อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 107 พาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง
ตอนพิเศษ 107 พาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง
ตอนพิเศษ 107 พาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง
เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูมาก แขนเล็ก ๆ ของเขาโอบรอบคอของอนุฉี และยังพ่นฟองน้ำลายออกมาจากปาก ดูน่าขบขันมาก
ดวงตาคู่นั้นของเขาคล้ายกับตาอนุฉีมาก ดูมีชีวิตชีวาราวกับลูกองุ่นแก้ว ทำให้คนมองตกหลุมรักได้ทันที
สิ่งที่ทำให้รองเจ้ากรมหลานตกใจก็คือรูปร่างหน้าตาของเด็ก…ที่ดูราวกับถูกแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกับเขา ช่างคล้ายกับเขามากเหลือเกิน
เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วเอื้อมมือไปกอดเด็กโดยไม่รู้ตัว
แต่เด็กตกใจและหันกลับไปทันที ก่อนจะกอดคออนุฉีแน่น แล้วเริ่มร้องไห้เสียงดัง
รองเจ้ากรมหลานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยความประหม่าว่า “เขา เขาเป็นอะไรไป?”
“นายท่าน” อนุฉีคุกเข่าลงอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงของนางยังคงเหนียมอาย “เด็กคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูมาในชนบท นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอนายท่าน จึงรู้สึกกลัวเพราะไม่คุ้นชิน นายท่านโปรดอย่าโกรธเขาเลยนะเจ้าคะ”
“ลุกขึ้น เจ้าจะคุกเข่าเพื่ออะไร รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ” รองเจ้ากรมหลานรีบประคองนางให้ลุกขึ้น แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เด็กน้อย
อนุหลัวที่อยู่ด้านข้างดูเศร้ามาก แต่ก็ยังมีบางอย่างที่จะพูด
“นายท่าน เด็กคนนี้เป็นลูกชายคนโตของตระกูลหลาน เขาประพฤติดีและเชื่อฟัง เขาต้องเป็นเด็กดีแน่เจ้าค่ะ” เสียงของอนุหลัวเบาแต่ทรงพลัง “เพียงแต่พวกเราปกปิดเรื่องนี้จากนายท่านมาโดยตลอด โปรดอย่าได้ถือโทษเลยนะเจ้าคะ”
รองเจ้ากรมหลานหันไปมองอนุหลัว เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลานสุ่ยชิงพูดเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกผิดก็ผุดขึ้นในใจอย่างอธิบายไม่ถูก เสียงของเขาแหบแห้ง “… มันเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าช่วยเล่ามาที”
มีเสียง ‘อาอาอา’ ดังมาจากเตียง แต่ตอนนี้จิตใจของรองเจ้ากรมหลานกำลังจดจ่ออยู่กับลูก เขาจึงไม่ได้สนใจมาระยะหนึ่งแล้ว
หลานสุ่ยชิงได้ยิน แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ต่อไปก็ปล่อยให้อนุหลัวกับอนุฉีเป็นผู้อธิบายเรื่องทั้งหมดเอง
นางนิ่งไป ก่อนจะถอยออกจากเรือนโยวหรานเงียบ ๆ
หลังจากออกจากประตูเรือนมาแล้ว นางก็เห็นอู๋ซื่อยืนรอนางอยู่
หลานสุ่ยชิงตกตะลึง และรีบถาม “ท่านแม่ เหตุใดท่านไม่เข้าไปข้างในเล่าเจ้าคะ?”
“จะเข้าไปทำอะไรในนั้น? อนุหลัวจะอธิบายทุกอย่างให้กระจ่างเอง”
หลานสุ่ยชิงมองนางด้วยความรู้สึกสงสาร นางจับมืออู๋ซื่อด้วยมืออันอบอุ่นของนาง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ท่านแม่ ท่านยังมีข้าอยู่นะเจ้าคะ”
“อืม เมื่อเห็นว่าเจ้าผ่านพ้นความยากลำบากมาทุกรูปแบบแล้ว แม่ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล” อู๋ซื่อหัวเราะ “แม่เคยเห็นเด็กคนนั้นแล้วเหมือนกัน เขาน่ารักมาก แม่ชอบเขามาก ในอนาคตหากอบรมสั่งสอนให้ดี เขาต้องได้เป็นใหญ่เป็นโตแน่“
หลานสุ่ยชิงหัวเราะ แล้วเดินไปที่เรือนสุ่ยสีกับอู๋ซื่อ
ในเวลานี้ ทุกอย่างลงตัวแล้วจริง ๆ
รองเจ้ากรมหลานยอมรับเด็กคนนั้นได้ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก
สุดท้ายก็ไม่มีพี่น้องจินซื่อคอยเป่าหู ไม่มีสาวใช้ที่ทรยศต่อนายอย่างเสี่ยวจิ้งในตอนนั้น ไม่มีไท่ฮูหยินคอยหวาดระแวง อีกทั้งเด็กคนนั้นยังมีหน้าเหมือนรองเจ้ากรมหลานทุกประการ นี่คือลูกชายที่รองเจ้ากรมหลานรอคอยมานาน
รองเจ้ากรมหลานจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ในวันเดียวกันนั้น เขาพาเด็กไหว้บรรพบุรุษของเขา โดยปฏิบัติต่อเขาเหมือนลูกรัก
ต่อมาหลังจากการตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ อนุฉีและอนุหลัวก็จะเลี้ยงดูลูกภายใต้อำนาจของอู๋ซื่อ พวกนางเป็นอนุมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงสถานะที่ต่ำต้อยของ และความคิดที่ไม่กว้างไกลของพวกนาง สุดท้ายพวกนางก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะดูแลจวนได้อย่างอู๋ซื่อ
เพื่อประโยชน์ของเด็ก พวกนางจะไม่เลี้ยงลูกไว้ข้างกายตน และตามใจเขาจนเสียคน
โชคดีที่อู๋ซื่อใจดี จึงไม่ได้ห้ามทั้งสองดูแลเด็ก แต่จะช่วยกันเลี้ยงด้วยกันทั้งสามคน ทำให้ฮูหยินและอนุมีความสามัคคีกัน หลังจากนั้น ความวุ่นวายในจวนหลานที่เกิดมาหลายปีก็สงบลงเสียที
วันรุ่งขึ้นรองเจ้ากรมหลานส่งหลานสุ่ยหยวนกับน้องสาว ไปแต่งงานที่ชนบท หลังจากรู้ว่าลูกของอนุหลัวถูกพี่น้องจินซื่อฆ่า และรู้ว่าลูกชายของเขาต้องลำบากเพราะพวกนาง รองเจ้ากรมหลานก็เกลียดชังพี่น้องจินซื่อเข้ากระดูกดำ
เขาย่อมไม่มีความประทับใจที่ดีต่อลูกสาวของพวกนาง และรู้สึกอยู่เสมอว่าพวกนางคงมีจิตใจชั่วร้ายเหมือนแม่
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายที่เขาเพิ่งได้รับมาถูกสังหารอีกครั้ง เขาจึงรีบส่งลูกสาวสองคนออกไปจากจวนหลาน
หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่านางได้ทำความดี แม้ว่านางจะเกลียดไท่ฮูหยิน แต่นางก็บอกไท่ฮูหยินว่าตระกูลหลานมีทายาทสืบสกุลที่นางเฝ้ารอคอยมานานหลายปี… แม้ว่านางจะไม่สามารถแม้แต่จะกอดเขาได้ก็ตาม
แต่นางยังจำข่าวที่เยียนจือบอกเมื่อสองสามวันก่อนได้ ว่ากันว่าก่อนที่พี่น้องจินซื่อจะเสียชีวิต ใบหน้าของพวกนางถูกกรีดหลายครั้งจนเสียโฉม ซึ่งเป็นฝีมือของไท่ฮูหยินนั่นเอง ด้วยเหตุนี้หลังจากโต้เถียงกับพวกนางแล้ว รองเจ้ากรมหลานก็ฆ่าพวกนางโดยไม่เสียใจ ราวกับว่าเขารู้สึกขยะแขยงมาก
ไท่ฮูหยินเป็นคนโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งนัก เป็นอย่างตอนนี้ก็นับว่าดีแล้วใช่หรือไม่?
จากนี้ไปตระกูลหลานจะกลมเกลียวกันอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลานสุ่ยชิงก็ไม่อาจหุบยิ้มได้
“ยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นนี้ คิดถึงข้าอยู่หรือเปล่า?” เสียงนุ่มดังมาจากข้างหูนาง
ตอนนี้หลานสุ่ยชิงมีภูมิคุ้มกันเขาที่เข้าใจยากแล้ว นางจึงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หวางเฟยบอกว่าเราไม่ควรพบกันจนกว่าจะแต่งงานกัน”
“เจ้าฟังคำพูดของนางครึ่งเดียวก็พอแล้ว นางหมั่นไส้ข้า จึงต้องการจะแก้แค้นข้า” หนานหนานกระโดดลงจากขอบหน้าต่าง เขาสวมเสื้อคลุมที่หลานสุ่ยชิงทำให้
“…” หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้เข้าใจยากจริง ๆ
“ทีหลังเจ้าช่วยเย็บเสื้อให้ข้าอีกสักสองตัวสิ ตัวเดียวไม่พอ”
“…” ที่จวนเขาไม่ได้มีสาวเย็บผ้ามากมายหรือ? ฝีมือนางไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นเลยไม่ใช่หรือ? นางมองค้อนเขา แต่ความยินดีในใจแผ่ขยายออกไปทีละนิด
มุมปากนางกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็เผลอเอ่ยคำบางคำออกมาโดยไม่ผ่านสมอง “ได้สิ”
ทันทีที่นางพูดจบ นางรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
หนานหนานหัวเราะออกมาดังลั่น แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีชัย
หลานสุ่ยชิงลูบหน้าผากตัวเอง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ช่วงนี้เจ้าดูว่างมาก” นางยุ่งมากเพราะต้องเตรียมตัวสำหรับการแต่งงาน นางจึงคิดอยากจะมีมือเพิ่มอีกสักสองมือ ตอนนี้เรือนของนางรกมาก เต็มไปด้วยข้าวของมากมาย
สำหรับเรื่องการแต่งงาน ดูเหมือนว่าสตรีจะมีเรื่องต้องทำมากมาย ต้องใช้เวลานานในการทำชุดให้ว่าที่สามี ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
หนานหนานเข้าไปจับมือนาง ขยิบตาให้นาง แล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า “วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อพาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง”
“หือ?” หลานสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบ เขาก็ดึงตัวนางออกไปแล้ว
เมื่อเยียนจือที่กำลังจะเข้ามาพร้อมกับสิ่งของมากมายที่ประตูเห็นเช่นนั้น นางก็ได้แต่ก้าวออกไปยืนห่าง ๆ ทันที และเฝ้าดูพวกเขาจากไป จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วหันหลังเดินไปหาฮูหยินของนางที่สวนหลาน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอไม่มีจินซื่อแล้วทั้งจวนก็สงบสุขทันตาเห็น นับว่าสองพี่น้องจินซื่อนี่เป็นมะเร็งร้ายของจวนจริงๆ
หนานหนานจะพาว่าที่เจ้าสาวไปไหน
ไหหม่า(海馬)