อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 108 แต่งงาน
ตอนพิเศษ 108 แต่งงาน
ตอนพิเศษ 108 แต่งงาน
หนานหนานพาหลานสุ่ยชิงไปขึ้นรถม้า แล้วห้อตะบึงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็มาจอดที่หน้าประตูวังหลวง
หลานสุ่ยชิงมองกำแพงสูงเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าพาข้ามาที่วังหลวง… เพื่ออะไร?”
สำหรับสถานที่เช่นนี้ นางย่อมประหม่าเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
“ขอราชโองการจากฝ่าบาท” หนานหนานจูงมือนางเดินเข้าไปข้างใน
หลานสุ่ยชิงรีบเดิน ตอนที่นางมาเยือนที่นี่ครั้งที่แล้ว นางไม่ได้สนใจรอบกายเลยเพราะความประหม่า ตอนนี้มีหนานหนานอยู่เคียงข้างนาง นางจึงสามารถสงบสติอารมณ์ และมองดูทิวทัศน์โดยรอบ
แต่นางก็ยังสงสัยอยู่มาก “ราชโองการอะไร?”
“ราชโองการให้พวกเราแต่งงานกัน”
ฝีเท้าของหลานสุ่ยชิงเผลอหยุดลงทันที นางหันไปมองเขาด้วยความไม่เชื่อ “เดี๋ยวนะ เหตุใดเจ้าถึงต้องการให้ฝ่าบาทรับสั่งให้เราแต่งงานกัน? ทุกอย่างไม่ได้ถูกกำหนดไว้แล้วหรอกหรือ?”
หนานหนานหันมามองนาง พร้อมเลิกคิ้วขึ้น “หากฝ่าบาทรับสั่งให้แต่งงาน ในอนาคตข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าต้องเสียใจ เจ้าจะได้วางใจได้”
หลานสุ่ยชิงขมวดคิ้ว ไม่มีอารมณ์ชื่นชมทิวทัศน์อีกต่อไป นางจ้องมองหนานหนานอยู่พักใหญ่ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ความจริงแล้วไม่ต้องให้ฝ่าบาทรับสั่งให้แต่งงาน ข้าก็ยังเชื่อใจเจ้าเหมือนเดิม”
หนานหนานรู้สึกว่าคำพูดนั้นซาบซึ้งมาก หัวใจของเขาเต้นระรัว
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเรื่อย ๆ และจับมือเล็ก ๆ ของนางแน่นขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หยุดฝีเท้าลง แล้วหันไปบีบจมูกสวยของนาง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ช่างโง่เขลาเสียนี่กระไร เหตุใดเจ้าไม่ป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่ง?”
“…” หลานสุ่ยชิงรู้สึกอบอุ่นในใจจนพูดไม่ออก รู้สึกเจ็บว่าน้ำตาคลอเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
นางอึ้งไปตลอดทางโดยไม่พูดอะไรสักคำ และถูกหนานหนานลากเข้าไปในห้องตำราหลวงของฮ่องเต้
เย่หลานเฉิงกำลังตรวจสอบรายงาน เมื่อเขาได้ยินว่าหนานหนานกำลังจะมา เขาก็เดินออกจากด้านหลังโต๊ะทันที
เมื่อเห็นเขาพาหลานสุ่ยชิงเข้ามาด้วย เขาก็เลิกคิ้วทันที และยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “อะไรกัน เจ้าจะพามาแนะนำข้าอย่างเป็นทางการหรือ? จะว่าไปแล้วเจ้าก็ไม่ได้มาเยี่ยมข้าเลย ตั้งแต่นัดกันคราวที่แล้ว เจ้าให้ความสำคัญกับสตรีมากกว่าสหายเสียอีก”
“ฝ่าบาทอิจฉาหรือ?”
หลานสุ่ยชิง “…” นางหูฝาดไปหรือไม่ สามารถล้อเล่นกับฮ่องเต้เช่นนี้ได้ด้วยหรือ?
เย่หลานเฉิงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “เจ้าไม่ค่อยอยากเข้าวัง”
“อืม ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยมีเวลาเข้าวัง วันนี้ข้าจึงยังอุตส่าห์ทำตัวให้ว่างเพื่อมาที่นี่”
เย่หลานเฉิง “…” เขารู้ว่างาช้างย่อมไม่งอกจากปากสุนัข
เขาหันไปมองหลานสุ่ยชิง “แม่นางหลาน เราพบกันอีกแล้ว”
“หม่อมฉันถวายบังคมฮ่องเต้เพคะ” ในที่สุดหลานสุ่ยชิงก็ได้โอกาสทำความเคารพ แต่ในขณะที่นางกำลังจะคุกเข่าลง หนานหนานก็ดึงนางไปไว้ข้างหลังเขา
“หากฝ่าบาทอยากจะพูดอะไรก็พูดกับข้าเถอะ สุดท้ายแล้วหญิงชายอย่างเจ้ากับสุ่ยชิงก็แตกต่างกันอย่างเคร่งครัด”
เย่หลานเฉิงต้องการให้ใครสักคนมาลากหนานหนานออกไป เพราะทุกครั้งที่เขาพูด เขาจะทำให้ตนโกรธ
“แม่นางหลานเป็นน้องสะใภ้ของข้า เหตุใดข้าจะพูดด้วยไม่ได้?”
“รอจนกว่าเจ้าจะมีฮองเฮาแล้วค่อยมาพูด” หนานหนานยืนอยู่หน้าหลานสุ่ยชิงเหมือนเด็ก
เย่หลานเฉิงนึกเย้ยหยัน จากนั้นหันกลับไปนั่งด้านหลังโต๊ะทำงานอีกครั้ง
แต่พูดถึงฮองเฮา…
“ไม่นานมานี้ข้าได้พบสาวน้อยคนหนึ่งที่น่าสนใจมาก”
“สาวน้อยงั้นหรือ?” หนานหนานจับประเด็นเก่งมาก “น้อยแค่ไหน?”
“…” เมื่อรู้สึกว่าเขาไม่สามารถคุยกันดี ๆ ได้อีกต่อไป เย่หลานเฉิงก็กระแอมเบา ๆ “ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่ข้าจะแต่งงาน”
เมื่อเทียบกับของเขาแล้ว ก็ค่อนข้างน้อยไปหน่อย
แต่ท่านน้าชิงบอกว่าถ้าเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจะใกล้ชิดกัน
หนานหนานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ดังนั้นท่านป้าโหรวก็ต้องรอไปอีกหนึ่งปี ช่างน่าสงสารนัก
เพียงแค่มองไปท่าทางของเขา เย่หลานเฉิงก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ มุมปากของเขากระตุก และเปลี่ยนเรื่องทันที “วันนี้เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“เจ้าช่วยออกราชโองการให้ข้าหน่อยเถิด”
เย่หลานเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ราชโองการยังจำเป็นกับเจ้าอีกหรือ?”
“จำเป็นสิ” หนานหนานตอบด้วยความมั่นใจ
เย่หลานเฉิงมองหลานสุ่ยชิงอย่างมีความหมาย หัวเราะแห้ง ๆ และแอบลูบหน้าผากตัวเอง
เย่หลานเฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “ก็ได้ มันบังเอิญมากที่หลานเวยก็มาขอราชโองการจากข้าด้วย จะได้ให้พร้อมกันไปเลย”
เย่หลานเวยขอราชโองการหรือ? นี่เป็นเรื่องแปลกมาก
“เขาต้องการราชโองการไปทำอะไร?”
“เหมือนเจ้านั่นแหละ”
หนานหนานประหลาดใจมากกว่าเดิม เขาก้าวไปข้างหน้าแล้วเลิกคิ้วถาม “เขาก็กำลังจะแต่งงานด้วยหรือ? กับใครกัน?”
“ลูกสาวตระกูลแม่ทัพหยางหลง น่าจะชื่อว่าหยางซาน”
หยางซานหรือ? หลานสุ่ยชิงตกตะลึง หยางซานเป็นหญิงที่ช่วยพูดให้นาง ที่ตำหนักองค์ชายสามในวันนั้นไม่ใช่หรือ?
นางยังคงมีความประทับใจที่ดีต่อหยางซาน นางมีจิตวิญญาณกล้าหาญสมกับเป็นลูกสาวแม่ทัพ ได้ยินมาว่าเวยซื่อจื่อก็ฝึกฝนในกองทัพด้วยเช่นกัน ทั้งสองจึงน่าจะมีความสนใจคล้ายกัน
“พวกเจ้าช่างน่าสนใจ เหมือนกับว่าตกลงกันไว้แล้ว ถึงไม่ต้องพยายามหาก็หาได้กันหมดแล้ว” เย่หลานเฉิงส่ายหน้า เมื่อคิดว่าตัวเขาเองคงต้องรออีกปี เขาก็รู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย “ต่อไปก็ถึงเวลาของเนี่ยนเนี่ยน อีกไม่นานประตูตำหนักอ๋องซิวคงจะพังเป็นแน่”
เมื่อได้ยินดังนั้น หนานหนานก็ฝืนหัวเราะออกมา “เนี่ยนเนี่ยนหรือ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก จดหมาย… จากอาณาจักรเทียนอวี่มาถึงแล้ว”
เนี่ยนเนี่ยนถึงวัยที่จะมีคู่ครองแล้ว นางเป็นโสดมาหลายปี ตอนนี้ไม่อาจรอได้อีกต่อไป
แต่เมื่อคิดเข้าข้างตัวเอง…
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนานหนานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นางเป็นน้องสาวที่เขาเลี้ยงดูมาหลายปี เมื่อรู้สึกว่าผักกาดขาวดี ๆ จะถูกหมูแทะทำลาย เขาจึงรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อยเช่นกัน
หลานสุ่ยชิงมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้างุนงง เหตุใดทั้งสองคนถึงแสดงสีหน้าเช่นนั้นพร้อมกัน?
นางเผลอส่ายหน้าออกมา พูดตามตรง ตั้งแต่นางได้รู้จักกับหนานหนาน ความเข้าใจของนางเกี่ยวกับผู้คนอย่าง ฮ่องเต้ องค์หญิง จวิ้นจู่ หวางเฟย และซื่อจื่อก็เปลี่ยนไปหมด
ความเข้มงวดและความเฉยเมยที่นางคิดไว้ในตอนแรกไม่มีเลย แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
นางเริ่มตั้งตารอชีวิตหลังแต่งงานอย่างอธิบายไม่ถูก
ไม่นานราชโองการให้อภิเษกสมรสก็ออกมา นอกจากราชโองการนั้น ยังมีผลมาจากการรื้อฟื้นคดีตระกูลอู๋ด้วย ทำให้เหล่าขุนนางที่ได้รับความเดือดร้อนจากความอยุติธรรม และถูกกดขี่ข่มเหงล้วนได้รับการเยียวยา
ทั้งลูกและญาติก็จะได้รับสิทธิพิเศษเช่นกัน
อู๋หลินเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวที่แต่งงานไปแล้วไม่คิดว่าคนที่พวกนางมอบหมายภารกิจสำคัญให้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลานสุ่ยชิง
ยี่สิบวันต่อมา ในวันที่สองของเดือนเก้า เมืองหลวงจัดงานที่มีชีวิตชีวามากที่สุดอีกครั้ง
ซื่อจื่อองค์โตแห่งตำหนักอ๋องซิว และลูกสาวคนโตของครอบครัวรองเจ้ากรมหลาน เข้าพิธีอภิเษกสมรสกัน
คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงต่างมาชมความสนุกตื่นเต้น เย่ฉิงหนานที่เหล่าญาติของเขามักจะมองว่าเป็นคนตระหนี่มาโดยตลอด ครั้งนี้เขาทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนัก
ถนนแทบจะเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวอย่างถั่วลิสง ลำไย หรือแม้แต่เหรียญอีแปะที่เขาโปรยปราย ราวกับทุกคนในเมืองหลวงกำลังร่วมเฉลิมฉลองร่วมกับเขา
หลานสุ่ยชิงนั่งอยู่บนเกี้ยวเจ้าสาว รู้สึกได้ถึงความสุขอันเปี่ยมล้น
อู๋ซื่อน้ำตาคลอเบ้า แต่หลังจากเห็นตอนส่งตัวเจ้าสาว นางก็รู้สึกตื้นตันเสียจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
งานเลี้ยงในตำหนักอ๋องซิวถูกจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันเต็ม
ในวันที่คึกคักมีชีวิตชีวา คนเดียวที่ถูกทิ้งไว้ให้โดดเดี่ยวน่าจะเป็นไท่ฮูหยิน ที่นอนอยู่บนเตียงและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ในเรือนโยวหรานของจวนหลาน
(ตอนพิเศษของหนานหนานจบบริบูรณ์)
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในที่สุดก็จบตอนพิเศษของหนานหนานแล้วนะคะ ยินดีกับชีวิตแต่งงานด้วยค่ะ แต่งงานแล้วอย่าแสบซ่าแบบเด็กๆ นะคะ
ต่อไปจะเป็นตอนพิเศษของใคร ติดตามในวันพรุ่งนี้ค่ะ
ไหหม่า(海馬)