวาดกลัว กลัวว่าจะต้องสูญเสียลูกของนางด้วย นางจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ท่านพ่อ ท่านคงจำได้ว่าไม่กี่เดือนหลังจากที่ท่านพ่อไปเรือนอนุฉี อนุฉีกับอนุหลัวก็กลับไปพักผ่อนที่ชนบท”
รูม่านตาของรองเจ้ากรมหลานหดตัวลงทันที รู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้าหมายความว่า… ลูกของอนุหลัวถูกพวกนางสองคน… ฆ่างั้นหรือ?”
ดูสิ หากไม่มีพี่น้องจินซื่อคอยยุแยงตะแคงรั่ว พ่อของนางก็ฟังคำพูดนางแล้ว
ตอนที่อนุหลัวพยายามอธิบายเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถก่อนหน้านี้ รองเจ้ากรมหลานไม่เชื่อเลย เขากลับรู้สึกว่านางเสียสติไปแล้วจึงกล่าวโทษพี่น้องจินซื่อว่าเป็นสาเหตุการตายของลูก
หลานสุ่ยชิงถอนหายใจ “ใช่เจ้าค่ะ เด็กในท้องของอนุหลัวถูกพวกนางฆ่าตายจริง ๆ”
รองเจ้ากรมหลานถอยหลังไปสองก้าว แล้วกลับมานั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เขาพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“ฮือฮือ… อาอา…” ไท่ฮูหยินบนเตียงก็ส่งเสียงแหบพร่า ทันทีที่นางอ้าปากน้ำลายก็ไหลออกมา
ในตอนนี้นางไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องอับอายอีกแล้ว นางเพียงแค่จ้องมองหลานสุ่ยชิงด้วยสายตาเฉียบคม
หลานสุ่ยชิงรู้ว่านางอยากจะยืนยันเรื่องลูกของอนุฉี และสิ่งที่เกิดขึ้นกับอนุหลัว… แต่เรื่องผ่านไปแล้ว ไท่ฮูหยินไม่ได้ใส่ใจมากนัก
นางเม้มปากแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็พูดต่อว่า “ตอนนั้นอนุฉีกับลูกในท้องไปอยู่ที่ชนบท นางไม่กลับมาจนกว่าจะคลอดลูก จากนั้นนางก็กลับมา โดยฝากคนที่ชนบทเลี้ยง…ลูกชายของนาง”
รองเจ้ากรมหลานหันมามองนางทันที อ้าปากค้าง “แล้ว แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ใด?”
หลานสุ่ยชิงจ้องมองเขา จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไป
จากนั้นไม่นาน นางก็เข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้มีอนุฉีและอนุหลัวตามหลังมาด้วย
อนุฉีกำลังอุ้มเด็กชายตัวน้อยที่มีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นไว้ในอ้อมแขน
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนตบหน้าพ่อกับย่าฉาดใหญ่ๆ เลยค่ะ แบบว่าจริงๆ มีน้องชายอยู่นะ แต่ไม่ไปดูดำดูดีเอง
ไหหม่า(海馬)